ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 61
บริษัทที่ 18 คือ AFC
ราคาพาร์ = 10.00 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 45,574,266 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 262.05 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 228,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 5.75 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,311,000 บาท
บริษัทฯนี้เก่าแก่มากทีเดียว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ออฟฟิสอยู่ที่อาคารวอลล์สตรีท ย่านบางรัก
เกือบ 35 ปี ที่บริษัทฯเล็กๆแห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวในตลาดทุนแห่งนี้
บริษัทฯแห่งนี้เป็นผู้ผลิตไนล่อน จดทะเบียนในกลุ่ม "แฟชั่น"
มีโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู
หุ้นตัวนี้ราคาปรับเพิ้่มขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ในปัจจุบัน P/BV ของหุ้นตัวนี้ก็ยังคงเท่ากับ 0.27 เท่านั้น
แปลกันง่ายๆซื่อๆว่า หุ้นตัวนี้มีบุ๊คแวลู่สูงถึง 21.29 บาท!!!!!!!!!
โอ้แม่เจ้า!!! (นี่มันอะไรกันนี่ คนเขียนเองยังงงๆเหมือนกัน 555+)
บริษัทฯนี้ถือหุ้นใหญ่และบริหารงานโดย "กลุ่มนำชัยศิริ" และ "กลุ่มศิริเกียรติสูง"
หุ้นในตลาดไม่ค่อยจะมีสภาพคล่องเอาซะเลยจริงๆ
แต่ผมมองว่า ช่วงหลังๆ บริษัทมีผลประกอบการใน Trend ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมบ้างอ่ะนะครับ
หุ้นเล็กๆตัวนี้ ที่ผมยกตัวอย่างมาเพราะอยากให้มองเป็น Case Study อ่ะนะครับ
สำหรับเรื่อง "ขาดทุนสะสม" ของบริษัทฯที่มีอยู่จำนวน -166 ล้านบาท
นั่นคือ...
- ตามกฏหมายแล้ว "ถ้าบริษัทฯยังมีขาดทุนสะสมอยู่ บริษัทฯจะไม่สามารถจ่ายปันผลได้(แม้ว่าจะมีกำไรก็ตาม)"
- โดยส่วนมากแล้ว บริษัทฯจะค่อยๆทำกำไร เพื่อไปล้างขาดทุนสะสมนั้น
- แต่ในทางบัญชีฯแล้ว มีทางลัดอยู่ ถ้าบริษัทฯต้องการจ่ายปันผลทันที
บริษัทฯสามารถทำได้ทันทีครับ โดยการนำ "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น(แค่เพียงบางส่วน)" นำมาล้างขาดทุนสะสมให้หมดเสียก่อน
เพราะบริษัทฯมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นอยู่ถึงมากถึง 369 ล้านบาท (ซึ่งมีมากกว่าขาดทุนสะสมของตนเอง)
แล้วบริษัทฯก็สามารถจ่ายปันผลได้ทันที
ย้ำว่า...ในกรณีที่บริษัทฯมีกำไรนะครับ!!!! (ถ้าขาดทุน ก็เลิกพูดเรื่องปันผลได้เลยครับ)
เค้าเรียกว่า "การจัดการทางบัญชีฯ" คืือโยกย้ายบัญชีเท่านั้นเองอ่ะนะขอรับ
แต่มันก็อยู่ที่ว่า บริษัทฯจะทำหรือไม่? มติของบอร์ดจะว่าอย่างไร?
และสุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "เสียงของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่" เท่านั้นที่จะเป็นเสียงสวรรค์ว่าบริษัทฯจะทำอย่างไร
บางที เราถือหุ้นเป็นเสียงส่วนน้อย เราก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะครับ
"เงิน 1.31 ล้านบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯเก่าแก่แห่งนี้ครับ
ราคาพาร์ = 10.00 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 45,574,266 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 262.05 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 228,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 5.75 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,311,000 บาท
บริษัทฯนี้เก่าแก่มากทีเดียว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ออฟฟิสอยู่ที่อาคารวอลล์สตรีท ย่านบางรัก
เกือบ 35 ปี ที่บริษัทฯเล็กๆแห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวในตลาดทุนแห่งนี้
บริษัทฯแห่งนี้เป็นผู้ผลิตไนล่อน จดทะเบียนในกลุ่ม "แฟชั่น"
มีโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู
หุ้นตัวนี้ราคาปรับเพิ้่มขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ในปัจจุบัน P/BV ของหุ้นตัวนี้ก็ยังคงเท่ากับ 0.27 เท่านั้น
แปลกันง่ายๆซื่อๆว่า หุ้นตัวนี้มีบุ๊คแวลู่สูงถึง 21.29 บาท!!!!!!!!!
โอ้แม่เจ้า!!! (นี่มันอะไรกันนี่ คนเขียนเองยังงงๆเหมือนกัน 555+)
บริษัทฯนี้ถือหุ้นใหญ่และบริหารงานโดย "กลุ่มนำชัยศิริ" และ "กลุ่มศิริเกียรติสูง"
หุ้นในตลาดไม่ค่อยจะมีสภาพคล่องเอาซะเลยจริงๆ
แต่ผมมองว่า ช่วงหลังๆ บริษัทมีผลประกอบการใน Trend ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมบ้างอ่ะนะครับ
หุ้นเล็กๆตัวนี้ ที่ผมยกตัวอย่างมาเพราะอยากให้มองเป็น Case Study อ่ะนะครับ
สำหรับเรื่อง "ขาดทุนสะสม" ของบริษัทฯที่มีอยู่จำนวน -166 ล้านบาท
นั่นคือ...
- ตามกฏหมายแล้ว "ถ้าบริษัทฯยังมีขาดทุนสะสมอยู่ บริษัทฯจะไม่สามารถจ่ายปันผลได้(แม้ว่าจะมีกำไรก็ตาม)"
- โดยส่วนมากแล้ว บริษัทฯจะค่อยๆทำกำไร เพื่อไปล้างขาดทุนสะสมนั้น
- แต่ในทางบัญชีฯแล้ว มีทางลัดอยู่ ถ้าบริษัทฯต้องการจ่ายปันผลทันที
บริษัทฯสามารถทำได้ทันทีครับ โดยการนำ "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น(แค่เพียงบางส่วน)" นำมาล้างขาดทุนสะสมให้หมดเสียก่อน
เพราะบริษัทฯมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นอยู่ถึงมากถึง 369 ล้านบาท (ซึ่งมีมากกว่าขาดทุนสะสมของตนเอง)
แล้วบริษัทฯก็สามารถจ่ายปันผลได้ทันที
ย้ำว่า...ในกรณีที่บริษัทฯมีกำไรนะครับ!!!! (ถ้าขาดทุน ก็เลิกพูดเรื่องปันผลได้เลยครับ)
เค้าเรียกว่า "การจัดการทางบัญชีฯ" คืือโยกย้ายบัญชีเท่านั้นเองอ่ะนะขอรับ
แต่มันก็อยู่ที่ว่า บริษัทฯจะทำหรือไม่? มติของบอร์ดจะว่าอย่างไร?
และสุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "เสียงของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่" เท่านั้นที่จะเป็นเสียงสวรรค์ว่าบริษัทฯจะทำอย่างไร
บางที เราถือหุ้นเป็นเสียงส่วนน้อย เราก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะครับ
"เงิน 1.31 ล้านบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯเก่าแก่แห่งนี้ครับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 62
ลำดับ / บริษัท / จำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อเป็น ผถห. รายใหญ่ (ประมาณการ)
1. YCI = 189,000 บาท
2. CHUO = 421,875 บาท
3. WIN = 564,190 บาท
4. DIMET = 639,000 บาท
5. CMO = 682,000 บาท
6. STAR = 863,600 บาท
7. BTNC = 876,000 บาท
8. SLC = 1,060,500 บาท
9. NC = 1,121,325 บาท
10. AFC = 1,311,000 บาท
11. PLUS = 1,650,000 บาท
12. L&E = 1,834,000 บาท
13. PAE = 1,930,000 บาท
14. BWG = 2,688,000 บาท
15. PAF = 2,700,000 บาท
16. OFM = 2,840,000 บาท
17. TFD = 2,875,000 บาท
18. BROCK = 3,600,000 บาท
ก่อนจบการเขียนตรงนี้ลง
เรามาดู "Dark Side" ของหุ้นจิ๋วพวกนี้กันบ้างดีกว่านะครับ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เท่าที่ผมพอจะนึกออกคร่าวๆมีดังนี้ครับ
1. ซื้อยาก เพราะหุ้นไม่มีสภาพคล่อง
2. "ซื้อที่ว่ายาก" แล้ว แต่มีคนฝากมาบอกว่า "ขายยากกว่า!!!!"
