อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 1
ผมเล่นหุ้นมา 6 ปี ปีแรกเล่นเก็งกำไรตลอดครับ ได้บ้างเสียบ้างสลับกันไป พบว่าไม่ยั่งยืนเอาซะเลย ต้องนั่งเฝ้าจอคอมตลอด กำไรที่ได้มา ก็พร้อมจะหายไปในวันรุ่งขึ้นได้เสมอเลย
จึงมาศึกษาการลงทุนของ VI ครับ ศึกษานักลงทุนหลายคน อ่านหนังสือเยอะมากครับ ตอนนั้นมีพี่โจ๊ก (สุมาอี้) คอยแนะนำให้ตลอดมีไรถามพี่เค้าตลอด จนเริ่มลงทุนตามแนวทาง VI ครับ
ตอนนั้นลงหุ้นประมาณ 7-8 ตัวแต่ละตัวก็ประมาณว่า VI นิยมเล่นกัน ณ ตอนนั้นครับ กำไรดีเลยครับหลังจากนั้นมา หุ้นขึ้นเรื่อยๆ ไปอย่างช้าๆ แต่รู้สึกได้ว่ามั่นคนจริงๆ ครับ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็มาถึง วิกฤตการณ์ครั้งแรกในชีวิต SUBPRIME ไม่รู้หรอกครับคืออะไร ได้แต่ฟังข่าวไปวันๆ คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป VI เค้าก็ไม่เห็นขายกันตอนวิกฤติ
ยอมรับเลยว่าไม่ค่อยได้เฝ้าพอร์ตเลยครับ แต่เช้าวันหนึ่งตื่นมาครับ ตกใจมากครับ หุ้นตกหนักมากกกกก จนเจอประกาศพักการซื้อขาย คิดในใจ เดี๋ยวมันก็กลับมา มันไม่เคยกลับมาอีกเลยครับ ลงทุนวันๆ แดงมากแดงน้อยแค่นั้นเอง
กำไรที่เคยทำมา 2 ปี หายไปกับสายน้ำครับ ขาดทุนอย่างหนักหน่วง ถึงขึ้นท้อใจว่าจะลุยต่อดีไหม แทบจะอยากเลิกเล่นหุ้นกันเลย แต่เอาหน่ะ มีคนบอกว่าไม่ขายก็ไม่ขาดทุน แต่มันอยู่ไม่ได้จริงๆ มองไม่เห็นอนาคตเลย เลยตัดสินใจตัดขาดทุนทิ้งบางส่วนครับ เก็บแต่หุ้นบางตัวไว้ที่ยอมรับว่าดี
ใช้เวลาเป็นปีครับกว่าทุกอย่างจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ได้บทเรียนมาเยอะมากครับหลังจากนั้น
1. ต้องรู้จักบริหารพอร์ต ต้องรู้จักยืดหยุ่นลดขนาดลงครับ ไม่ควรฝืนเศษฐกิจศึกษาดีดีว่าจะอีกนานไหมแล้วขายลดความเสี่ยงบ้างครับ ไม่ฝืนถือแล้วรอกลับมาครับอย่างเดียวครับ
2. อย่าหนีความจริงครับ ถ้าต้องขายขาดทุนก็ควรจะขาย เจอวิกฤติเล็กๆ ลงวัน 2 วัน แต่เจอวิกฤติเศรษฐกิจเข้าไปลงหาวันจบไม่เจอจริงๆ
3. หุ้นดีกลับมาเรื่องจริงครับ ถ้ารู้จักบริหารมากกว่านี้คงจะได้มากกว่าที่รอให้ลงและให้ขึ้นกลับมาที่เดิมครับ
ถึงวันนี้ก็ยังเป็น VI เหมือนเดิมครับ เป็นประสบการณ์เล็กน้อยที่อยากแบ่งปันครับ
จึงมาศึกษาการลงทุนของ VI ครับ ศึกษานักลงทุนหลายคน อ่านหนังสือเยอะมากครับ ตอนนั้นมีพี่โจ๊ก (สุมาอี้) คอยแนะนำให้ตลอดมีไรถามพี่เค้าตลอด จนเริ่มลงทุนตามแนวทาง VI ครับ
ตอนนั้นลงหุ้นประมาณ 7-8 ตัวแต่ละตัวก็ประมาณว่า VI นิยมเล่นกัน ณ ตอนนั้นครับ กำไรดีเลยครับหลังจากนั้นมา หุ้นขึ้นเรื่อยๆ ไปอย่างช้าๆ แต่รู้สึกได้ว่ามั่นคนจริงๆ ครับ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็มาถึง วิกฤตการณ์ครั้งแรกในชีวิต SUBPRIME ไม่รู้หรอกครับคืออะไร ได้แต่ฟังข่าวไปวันๆ คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป VI เค้าก็ไม่เห็นขายกันตอนวิกฤติ
ยอมรับเลยว่าไม่ค่อยได้เฝ้าพอร์ตเลยครับ แต่เช้าวันหนึ่งตื่นมาครับ ตกใจมากครับ หุ้นตกหนักมากกกกก จนเจอประกาศพักการซื้อขาย คิดในใจ เดี๋ยวมันก็กลับมา มันไม่เคยกลับมาอีกเลยครับ ลงทุนวันๆ แดงมากแดงน้อยแค่นั้นเอง
กำไรที่เคยทำมา 2 ปี หายไปกับสายน้ำครับ ขาดทุนอย่างหนักหน่วง ถึงขึ้นท้อใจว่าจะลุยต่อดีไหม แทบจะอยากเลิกเล่นหุ้นกันเลย แต่เอาหน่ะ มีคนบอกว่าไม่ขายก็ไม่ขาดทุน แต่มันอยู่ไม่ได้จริงๆ มองไม่เห็นอนาคตเลย เลยตัดสินใจตัดขาดทุนทิ้งบางส่วนครับ เก็บแต่หุ้นบางตัวไว้ที่ยอมรับว่าดี
ใช้เวลาเป็นปีครับกว่าทุกอย่างจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ได้บทเรียนมาเยอะมากครับหลังจากนั้น
1. ต้องรู้จักบริหารพอร์ต ต้องรู้จักยืดหยุ่นลดขนาดลงครับ ไม่ควรฝืนเศษฐกิจศึกษาดีดีว่าจะอีกนานไหมแล้วขายลดความเสี่ยงบ้างครับ ไม่ฝืนถือแล้วรอกลับมาครับอย่างเดียวครับ
2. อย่าหนีความจริงครับ ถ้าต้องขายขาดทุนก็ควรจะขาย เจอวิกฤติเล็กๆ ลงวัน 2 วัน แต่เจอวิกฤติเศรษฐกิจเข้าไปลงหาวันจบไม่เจอจริงๆ
3. หุ้นดีกลับมาเรื่องจริงครับ ถ้ารู้จักบริหารมากกว่านี้คงจะได้มากกว่าที่รอให้ลงและให้ขึ้นกลับมาที่เดิมครับ
ถึงวันนี้ก็ยังเป็น VI เหมือนเดิมครับ เป็นประสบการณ์เล็กน้อยที่อยากแบ่งปันครับ
"I Think ,Therefore I am"
-
- Verified User
- โพสต์: 99
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 3
เท่าที่ผมอ่านกระทู้เรื่องบทเรียนจากวิกฤตต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีคนมาบอกว่า รู้งี้ขายออกไปก่อนดีกว่า ,
วันหลังต้องมีจุด cut Loss ให้ชัดเจน VI อย่างเดียวไม่รอดแน่ ,ว่าแล้วว่าต้องมีวิกฤตเกิดขึ้นเห็นไหม ,
อะไรต่างๆนาๆ แต่อย่าลืมครับว่าวิกฤตนั้นคาดการ์ณยากครับ กว่าจะรู้มันก็เกิดขึ้นแล้ว และมันก็ยากครับที่จะรู้ว่าเป็นวิกฤตรอบเล็กหรือรอบใหญ่
พอเจอเข้าจะขายตอนนั้นก็ไม่กล้า จะซื้อก็ไม่มีเงิน มันจะสับสน งงๆ ถ้าเราไม่มีหลักยึด
ผมขอ share ประสบการณ์ผมมั่ง (บอกชื่อหุ้นเลยแล้วกันเพราะมันนานแล้ว)
ตอนปี 51 ผมถือหุ้น CPALL IT HMPRO TPC ผมก็นั่งคิด นอนคิดอยู่นานว่าจะทำยังไง แรกๆก็นั่งมองมันลงมา
พอคิดไปคิดมาก็เลย switch หุ้นที่ได้รับผลกระทบมากไปซื้อหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยดีกว่าก็เลยขาย TPC HMPRO IT
ออกไปซื้อพวก MAKRO BIGC KH มั้ง แล้วก็อยู่เฉยๆ (จริงๆ คิดผิดด้วยซ้ำเพราะแท้จริง HMPRO IT ไม่ได้รับผลระทบ)
โชคดีที่ตอนนั้น CPALL มีข่าวเรื่องขาย LOTUS ที่เมืองจีนได้ก็เลยทำให้หุ้นมันบวกทั้งๆที่มีวิกฤต
ผมเคยนั่งมอง CPALL มันลงไปเหลือ 7 บาทด้วยซ้ำแต่ก็ไม่คิดจะขายออกไป