เพราะหุ้นสภาพคล่องต่ำ บางทีไม่มี Bid รองรับ
ดังนั้นถ้าเราวิเคราะห์ผิด มองธุรกิจผิด หรือแม้แต่คาดการณ์ผลประกอบการผิด
ในระยะสั้น งานเข้าแน่ๆ!!!
และที่สำคัญ เราจะออกของลำบากครับ เพราะไม่มีคนมา Bid
เจ๊งสถานเดียวครับ หรือไม่ก็ติดดอบยาว เป็น VI จำเป็นไปเลยโดยอัตโนมัติ
3. เซ็งครับ เวลาตลาดกระทิง คนอื่นเทรดกันโครมๆ
ทั้งวันหุ้นเราไม่มีคนซื้อขายเลย!!! นั่งหาวแล้ว หาวอีก
เพื่อนๆก็ล้อครับ ว่า "แกเล่นหุ้นอะไรของแกว่ะ ไม่เห็นรู้จักเลย"
ผมมองว่า "หุ้นพวกนี้บางตัว เล่นกันแค่ปีละ 4 ครั้งครับ ในช่วงที่ประกาศผลกอบการทั้ง 4 ไตรมาส" อ่ะนะครับ
4. อย่างที่บอก ถ้ามีคนรู้ข้อมูล Inside มา เค้าจะได้เปรียบเราอย่างมาก
เพราะบริษัทฯเล็ก การเคลื่อนไหวของราคาจะเป็นไปอย่างรุนแรง และรวดเร็ว
5. โบรคจะไม่ปล่อย Margin ให้เล่นหุ้นเหล่านี้ครับ เค้ามองว่ามีความเสี่ยงสูงมากสำหรับเค้า
6. หุ้นบางตัว ผู้บริหารไม่สนใจผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างพวกเรา
บางทีกำไรเยอะ แต่จ่ายปันผลน้อย
เพราะเค้าไม่ได้สนใจราคาหุ้นบนกระดานของเค้าเลย เค้าเพียงค้าขายและทำธุรกิจเท่านั้นเอง
7. ไม่มีบทวิเคราะห์จากโบรคต่างๆ เพราะบริษัทฯเหล่านี้ มันเล็กเกินไป ไม่น่าดึงดูดเลยสำหรับรายใหญ่
8. หาข่าวลำบาก เพราะผู้บริหารไม่ค่อยจะออกสื่อใดๆเลย
แล้วหุ้นไม่มีข่าว ราคามันจะหวือหวาได้เช่นไรขอรับท่านผู้บริหารที่เคารพ
บางคนเชื่อว่า..."อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตระกร้าใบเดียวกัน!!!"
บางคนเชื่อว่า..."มองภาพเล็ก ก็เป็นแค่สเป็กกูเรเตอร์!!!"
บางคนเชื่อว่า..."ต้องจ่ายตลาดช่วงตี 4 ตี 5 กล่าวคือให้ซื้อหุ้นในช่วงที่คนยังไม่เริ่มเล่นกัน
ประมาณว่าเป็นช่วงที่ Offer หนาๆ แต่ Bid บางๆ รายใหญ่เค้ายังไม่ไล่ซ์้อ แต่เค้าจะตั้งรับรอคนอื่นขายของมาให้ในราคาถูก หุ้นจะดูนิ่งๆ"
บางคนเชื่อว่า..."ต้องดูจากกราฟ ถ้าสัญญาณซื้อและโวลุ่มเข้าเมื่อไหร่ ฉันค่อยซื้อตาม "
ประมาณว่า ถือคติว่า "ซื้อแพงหน่อย ดีกว่าซื้อแล้วต้องเก็บดองเอาไว้"
บางคนเชื่อว่า..."หุ้นขนาดเล็กจะเติบโตได้ดี"
ในขณะที่บางคนอาจะเชื่อว่า..."หุ้นขนาดเล็กมีความเสี่ยงสูง สู้เล่นหุ้นใหญ่ๆที่มั่นคงไม่ได้"
สำหรับผมแล้ว...
"หุ้นขนาดจิ๋ว" หรือ "หุ้นตัวเล็กจี๊ด" มันเป็นเพียงแค่ "การลงทุนทางเลือก(Alternative Investment)" ก็เท่านั้นเอง
ในโลกแห่งความเป็นจริง
มีหลากหลายความเชื่อในการลงทุน คงไม่มีใครถูกและไม่มีใครผิด
ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ไม่ว่าจะเป็น Technical , VI , Day-Trade , หุ้นห่านทองคำ หรือประเภทลูกผสม
คุณเองต่างหากครับ...ที่ต้องหาแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง
สุดท้ายนี้จริงๆ Enjoy ในการลงทุน
โชคดี มีกำไรทุกท่านครับผม (^_^)
########## จบบริบูรณ์ ##########
1. YCI = 189,000 บาท
2. CHUO = 421,875 บาท
3. WIN = 564,190 บาท
4. DIMET = 639,000 บาท
5. CMO = 682,000 บาท
6. STAR = 863,600 บาท
7. BTNC = 876,000 บาท
8. SLC = 1,060,500 บาท
9. NC = 1,121,325 บาท
10. AFC = 1,311,000 บาท
11. PLUS = 1,650,000 บาท
12. L&E = 1,834,000 บาท
13. PAE = 1,930,000 บาท
14. BWG = 2,688,000 บาท
15. PAF = 2,700,000 บาท
16. OFM = 2,840,000 บาท
17. TFD = 2,875,000 บาท
18. BROCK = 3,600,000 บาท
ก่อนจบการเขียนตรงนี้ลง
เรามาดู "Dark Side" ของหุ้นจิ๋วพวกนี้กันบ้างดีกว่านะครับ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เท่าที่ผมพอจะนึกออกคร่าวๆมีดังนี้ครับ
1. ซื้อยาก เพราะหุ้นไม่มีสภาพคล่อง
2. "ซื้อที่ว่ายาก" แล้ว แต่มีคนฝากมาบอกว่า "ขายยากกว่า!!!!"
เพราะหุ้นสภาพคล่องต่ำ บางทีไม่มี Bid รองรับ
ดังนั้นถ้าเราวิเคราะห์ผิด มองธุรกิจผิด หรือแม้แต่คาดการณ์ผลประกอบการผิด
ในระยะสั้น งานเข้าแน่ๆ!!!
และที่สำคัญ เราจะออกของลำบากครับ เพราะไม่มีคนมา Bid
เจ๊งสถานเดียวครับ หรือไม่ก็ติดดอบยาว เป็น VI จำเป็นไปเลยโดยอัตโนมัติ
3. เซ็งครับ เวลาตลาดกระทิง คนอื่นเทรดกันโครมๆ
ทั้งวันหุ้นเราไม่มีคนซื้อขายเลย!!! นั่งหาวแล้ว หาวอีก
เพื่อนๆก็ล้อครับ ว่า "แกเล่นหุ้นอะไรของแกว่ะ ไม่เห็นรู้จักเลย"
ผมมองว่า "หุ้นพวกนี้บางตัว เล่นกันแค่ปีละ 4 ครั้งครับ ในช่วงที่ประกาศผลกอบการทั้ง 4 ไตรมาส" อ่ะนะครับ
4. อย่างที่บอก ถ้ามีคนรู้ข้อมูล Inside มา เค้าจะได้เปรียบเราอย่างมาก
เพราะบริษัทฯเล็ก การเคลื่อนไหวของราคาจะเป็นไปอย่างรุนแรง และรวดเร็ว
5. โบรคจะไม่ปล่อย Margin ให้เล่นหุ้นเหล่านี้ครับ เค้ามองว่ามีความเสี่ยงสูงมากสำหรับเค้า
6. หุ้นบางตัว ผู้บริหารไม่สนใจผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างพวกเรา
บางทีกำไรเยอะ แต่จ่ายปันผลน้อย
เพราะเค้าไม่ได้สนใจราคาหุ้นบนกระดานของเค้าเลย เค้าเพียงค้าขายและทำธุรกิจเท่านั้นเอง
7. ไม่มีบทวิเคราะห์จากโบรคต่างๆ เพราะบริษัทฯเหล่านี้ มันเล็กเกินไป ไม่น่าดึงดูดเลยสำหรับรายใหญ่
8. หาข่าวลำบาก เพราะผู้บริหารไม่ค่อยจะออกสื่อใดๆเลย
แล้วหุ้นไม่มีข่าว ราคามันจะหวือหวาได้เช่นไรขอรับท่านผู้บริหารที่เคารพ
บางคนเชื่อว่า..."อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตระกร้าใบเดียวกัน!!!"
บางคนเชื่อว่า..."มองภาพเล็ก ก็เป็นแค่สเป็กกูเรเตอร์!!!"
บางคนเชื่อว่า..."ต้องจ่ายตลาดช่วงตี 4 ตี 5 กล่าวคือให้ซื้อหุ้นในช่วงที่คนยังไม่เริ่มเล่นกัน
ประมาณว่าเป็นช่วงที่ Offer หนาๆ แต่ Bid บางๆ รายใหญ่เค้ายังไม่ไล่ซ์้อ แต่เค้าจะตั้งรับรอคนอื่นขายของมาให้ในราคาถูก หุ้นจะดูนิ่งๆ"
บางคนเชื่อว่า..."ต้องดูจากกราฟ ถ้าสัญญาณซื้อและโวลุ่มเข้าเมื่อไหร่ ฉันค่อยซื้อตาม "
ประมาณว่า ถือคติว่า "ซื้อแพงหน่อย ดีกว่าซื้อแล้วต้องเก็บดองเอาไว้"
บางคนเชื่อว่า..."หุ้นขนาดเล็กจะเติบโตได้ดี"
ในขณะที่บางคนอาจะเชื่อว่า..."หุ้นขนาดเล็กมีความเสี่ยงสูง สู้เล่นหุ้นใหญ่ๆที่มั่นคงไม่ได้"
สำหรับผมแล้ว...
"หุ้นขนาดจิ๋ว" หรือ "หุ้นตัวเล็กจี๊ด" มันเป็นเพียงแค่ "การลงทุนทางเลือก(Alternative Investment)" ก็เท่านั้นเอง
ในโลกแห่งความเป็นจริง
มีหลากหลายความเชื่อในการลงทุน คงไม่มีใครถูกและไม่มีใครผิด
ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ไม่ว่าจะเป็น Technical , VI , Day-Trade , หุ้นห่านทองคำ หรือประเภทลูกผสม
คุณเองต่างหากครับ...ที่ต้องหาแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง
สุดท้ายนี้จริงๆ Enjoy ในการลงทุน
โชคดี มีกำไรทุกท่านครับผม (^_^)
########## จบบริบูรณ์ ##########
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- vilage
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 63
น่าสนใจมากครับ เป็นอีก idea ในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยpak เขียน: ########## จบบริบูรณ์ ##########
ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เรามี ถ้าเรารู้จักมันดี ความเสี่ยงก็จะลดลง
คุญ pak ดูมีความในตัวบริษัทดี
ไม่ทราบท่านมีวิธีการหาข้อมูลยังไงครับ
- Outliers
- Verified User
- โพสต์: 527
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 66
อ้าว!! ไหงจบซะง่ายๆ อย่างนั้นล่ะครับpak เขียน:########## จบบริบูรณ์ ##########
ผมก็รอว่าจะถึงตัวที่ผมสนใจมองๆ อยู่เมื่อไหร่ เช่น
PREB, LHK, CHARAN, HTECH
พวกนี้จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ใช้เงินไม่เกิน 4 ล้านนะครับ
แล้วก็มีพื้นฐานค่อนข้างดีด้วย (พูดเอง เออเองเลยนะเนี่ย)55
The Miracle of 10,000 hrs
-
- Verified User
- โพสต์: 181
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 68
เห็นคุณ pak โพสแล้วถ้าซื้อแล้วอาจลิ่งได้ แต่ชอบหุ้นที่คุณ Pak โพสหลายตัว ยังไงขอไม่เป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ได้ กลัวซื้อแพง
ถ้าไม่เคยผิดพลาด คงยังเรียกตัวเอง ว่านักลงทุนมืออาชีพ ไม่ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 70
มานั่งอ่านดูดีๆ เอ้...นี่เรามัวแต่เขียนเรื่องอื่น
เรายังไม่ได้ตอบคำถาม จขกท. เลยนี่หว่า ว่า "รู้สึกอย่างไรเมื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่?"
ส่วนตัวนะครับ...
ผมเองก็เห่อ และดีใจอยู่แว็บเดียวครับ แล้วมันก็หายไป
ตอนเห่อใหม่ๆ ก็เปิดเว็บ Settrade ให้คุณพ่อคุณแม่ดูครับ
ท่านตกใจนิดหน่อย!!!
แต่พอท่านมานั่งคำนวณเป็นเงินแล้ว "เออ...มันก็เป็นเงินนิดเดียวเองนี่หน่า" 555+
แต่ถ้าบริษัทฯเล็กๆที่เราเลือกไว้
สามารถเติบโตขึ้นมาได้จริงๆ เราคงแอบความสุขและภาคภูมิใจไปพร้อมๆกับบริษัทฯนั้นอ่ะนะครับ
แท้จริงแล้ว...
"การอยากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของผม" เป็นเพียงกุศโลบายนึงเท่านั้นเองอ่ะนะขอรับ
ที่ทำให้ผมสามารถเลิกพฤติกรรมที่ทำให้ผมไม่มีความสุขได้หลายอย่าง เช่น...
1) ผมสามารถเลิกการซื้อๆขายๆ
2) ผมสามารถเลิกการเล่นเก็งกำไรระหว่างวัน ด้วยความโลภ เพราะเห็นเงินวิ่งเต็มหน้าจอไปหมด
3) ผมสามารถเลิกการต้องมาเครียดนั่งเฝ้าหุ้น , เลิกบ้าบอ และเลิกกลุ้มใจไปกับ "นายตลาด" ยามที่ตลาดบ้าคลั่ง
ด้วยแรงเก็งกำไร และเทคนิคขั้นเทพของเหล่า "จ้าวที่/เจ้ามือ"
หลังจากผมมีชื่อแล้ว
ผมเลิกคิดว่าผมเป็น "นักเล่นหุ้น"
แต่ผมใส่ความรู้สึกเข้าไปว่า ผมเป็น "เจ้าของ หรือเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯนั้น"
มันทำให้ผมรู้สึก "ดีขึ้น" และ "สงบ" มากขึ้น
แต่บางทีผมก็รู้สึกเป็นเจ้าของมากเกินไป!!!!!!!!!!!!!!!
ผมเลยมักจะเผลอแอบไป Roadshow โดยเปิด Present ความน่าสนใจของหุ้นบริษัทฯนั้นให้เพื่อนร่วมงานฟังอ่ะนะครับ
กรรมจริงๆ...เป็นไปได้นะเรา
555+
น่าจะพอตอบคำถามของ จขกท. แล้วนะครับ
เรายังไม่ได้ตอบคำถาม จขกท. เลยนี่หว่า ว่า "รู้สึกอย่างไรเมื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่?"
ส่วนตัวนะครับ...
ผมเองก็เห่อ และดีใจอยู่แว็บเดียวครับ แล้วมันก็หายไป
ตอนเห่อใหม่ๆ ก็เปิดเว็บ Settrade ให้คุณพ่อคุณแม่ดูครับ
ท่านตกใจนิดหน่อย!!!
แต่พอท่านมานั่งคำนวณเป็นเงินแล้ว "เออ...มันก็เป็นเงินนิดเดียวเองนี่หน่า" 555+
แต่ถ้าบริษัทฯเล็กๆที่เราเลือกไว้
สามารถเติบโตขึ้นมาได้จริงๆ เราคงแอบความสุขและภาคภูมิใจไปพร้อมๆกับบริษัทฯนั้นอ่ะนะครับ
แท้จริงแล้ว...
"การอยากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของผม" เป็นเพียงกุศโลบายนึงเท่านั้นเองอ่ะนะขอรับ
ที่ทำให้ผมสามารถเลิกพฤติกรรมที่ทำให้ผมไม่มีความสุขได้หลายอย่าง เช่น...
1) ผมสามารถเลิกการซื้อๆขายๆ
2) ผมสามารถเลิกการเล่นเก็งกำไรระหว่างวัน ด้วยความโลภ เพราะเห็นเงินวิ่งเต็มหน้าจอไปหมด
3) ผมสามารถเลิกการต้องมาเครียดนั่งเฝ้าหุ้น , เลิกบ้าบอ และเลิกกลุ้มใจไปกับ "นายตลาด" ยามที่ตลาดบ้าคลั่ง
ด้วยแรงเก็งกำไร และเทคนิคขั้นเทพของเหล่า "จ้าวที่/เจ้ามือ"
หลังจากผมมีชื่อแล้ว
ผมเลิกคิดว่าผมเป็น "นักเล่นหุ้น"
แต่ผมใส่ความรู้สึกเข้าไปว่า ผมเป็น "เจ้าของ หรือเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯนั้น"
มันทำให้ผมรู้สึก "ดีขึ้น" และ "สงบ" มากขึ้น
แต่บางทีผมก็รู้สึกเป็นเจ้าของมากเกินไป!!!!!!!!!!!!!!!
ผมเลยมักจะเผลอแอบไป Roadshow โดยเปิด Present ความน่าสนใจของหุ้นบริษัทฯนั้นให้เพื่อนร่วมงานฟังอ่ะนะครับ
กรรมจริงๆ...เป็นไปได้นะเรา
555+
น่าจะพอตอบคำถามของ จขกท. แล้วนะครับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 72
ขอบคุณ คุณ Pak ในความพยายามนะครับpak เขียน:มานั่งอ่านดูดีๆ เอ้...นี่เรามัวแต่เขียนเรื่องอื่น
เรายังไม่ได้ตอบคำถาม จขกท. เลยนี่หว่า ว่า "รู้สึกอย่างไรเมื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่?"
ส่วนตัวนะครับ...
ผมเองก็เห่อ และดีใจอยู่แว็บเดียวครับ แล้วมันก็หายไป
ตอนเห่อใหม่ๆ ก็เปิดเว็บ Settrade ให้คุณพ่อคุณแม่ดูครับ
ท่านตกใจนิดหน่อย!!!
แต่พอท่านมานั่งคำนวณเป็นเงินแล้ว "เออ...มันก็เป็นเงินนิดเดียวเองนี่หน่า" 555+
แต่ถ้าบริษัทฯเล็กๆที่เราเลือกไว้
สามารถเติบโตขึ้นมาได้จริงๆ เราคงแอบความสุขและภาคภูมิใจไปพร้อมๆกับบริษัทฯนั้นอ่ะนะครับ
อีกหน่อย ไม่แน่นะครับ มูลค่าที่ถือตอนนี้อาจไม่เยอะ แต่พอหุ้นที่คุณ Pak ถือไว้มีคนเห็นคุณค่าที่แท้จริง พอร์ตอาจจะโตเป็น เท่าๆเลยก็ได้ครับ
อีกหน่อย คุณพ่อคุณแม่ มาเปิดดูอีกที อาจจะตกใจที่มันโตไปเป็น เท่าๆตัวก้ได้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 75
พี่หมอถือตัวนั้นอยู่ตั้ง1,318,500 หุ้นแนะครับPaul VI เขียน:ใช่ครับ ได้มีรายชื่อเป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของผมเป็นแบบบังเอิญมากกว่า
เพราะต้องการจำนวนมากพอควร พอดี หุ้นตัวนี้มันเล็ก เก็บไป ไม่เท่าไหร่ ก็เป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้วครับ
ผมก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยครับ
ก็ถือไปเรื่อยๆครับ เกินมูลค่าเมื่อไหร่ ก็มาประเมินใหม่ ไม่เกี่ยวกับ ถือหุ้นใหญ่หรือเปล่าเลยครับ
0.73%เชียวนะ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 76
ตอนต่อ...ครับ
กับบทความใหม่ ในกระทู้เรื่อง "### กว่าจะมาเป็น...ผู้ถือหุ้นใหญ่ (ภาค 2) ###"
ที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 42166.html
(^_^)
กับบทความใหม่ ในกระทู้เรื่อง "### กว่าจะมาเป็น...ผู้ถือหุ้นใหญ่ (ภาค 2) ###"
ที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 42166.html
(^_^)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 78
ย้ายมาที่นี่แล้วครับ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 42166.htmlpak เขียน:ตอนต่อ...ครับ
กับบทความใหม่ ในกระทู้เรื่อง "### กว่าจะมาเป็น...ผู้ถือหุ้นใหญ่ (ภาค 2) ###"
ที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 42166.html
(^_^)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 79
บริษัทที่ 19 คือ CYBER
ราคาพาร์ = 0.50 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 280,000,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 336.00 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 1,400,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 1.21 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,694,000 บาท
"CYBER เคาะราคา IPO หุ้นละ 1.60 บาท เปิดจอง 11-13 พ.ค. 53"
^
^
นั่นคือ "จั่วหัวข่าวเก่าๆ" ที่ผมหยิบยกมาเปิดมุมมองที่ 1 ของผม
ตั้งแต่เข้าตลาดมา ราคาขึ้นไปได้ซักพัก จากนั้นมีแนวโน้มร่วงลงมาตลอด
โดยปัจจุบันราคาหุ้นของบริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 1.19 บาท (P/BV = 1.26)
Cyber บริษัทฯที่พัฒนาซอฟท์แวร์เกมส์ โดยเป็นบริษัทฯของคนไทย
มีโปรแกรมเมอร์ และนักออกแบบที่เป็นคนไทยทั้งสิ้น และมีสตูดิโอเป็นของตนเอง
ซึ่งสตูดิโอ สวยและดูเดิ้นพอสมควรทีเดียว
"คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก..."
แล้วผมควรสนับสนุนบริษัทฯคนไทยแห่งนี้หรือไม่?
ผมถามตัวเองแบบนั้น เพราะด้วยเพราะไม่กี่แสนบาท คุณก็จะได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯแห่งนี้
(คิดแบบนี้อีกแล้วนะเรา 555+)
แต่ ผมยังตอบคำถามตัวเองได้แบบไม่ครบถ้วน เช่น...
1. ซอฟท์แวร์เกมส์...ถูก copy และลเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่ายมาก จะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง?
2. การจะบุกตลาดต่างประเทศ ต้องมีการสร้าง Brand ที่เข้มแข็ง และงบประชาสัมพันธ์ที่มากมาย
ลำพังแค่สร้าง Brand ในประเทศไทย นั่นก็เป็นสิ่งที่ยากลำบากมากแล้ว
แล้วในต่างประเทศ มันจะยากขึ้นอีกกี่สิบกี่ร้อยเท่า?
การสร้าง Brand ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่ายๆเลยจริงๆ (ผมคิดแบบนั้นนะ)
3. บริษัทฯพยายามบุกธุรกิจสถาบันการศึกษา ใน Brand "Genius Planet"
(CYBER เป็นผู้บริหารเองประมาณ 30 สาขา และ Franchise จำนวน 70 สาขา)
ซึ่งผมเองไม่รู้จัก จึงเข้าไป Search หา Feedback ของผู้บริโภคในเว็บพันทิพ
ผลออกมาคือ ยังไม่มีคนพูดถึงมากนัก แล้วแบรนด์นี้จะติดตลาด ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองได้หรือไม่?
และทั้ง 3 ปมที่ผมคิด ต้องใช้งบลงทุนอีกเท่าไร่? ผมถามตัวเองแบบนั้นนะ
แต่ "โอกาส" ของบริษัทฯก็ยังมี เช่น...
1. การมาของ 3G
2. การคนที่นิยมเล่นเกมส์บนมือถือมากขึ้น เช่น iPhone , iPad และเกมส์ออนไลน์
3. การประมูลงานภาครัฐเป็น Project ใหญ่ๆ
4. ถ้าคนไทยสามารถคิดเกมส์ฮิตๆ ได้แบบ Angry Bird ก็คงนั่งนับเงินไม่ทันเหมือนกัน
5. ถ้าสถาบัน Genius Planet เกิดดังติดตลาดเหมือน Kumon อันนี้ก็นับเงินเช่นกัน
คิดไปคิดมา คิดไม่ออก
ยังตอบตัวเองได้ไม่หมด ผมจึงขอ Pending ไว้ก่อนแล้วกันครับ
ก็ถือว่าพูดคุยเล่าสู่กันฟังเฉยๆนะครับ ผมเองก็ยังไม่กล้าซื้อเช่นกัน
ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองเฉยๆละกันนะครับ
"เงิน 1.70 ล้านบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯเกมส์ ,ซอฟท์แวร์ และสตูดิโอแห่งนี้ครับ
ข้อมูลเพิ่มที่ :
http://www.cpigames.com/
http://www.youtube.com/watch?v=7SGz5pxg ... r_embedded
ราคาพาร์ = 0.50 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 280,000,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 336.00 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 1,400,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 1.21 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,694,000 บาท
"CYBER เคาะราคา IPO หุ้นละ 1.60 บาท เปิดจอง 11-13 พ.ค. 53"
^
^
นั่นคือ "จั่วหัวข่าวเก่าๆ" ที่ผมหยิบยกมาเปิดมุมมองที่ 1 ของผม
ตั้งแต่เข้าตลาดมา ราคาขึ้นไปได้ซักพัก จากนั้นมีแนวโน้มร่วงลงมาตลอด
โดยปัจจุบันราคาหุ้นของบริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 1.19 บาท (P/BV = 1.26)
Cyber บริษัทฯที่พัฒนาซอฟท์แวร์เกมส์ โดยเป็นบริษัทฯของคนไทย
มีโปรแกรมเมอร์ และนักออกแบบที่เป็นคนไทยทั้งสิ้น และมีสตูดิโอเป็นของตนเอง
ซึ่งสตูดิโอ สวยและดูเดิ้นพอสมควรทีเดียว
"คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก..."
แล้วผมควรสนับสนุนบริษัทฯคนไทยแห่งนี้หรือไม่?
ผมถามตัวเองแบบนั้น เพราะด้วยเพราะไม่กี่แสนบาท คุณก็จะได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯแห่งนี้
(คิดแบบนี้อีกแล้วนะเรา 555+)
แต่ ผมยังตอบคำถามตัวเองได้แบบไม่ครบถ้วน เช่น...
1. ซอฟท์แวร์เกมส์...ถูก copy และลเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่ายมาก จะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง?
2. การจะบุกตลาดต่างประเทศ ต้องมีการสร้าง Brand ที่เข้มแข็ง และงบประชาสัมพันธ์ที่มากมาย
ลำพังแค่สร้าง Brand ในประเทศไทย นั่นก็เป็นสิ่งที่ยากลำบากมากแล้ว
แล้วในต่างประเทศ มันจะยากขึ้นอีกกี่สิบกี่ร้อยเท่า?
การสร้าง Brand ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่ายๆเลยจริงๆ (ผมคิดแบบนั้นนะ)
3. บริษัทฯพยายามบุกธุรกิจสถาบันการศึกษา ใน Brand "Genius Planet"
(CYBER เป็นผู้บริหารเองประมาณ 30 สาขา และ Franchise จำนวน 70 สาขา)
ซึ่งผมเองไม่รู้จัก จึงเข้าไป Search หา Feedback ของผู้บริโภคในเว็บพันทิพ
ผลออกมาคือ ยังไม่มีคนพูดถึงมากนัก แล้วแบรนด์นี้จะติดตลาด ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองได้หรือไม่?
และทั้ง 3 ปมที่ผมคิด ต้องใช้งบลงทุนอีกเท่าไร่? ผมถามตัวเองแบบนั้นนะ
แต่ "โอกาส" ของบริษัทฯก็ยังมี เช่น...
1. การมาของ 3G
2. การคนที่นิยมเล่นเกมส์บนมือถือมากขึ้น เช่น iPhone , iPad และเกมส์ออนไลน์
3. การประมูลงานภาครัฐเป็น Project ใหญ่ๆ
4. ถ้าคนไทยสามารถคิดเกมส์ฮิตๆ ได้แบบ Angry Bird ก็คงนั่งนับเงินไม่ทันเหมือนกัน
5. ถ้าสถาบัน Genius Planet เกิดดังติดตลาดเหมือน Kumon อันนี้ก็นับเงินเช่นกัน
คิดไปคิดมา คิดไม่ออก
ยังตอบตัวเองได้ไม่หมด ผมจึงขอ Pending ไว้ก่อนแล้วกันครับ
ก็ถือว่าพูดคุยเล่าสู่กันฟังเฉยๆนะครับ ผมเองก็ยังไม่กล้าซื้อเช่นกัน
ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองเฉยๆละกันนะครับ
"เงิน 1.70 ล้านบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯเกมส์ ,ซอฟท์แวร์ และสตูดิโอแห่งนี้ครับ
ข้อมูลเพิ่มที่ :
http://www.cpigames.com/
http://www.youtube.com/watch?v=7SGz5pxg ... r_embedded
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 81
บริษัทที่ 20 คือ IEC
ราคาพาร์ = 0.10 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 42,731,848,260 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 854.64 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 213,660,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 0.02 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 4,273,000 บาท
ใครๆก็มอง IEC เป็นหุ้นเน่า รอเจ๊ง!!!
แต่ผมกลับมีมุมมองที่แตกต่างกันไป
IEC คือบริษัทฯที่มีประวัติยาวนาน
และได้เคยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยมาในอดีต
รวมทั้งบริษัทฯยังได้รับ "ตราครุฑ" สำหรับบริษัท IEC นี้ด้วย
IEC เพิ่มทุนไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา
มีการแตกไลน์นำไปลงทุน โครงการเอทานอล ,โรงไฟฟ้า
และกลยุทธ์ขั้นเทพคือ Digital TV และการรอรับการมาของ 3G ในอนาคต
และยังได้แต่งตั้ง ดร. จิตรเกษม งามนิล เข้าดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารกลยุทธ์ (Chief Strategy Officer) ของบริษัทฯอีกด้วย
ซึ่งท่านเคยเป็นถึงคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
หุ้นแม่ ซื้อได้ทันที่ที่ 0.02 บาท
และหุ้นลูก หรือ IEC-W1 ซื้อได้ทันทีที่ 0.01 บาท (ซึ่งหมดอายุในปี 2557 นะครับ)
เฮ้ย...ซื้อราคานี้ มันไม่มีคำว่าขาดทุนนี่หน่า
มันมีแต่ เจ๊งไปเลย กับ กำไรมากกว่า 100%ขึ้นไป
IEC มีอะไรมากกว่าเราเห็นหรือไม่?
ลองอ่านประโยคต่อไปนี้ดูครับ คือ...
===============================================
Empire Consultants serves as a financial and strategic advisor to the International Engineering PLC (IEC), which has been listed publicly a company on the Stock Exchange of Thailand for 84 years. IEC’s core business has been in high technology communications equipment and engineering with its subsidiary IEC Business Partners Co., Ltd. and Intertrade Asia Co., Ltd. established in early 2006.
Empire Consultants has raised over US$40 million of capital for IEC through private placements to strategic investors, and has also assisted IEC in establishing its IEC Business Partners and Intertrade Asia subsidiary businesses. Intertrade Asia Co., Ltd. commits itself to being one of the best international trading companies in Asia, with the founding of Intertrade Asia (UAE) LLC, it now plays an important role as a facilitator of the IEC’s imports and exports between Thailand and U.A.E., on furniture and household decorating items, building materials and foodstuffs.
===============================================
Intertrade Asia บริษัทฯลูกของ IEC มันช่างน่าสนใจจริงๆ
ข้อมูลเหล่านี้ ผมไม่เคยรู้มาก่อน แล้วจะมีสักกี่คนที่รู้
แต่สำหรับผมแล้ว...
มันยังคลุมเครือ มันยังคงเป็นสีเทาๆอยู่ มันยังเสี่ยงเกินไปอยู่
ผมจึงยังไม่กล้าตีแตกลงไป!!!
แต่แค่อยากมาเล่าสู่กันฟังครับผม
(ไม่รู้ว่า อ่านแล้วเพลินไหมนะครับ)
"เงิน 4.28 ล้านบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯเก่าแก่ และมีราคาหุ้นเกือบจะถูกที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้ครับ
ข้อมูลเพิ่มที่ : http://www.iec.co.th/index.php
ราคาพาร์ = 0.10 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 42,731,848,260 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 854.64 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 213,660,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 0.02 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 4,273,000 บาท
ใครๆก็มอง IEC เป็นหุ้นเน่า รอเจ๊ง!!!
แต่ผมกลับมีมุมมองที่แตกต่างกันไป
IEC คือบริษัทฯที่มีประวัติยาวนาน
และได้เคยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยมาในอดีต
รวมทั้งบริษัทฯยังได้รับ "ตราครุฑ" สำหรับบริษัท IEC นี้ด้วย
IEC เพิ่มทุนไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา
มีการแตกไลน์นำไปลงทุน โครงการเอทานอล ,โรงไฟฟ้า
และกลยุทธ์ขั้นเทพคือ Digital TV และการรอรับการมาของ 3G ในอนาคต
และยังได้แต่งตั้ง ดร. จิตรเกษม งามนิล เข้าดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารกลยุทธ์ (Chief Strategy Officer) ของบริษัทฯอีกด้วย
ซึ่งท่านเคยเป็นถึงคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
หุ้นแม่ ซื้อได้ทันที่ที่ 0.02 บาท
และหุ้นลูก หรือ IEC-W1 ซื้อได้ทันทีที่ 0.01 บาท (ซึ่งหมดอายุในปี 2557 นะครับ)
เฮ้ย...ซื้อราคานี้ มันไม่มีคำว่าขาดทุนนี่หน่า
มันมีแต่ เจ๊งไปเลย กับ กำไรมากกว่า 100%ขึ้นไป
IEC มีอะไรมากกว่าเราเห็นหรือไม่?
ลองอ่านประโยคต่อไปนี้ดูครับ คือ...
===============================================
Empire Consultants serves as a financial and strategic advisor to the International Engineering PLC (IEC), which has been listed publicly a company on the Stock Exchange of Thailand for 84 years. IEC’s core business has been in high technology communications equipment and engineering with its subsidiary IEC Business Partners Co., Ltd. and Intertrade Asia Co., Ltd. established in early 2006.
Empire Consultants has raised over US$40 million of capital for IEC through private placements to strategic investors, and has also assisted IEC in establishing its IEC Business Partners and Intertrade Asia subsidiary businesses. Intertrade Asia Co., Ltd. commits itself to being one of the best international trading companies in Asia, with the founding of Intertrade Asia (UAE) LLC, it now plays an important role as a facilitator of the IEC’s imports and exports between Thailand and U.A.E., on furniture and household decorating items, building materials and foodstuffs.
===============================================
Intertrade Asia บริษัทฯลูกของ IEC มันช่างน่าสนใจจริงๆ
ข้อมูลเหล่านี้ ผมไม่เคยรู้มาก่อน แล้วจะมีสักกี่คนที่รู้
แต่สำหรับผมแล้ว...
มันยังคลุมเครือ มันยังคงเป็นสีเทาๆอยู่ มันยังเสี่ยงเกินไปอยู่
ผมจึงยังไม่กล้าตีแตกลงไป!!!
แต่แค่อยากมาเล่าสู่กันฟังครับผม
(ไม่รู้ว่า อ่านแล้วเพลินไหมนะครับ)
"เงิน 4.28 ล้านบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯเก่าแก่ และมีราคาหุ้นเกือบจะถูกที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้ครับ
ข้อมูลเพิ่มที่ : http://www.iec.co.th/index.php
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 82
บริษัทที่ 21 คือ SLC
ราคาพาร์ = 0.10 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 3,030,516,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 151.53 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 15,152,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 0.05 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 757,630 บาท
คุณรู้จัก CNN, BBC, CNBC หรือ NHK บ้างไหม?
Brand เหล่านั้น มี Value มากมายมหาศาลแค่ไหน?
แล้วในเมืองไทยหล่ะ ใครจะมีโอกาสก้าวไปใกล้เคียงกับจุดเหล่านั้นบ้าง?
Springnews TV กับสโลแกนที่ว่า "ทันเหตุการณ์ เห็นอนาคต"
ที่ http://www.springnewstv.tv/index.html
"สปริง นิวส์" ได้แสดงให้เห็นความเป็นสุดยอดนวัตกรรมสื่อโทรทัศน์นำสมัย อาทิ การรายงานสดภาคสนามด้วยระบบสื่อสารยุคใหม่ Mobile NGN (Next Generation Network) เต็มรูปแบบแห่งแรกในเมืองไทยทั้ง 3G CDMA Pre-Wi-Max และ MSB (Micro Satellite Broadband) พร้อมภาพข่าวพิเศษด้วยอากาศยานไร้นักบิน (Unman Aircraft Vehicle)
"สปริง นิวส์" เป็นช่องข่าวเดียวที่มี "ปรอท" แสดงความรุนแรง ในช่วงรัฐบาลใช้กำลังปราบปรามคนเสื้อแดง จนปรอทแตก!!!
"สปริง นิวส์" เป็นช่องข่าวเดียวที่มี "เกจวัดความรุนแรง" ของสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลีย์ที่ญี่ปุ่น (ปัจจุบันอยู่ระดับ 5)
Spring News ตั้งเป้าเป็นผู้นำสถานีข่าวโทรทัศน์ดาวเทียม
ขณะที่ ในปัจจุบันเรทติ้งติดลม โดยมีผู้ชมสูงสุดเป็นอันดับ 3
สำหรับผมแล้ว มันฟังดูน่าสนใจไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว
กับ Brand น้องใหม่ ที่เริ่มติดตลาดบ้างแล้วแบบนี้
สุดท้ายลองมาอ่านข่าวความเชื่อมโยงระหว่าง SLC กับ สปริงนิวส์ ดังนี้ครับ...
===============================================
SLC expects profit by 2013 with Spring News cable TV
Published: 8/03/2011 at 12:00 AM
Newspaper section: Business
Solution Corner (1998) Plc (SLC) hopes to return to the black by 2013 after its Spring Corporation, the operator of Spring News cable TV, breaks even and generates profits to support the parent's bottom line.
The MAI-listed software solutions company posted a net loss of 145 million baht on revenue of 107 million in 2010, against a net loss of 28 million baht on revenue of 45 million baht in 2009.
Last year's loss stemmed from the company's 100-million-baht investment in the Spring News cable-TV station.
"We'll still see some losses in the next couple of years, but these will gradually decrease. Spring News will break even this year and start contributing profits to SLC in the next three years," said Thanapan Vongchinsri, SLC's managing director.
He said SLC itself may enjoy a net profit this year, as it will secure new software solutions contracts worth a combined 500-600 million baht.
Revenue from these will be booked from this year on, while SLC's present backlog is worth 50 million baht.
"The news station is a long-term investment. Realising a profit on it within three years is very fast compared with other TV operators, but we can do it thanks to our software and know-how," he said.
Normally, it takes a billion baht to set up a news station, but Spring News required only 100 million - 60 million for equipment and the rest for human resources.
For example, Spring News uses third-generation technology for real-time video news transfers from the field to the station. This is much cheaper than using outside broadcasting vans, which costs more than 10 million baht each.
As well, SLC will kick off a wireless mesh network (WMN) in the second quarter, using Spring News to test it.
A WMN is a communications network made up of radio nodes organised in a mesh topology and consisting of mesh clients, mesh routers and gateways. SLC will set it up in Government House.
Chutchai Tawandharong, the chief executive of Spring News, said the station started selling ad slots in January. Ad revenue was 5 million baht last month, but 10 million is the break even point.
"I think Spring News will generate revenue of more than 50 million baht for SLC this year. We aim to become a top news channel, up there with Nation TV, within the next six months," he said.
PSI Holding ranks Spring News ninth out of 90 channels on its satellite broadcasting network in terms of popularity.
===============================================
ผมเป็นคนชอบบริษัทฯที่มี Brand ครับ
Brand คือ Value ที่สำคัญของบริษัทฯ และจะทำให้บริษัทฯสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
Spring News จึงเข้ามาอยู่ในความสนใจของผม
แต่ผมว่า เราอาจจะช้าไปนิดนึงครับ
ด้วยราคาวันนี้ ถ้าซื้อวันนี้ เราจะไม่ได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาถูกกว่าตลาด
รวมทั้ง ไม่ได้สิทธิ์ในการรับ Warrant ฟรีอีกด้วย
อีกทั้ง ความยังไม่ชัดเจนในอีกหลายๆประเด็น
ในขั้นเริ่มต้น บริษัทฯอาจจะต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ในขณะที่รายรับยังอาจจะยังน้อยอยู่
บริษัทฯอาจจะต้องพบการขาดทุนไปอีกหลายไตรมาสติดต่อกัน(ตามข้อมูลในข่าวข้างต้น)
รวมทั้งบริษัทฯนี้ ก็เคยเกี่ยวกันกับ พี่ ฉ. ซะด้วยซินะครับ
จึงทำให้ผม Pending เอาไว้เหมือนเดิม
แต่ที่แน่ๆ Brand นี้ มันยังทำให้ผมประทับใจอยู่เล็กๆนะเนี๊ยะ
ผมก็คงเฝ้าดูเป็นกรณีศึกษาเฉยๆเช่นเดิมอ่ะนะขอรับ
*** หุ้นตัวนี้มีการขายหุ้นเพิ่มทุน และแจกวอร์แรนต์ฟรีด้วย จึงควรศึกษารายละเอียดก่อนลงทุนนะครับ
"เงิน 7 แสนกว่าบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯที่เป็นหุ้นแห่งความหวัง และเดินไปกับพี่ฉายแห่งนี้ครับ
ข้อมูลเพิ่มที่ : http://www.slc1998.com/
ราคาพาร์ = 0.10 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 3,030,516,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 151.53 ล้านบาท
จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 15,152,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 0.05 บาท
ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 757,630 บาท
คุณรู้จัก CNN, BBC, CNBC หรือ NHK บ้างไหม?
Brand เหล่านั้น มี Value มากมายมหาศาลแค่ไหน?
แล้วในเมืองไทยหล่ะ ใครจะมีโอกาสก้าวไปใกล้เคียงกับจุดเหล่านั้นบ้าง?
Springnews TV กับสโลแกนที่ว่า "ทันเหตุการณ์ เห็นอนาคต"
ที่ http://www.springnewstv.tv/index.html
"สปริง นิวส์" ได้แสดงให้เห็นความเป็นสุดยอดนวัตกรรมสื่อโทรทัศน์นำสมัย อาทิ การรายงานสดภาคสนามด้วยระบบสื่อสารยุคใหม่ Mobile NGN (Next Generation Network) เต็มรูปแบบแห่งแรกในเมืองไทยทั้ง 3G CDMA Pre-Wi-Max และ MSB (Micro Satellite Broadband) พร้อมภาพข่าวพิเศษด้วยอากาศยานไร้นักบิน (Unman Aircraft Vehicle)
"สปริง นิวส์" เป็นช่องข่าวเดียวที่มี "ปรอท" แสดงความรุนแรง ในช่วงรัฐบาลใช้กำลังปราบปรามคนเสื้อแดง จนปรอทแตก!!!
"สปริง นิวส์" เป็นช่องข่าวเดียวที่มี "เกจวัดความรุนแรง" ของสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลีย์ที่ญี่ปุ่น (ปัจจุบันอยู่ระดับ 5)
Spring News ตั้งเป้าเป็นผู้นำสถานีข่าวโทรทัศน์ดาวเทียม
ขณะที่ ในปัจจุบันเรทติ้งติดลม โดยมีผู้ชมสูงสุดเป็นอันดับ 3
สำหรับผมแล้ว มันฟังดูน่าสนใจไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว
กับ Brand น้องใหม่ ที่เริ่มติดตลาดบ้างแล้วแบบนี้
สุดท้ายลองมาอ่านข่าวความเชื่อมโยงระหว่าง SLC กับ สปริงนิวส์ ดังนี้ครับ...
===============================================
SLC expects profit by 2013 with Spring News cable TV
Published: 8/03/2011 at 12:00 AM
Newspaper section: Business
Solution Corner (1998) Plc (SLC) hopes to return to the black by 2013 after its Spring Corporation, the operator of Spring News cable TV, breaks even and generates profits to support the parent's bottom line.
The MAI-listed software solutions company posted a net loss of 145 million baht on revenue of 107 million in 2010, against a net loss of 28 million baht on revenue of 45 million baht in 2009.
Last year's loss stemmed from the company's 100-million-baht investment in the Spring News cable-TV station.
"We'll still see some losses in the next couple of years, but these will gradually decrease. Spring News will break even this year and start contributing profits to SLC in the next three years," said Thanapan Vongchinsri, SLC's managing director.
He said SLC itself may enjoy a net profit this year, as it will secure new software solutions contracts worth a combined 500-600 million baht.
Revenue from these will be booked from this year on, while SLC's present backlog is worth 50 million baht.
"The news station is a long-term investment. Realising a profit on it within three years is very fast compared with other TV operators, but we can do it thanks to our software and know-how," he said.
Normally, it takes a billion baht to set up a news station, but Spring News required only 100 million - 60 million for equipment and the rest for human resources.
For example, Spring News uses third-generation technology for real-time video news transfers from the field to the station. This is much cheaper than using outside broadcasting vans, which costs more than 10 million baht each.
As well, SLC will kick off a wireless mesh network (WMN) in the second quarter, using Spring News to test it.
A WMN is a communications network made up of radio nodes organised in a mesh topology and consisting of mesh clients, mesh routers and gateways. SLC will set it up in Government House.
Chutchai Tawandharong, the chief executive of Spring News, said the station started selling ad slots in January. Ad revenue was 5 million baht last month, but 10 million is the break even point.
"I think Spring News will generate revenue of more than 50 million baht for SLC this year. We aim to become a top news channel, up there with Nation TV, within the next six months," he said.
PSI Holding ranks Spring News ninth out of 90 channels on its satellite broadcasting network in terms of popularity.
===============================================
ผมเป็นคนชอบบริษัทฯที่มี Brand ครับ
Brand คือ Value ที่สำคัญของบริษัทฯ และจะทำให้บริษัทฯสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
Spring News จึงเข้ามาอยู่ในความสนใจของผม
แต่ผมว่า เราอาจจะช้าไปนิดนึงครับ
ด้วยราคาวันนี้ ถ้าซื้อวันนี้ เราจะไม่ได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาถูกกว่าตลาด
รวมทั้ง ไม่ได้สิทธิ์ในการรับ Warrant ฟรีอีกด้วย
อีกทั้ง ความยังไม่ชัดเจนในอีกหลายๆประเด็น
ในขั้นเริ่มต้น บริษัทฯอาจจะต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ในขณะที่รายรับยังอาจจะยังน้อยอยู่
บริษัทฯอาจจะต้องพบการขาดทุนไปอีกหลายไตรมาสติดต่อกัน(ตามข้อมูลในข่าวข้างต้น)
รวมทั้งบริษัทฯนี้ ก็เคยเกี่ยวกันกับ พี่ ฉ. ซะด้วยซินะครับ
จึงทำให้ผม Pending เอาไว้เหมือนเดิม
แต่ที่แน่ๆ Brand นี้ มันยังทำให้ผมประทับใจอยู่เล็กๆนะเนี๊ยะ
ผมก็คงเฝ้าดูเป็นกรณีศึกษาเฉยๆเช่นเดิมอ่ะนะขอรับ
*** หุ้นตัวนี้มีการขายหุ้นเพิ่มทุน และแจกวอร์แรนต์ฟรีด้วย จึงควรศึกษารายละเอียดก่อนลงทุนนะครับ
"เงิน 7 แสนกว่าบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯที่เป็นหุ้นแห่งความหวัง และเดินไปกับพี่ฉายแห่งนี้ครับ
ข้อมูลเพิ่มที่ : http://www.slc1998.com/
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 83
### 5 เดือนผ่านไป...มาดูความสามารถของ "หุ้นเล็กจิ๋วจี๊ด" กัน ###
ผ่านไป 5 เดือน(ไวเหมือนโกหก)...
เรามาดู ความสามารถ ของ "เจ้าหุ้นเล็กจิ๋วจี๊ด" เหล่านี้กันนะครับ
ตามตารางที่ผมสรุปข้อมูลมา ด้านล่างนี้เลยครับผม
v
v
v
My comment : "3 อันดับแรก"...คือหุ้นที่มีผลตอบแทนมากกว่า 100% ขึ้นไป
อับดับ 1
ยังคงเป็นของบริษัท PLUS ที่มี "พี่ฉาย บุนนาค" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่นั่นเอง
อันดับ 2
เป็นของหุ้น CMO ที่มี "คุณเสริมคุณ คุณาวงศ์" เป็น MD อยู่ ทำผลงานได้ดีทีเดียว
อันดับ 3
เป็นของบริษัทฯ PAE บริษัทที่ยังคาบลูกคาบดอก ว่าจะ Turnaround ได้หรือไม่? โดยมี "คุณอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร" เป็นหัวหอกหลัก และมี "คุณอภิพร ภาษวัธน์" เป็นแรงเสริมให้บริษัทฯอีกแรง (แต่ผู้ถือหุ้นก็ยังต้องลุ้นกันตัวโก่งว่า ปี 54 บริษัทฯจะเริ่มมีกำไรได้จริงหรือไม่?)
PAF
ก็อย่างที่พวกเราทราบกันครับ คือ SPI และ SPC ของเสี่ยบุญสิทธิ์ เข้ามารวบหัวรวบหาง กุมอำนาจการบริหารไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจมากขึ้น (โดยยังไม่รู้เลยว่าผลประกอบการจะเลิกขาดทุนได้ซักทีหรือยัง?)
CHUO
ก็เกิดเหตุการณ์ "ต้นร้ายปลายดี" กล่าวคือ บริษัทฯแม่ที่ญี่ปุ่นล้มละลาย แต่ดันมีคนมาซื้อหุ้นต่อไปด้วยราคาที่สูงถึง 40.50 บาท(เป็นงั้นไป ผู้เขียนก็งงครับ)
แต่ที่ทำผลงานยังไม่น่าประทับใจในตอนนี้ คือ DIMET
หุ้นเล็ก แต่ผลประกอบการไม่สู้ดีนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างกำลังจะบุกตลาดใหม่ๆ แต่พอดีตลาดนั้นการแข่งขันมันสูงเหลือเกินครับ ยังไงก็ต้องสู้กันต่อไป สำหรับบริษัทฯเล็กๆแห่งนี้!!!
ทั้งหมดก็เป็นแค่ความคิดส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ...(^_^)
ผ่านไป 5 เดือน(ไวเหมือนโกหก)...
เรามาดู ความสามารถ ของ "เจ้าหุ้นเล็กจิ๋วจี๊ด" เหล่านี้กันนะครับ
ตามตารางที่ผมสรุปข้อมูลมา ด้านล่างนี้เลยครับผม
v
v
v
My comment : "3 อันดับแรก"...คือหุ้นที่มีผลตอบแทนมากกว่า 100% ขึ้นไป
อับดับ 1
ยังคงเป็นของบริษัท PLUS ที่มี "พี่ฉาย บุนนาค" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่นั่นเอง
อันดับ 2
เป็นของหุ้น CMO ที่มี "คุณเสริมคุณ คุณาวงศ์" เป็น MD อยู่ ทำผลงานได้ดีทีเดียว
อันดับ 3
เป็นของบริษัทฯ PAE บริษัทที่ยังคาบลูกคาบดอก ว่าจะ Turnaround ได้หรือไม่? โดยมี "คุณอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร" เป็นหัวหอกหลัก และมี "คุณอภิพร ภาษวัธน์" เป็นแรงเสริมให้บริษัทฯอีกแรง (แต่ผู้ถือหุ้นก็ยังต้องลุ้นกันตัวโก่งว่า ปี 54 บริษัทฯจะเริ่มมีกำไรได้จริงหรือไม่?)
PAF
ก็อย่างที่พวกเราทราบกันครับ คือ SPI และ SPC ของเสี่ยบุญสิทธิ์ เข้ามารวบหัวรวบหาง กุมอำนาจการบริหารไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจมากขึ้น (โดยยังไม่รู้เลยว่าผลประกอบการจะเลิกขาดทุนได้ซักทีหรือยัง?)
CHUO
ก็เกิดเหตุการณ์ "ต้นร้ายปลายดี" กล่าวคือ บริษัทฯแม่ที่ญี่ปุ่นล้มละลาย แต่ดันมีคนมาซื้อหุ้นต่อไปด้วยราคาที่สูงถึง 40.50 บาท(เป็นงั้นไป ผู้เขียนก็งงครับ)
แต่ที่ทำผลงานยังไม่น่าประทับใจในตอนนี้ คือ DIMET
หุ้นเล็ก แต่ผลประกอบการไม่สู้ดีนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างกำลังจะบุกตลาดใหม่ๆ แต่พอดีตลาดนั้นการแข่งขันมันสูงเหลือเกินครับ ยังไงก็ต้องสู้กันต่อไป สำหรับบริษัทฯเล็กๆแห่งนี้!!!
ทั้งหมดก็เป็นแค่ความคิดส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ...(^_^)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- Iceberg_s
- Verified User
- โพสต์: 285
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 84
สุดยอดจริงๆครับ คุณ pak
ติดตามอ่านมานานแล้วครับ แต่ละข้อมูลที่โพส แสดงให้เห็นถึงการทุ่มเทศึกษาข้อมูลจำนวนมาก ขยันสุดๆ
ผมเชื่อครับ ว่าถ้านักลงทุนมีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจน และตั้งใจศึกษาในด้านนั้นๆอย่างเต็มที่แล้ว
นักลงทุนผู้นั้นจะประสบความสำเร็จได้ ในแบบฉบับของตัวเองครับ ไม่มีใครลอกแนวทางการลงทุนของคนอื่นได้ 100% ครับ ทุกคนต้องสร้างแบบฉบับของตัวเอง รู้จุดแข็งจุดอ่อนในการลงทุนของตัวเอง ตาม IQ EQ พื้นฐานของตัวเอง และค่อยๆเพิ่มขอบเขตความรู้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะควบคุมความเสี่ยงได้ครับ
สำคัญสุดคือ ระหว่างช่วงเวลาที่เดินทาง(ศึกษา)อยู่นั้น ต้องไม่ทำตัง(เงินต้น) หมดไปซะก่อน (อย่าขาดทุน(มาก)นั่นเอง) แล้วปีหลังๆ เราก็จะหาหุ้นเก่งขึ้นเอง (หวังว่า)
(จะวงเล็บเยอะไปไหน 5555)
ของผมก็เพิ่งเริ่มไม่นาน จะพยายามต่อไป ยังไม่เคยซื้อหุ้นที่คุณ pak โพสมาเลยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะตามแน่ๆคือ ความมุ่งมั่นในการศึกษาหุ้นครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ติดตามอ่านมานานแล้วครับ แต่ละข้อมูลที่โพส แสดงให้เห็นถึงการทุ่มเทศึกษาข้อมูลจำนวนมาก ขยันสุดๆ
ผมเชื่อครับ ว่าถ้านักลงทุนมีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจน และตั้งใจศึกษาในด้านนั้นๆอย่างเต็มที่แล้ว
นักลงทุนผู้นั้นจะประสบความสำเร็จได้ ในแบบฉบับของตัวเองครับ ไม่มีใครลอกแนวทางการลงทุนของคนอื่นได้ 100% ครับ ทุกคนต้องสร้างแบบฉบับของตัวเอง รู้จุดแข็งจุดอ่อนในการลงทุนของตัวเอง ตาม IQ EQ พื้นฐานของตัวเอง และค่อยๆเพิ่มขอบเขตความรู้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะควบคุมความเสี่ยงได้ครับ
สำคัญสุดคือ ระหว่างช่วงเวลาที่เดินทาง(ศึกษา)อยู่นั้น ต้องไม่ทำตัง(เงินต้น) หมดไปซะก่อน (อย่าขาดทุน(มาก)นั่นเอง) แล้วปีหลังๆ เราก็จะหาหุ้นเก่งขึ้นเอง (หวังว่า)
(จะวงเล็บเยอะไปไหน 5555)
ของผมก็เพิ่งเริ่มไม่นาน จะพยายามต่อไป ยังไม่เคยซื้อหุ้นที่คุณ pak โพสมาเลยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะตามแน่ๆคือ ความมุ่งมั่นในการศึกษาหุ้นครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 85
ถ้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้วขาดทุนหรือเสียสุขภาพจิต
ผมขอเลือกเป็นผู้ถือหุ้นรายจุกจิกแทน
ถ้าไม่ได้ขายทิ้ง TPP ทำคลายเครียดเรโช
ผมก็คงมีรายชื่ออยู่ในเวบตลาดหุ้นไปแล้ว
เคยถือรวมกันสองพอร์ต ถึงสองแสนเจ็ดหมื่นหุ้น
ผมขอเลือกเป็นผู้ถือหุ้นรายจุกจิกแทน
ถ้าไม่ได้ขายทิ้ง TPP ทำคลายเครียดเรโช
ผมก็คงมีรายชื่ออยู่ในเวบตลาดหุ้นไปแล้ว
เคยถือรวมกันสองพอร์ต ถึงสองแสนเจ็ดหมื่นหุ้น
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ความรู้สึกเมื่อมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โพสต์ที่ 90
ที่เสนอมา แค่อยากติดชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ลงทุนมากไปpak เขียน:ลำดับ / บริษัท / จำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อเป็น ผถห. รายใหญ่ (ประมาณการ)
1. YCI = 189,000 บาท
2. CHUO = 421,875 บาท
3. WIN = 564,190 บาท
4. DIMET = 639,000 บาท
5. CMO = 682,000 บาท
6. STAR = 863,600 บาท
7. BTNC = 876,000 บาท
8. SLC = 1,060,500 บาท
9. NC = 1,121,325 บาท
10. AFC = 1,311,000 บาท
11. PLUS = 1,650,000 บาท
12. L&E = 1,834,000 บาท
13. PAE = 1,930,000 บาท
14. BWG = 2,688,000 บาท
15. PAF = 2,700,000 บาท
16. OFM = 2,840,000 บาท
17. TFD = 2,875,000 บาท
18. BROCK = 3,600,000 บาท
########## จบบริบูรณ์ ##########
นี่เลย
ไม่เกินแปดหมื่นบาทก็ได้ติดชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้วครับ
TCAP-P : บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)
เรื่องจะมีสภาพคล่องมีหรือเปล่า ห้ามถามนะ
จะขายได้ตอนไหนห้ามคิด
จะมีปันผลไหม มีอยู่นะ
แค่ขำขำ