จะซื้อเพิ่มเงินก็ไม่มีแล้ว ถ้าขายออกไปตอนนั้นละก็ ช้ำใจมากครับ ผลสรุปคือพอร์ตติดลบอยู่ดี แต่น้อยกว่าตลาดพอควร
สรุปคือ การที่เราบอกว่าบทเรียนที่ได้จากวิกฤตคือการขายออกไปก่อนนั้นบางทีอาจจะไม่ใช่บทเรียนที่แท้จริงก็ได้นะครับ
บทเรียนที่แท้จริงอาจจะคือการที่เราควรถือหุ้นที่มีผลประกอบการมั่นคง ปลอดภัย กำไรดีสม่ำเสมอ ในขณะที่ตอนซื้อก็ซื้อที่ราคาไม่แพง แทนรึเปล่าครับ
อันนี้คือพูดแนวพื้นฐานล้วนๆนะครับ ถ้าแนวเทคนิคนั้นมันต้องมีจุด CUT LOSS แน่นอนอยู่แล้ว
เพียงแต่คุณก็ต้องเลือกว่าจะเป็นอะไร VI ล้วนๆ เทคนิคคอลล้วนๆ หรือ แนวผสมกัน และที่สำคัญก็คือคุณมีความรู้ในแนวต่างๆ มากน้อยแค่ไหนครับ
ถ้าเอามาผสมกันโดยที่ยังไม่ได้ศึกษาอย่างดีละก็ ต้องระวังธาตุไฟเข้าแทรกด้วยครับ ไม่งั้นเวลาเจอเหตุการณ์สำคัญๆมันจะงงๆ ไปหมด ทำอะไรไม่ถูก
ปล ไม่ได้บอกว่าการถืออึด จะดีกว่าการขายออกไปก่อนนะครับ (การ cut Loss นั้นผมก็ทำถ้าหุ้นนั้นเป็นหุ้นเก็งกำไรเยอะๆ หรือเราคิดผิดจริงๆ)
เพียงแต่อยากแชร์ มุมมองอีกด้านมั่ง
และที่สำคัญจะทำแบบไหน ก็ต้องอย่าทำเกินความรู้ที่เรามี เพียงเท่านี้ผมว่าก็น่าจะรอดจากวิกฤตได้นะครับ
วันหลังต้องมีจุด cut Loss ให้ชัดเจน VI อย่างเดียวไม่รอดแน่ ,ว่าแล้วว่าต้องมีวิกฤตเกิดขึ้นเห็นไหม ,
อะไรต่างๆนาๆ แต่อย่าลืมครับว่าวิกฤตนั้นคาดการ์ณยากครับ กว่าจะรู้มันก็เกิดขึ้นแล้ว และมันก็ยากครับที่จะรู้ว่าเป็นวิกฤตรอบเล็กหรือรอบใหญ่
พอเจอเข้าจะขายตอนนั้นก็ไม่กล้า จะซื้อก็ไม่มีเงิน มันจะสับสน งงๆ ถ้าเราไม่มีหลักยึด
ผมขอ share ประสบการณ์ผมมั่ง (บอกชื่อหุ้นเลยแล้วกันเพราะมันนานแล้ว)
ตอนปี 51 ผมถือหุ้น CPALL IT HMPRO TPC ผมก็นั่งคิด นอนคิดอยู่นานว่าจะทำยังไง แรกๆก็นั่งมองมันลงมา
พอคิดไปคิดมาก็เลย switch หุ้นที่ได้รับผลกระทบมากไปซื้อหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยดีกว่าก็เลยขาย TPC HMPRO IT
ออกไปซื้อพวก MAKRO BIGC KH มั้ง แล้วก็อยู่เฉยๆ (จริงๆ คิดผิดด้วยซ้ำเพราะแท้จริง HMPRO IT ไม่ได้รับผลระทบ)
โชคดีที่ตอนนั้น CPALL มีข่าวเรื่องขาย LOTUS ที่เมืองจีนได้ก็เลยทำให้หุ้นมันบวกทั้งๆที่มีวิกฤต
ผมเคยนั่งมอง CPALL มันลงไปเหลือ 7 บาทด้วยซ้ำแต่ก็ไม่คิดจะขายออกไป
จะซื้อเพิ่มเงินก็ไม่มีแล้ว ถ้าขายออกไปตอนนั้นละก็ ช้ำใจมากครับ ผลสรุปคือพอร์ตติดลบอยู่ดี แต่น้อยกว่าตลาดพอควร
สรุปคือ การที่เราบอกว่าบทเรียนที่ได้จากวิกฤตคือการขายออกไปก่อนนั้นบางทีอาจจะไม่ใช่บทเรียนที่แท้จริงก็ได้นะครับ
บทเรียนที่แท้จริงอาจจะคือการที่เราควรถือหุ้นที่มีผลประกอบการมั่นคง ปลอดภัย กำไรดีสม่ำเสมอ ในขณะที่ตอนซื้อก็ซื้อที่ราคาไม่แพง แทนรึเปล่าครับ
อันนี้คือพูดแนวพื้นฐานล้วนๆนะครับ ถ้าแนวเทคนิคนั้นมันต้องมีจุด CUT LOSS แน่นอนอยู่แล้ว
เพียงแต่คุณก็ต้องเลือกว่าจะเป็นอะไร VI ล้วนๆ เทคนิคคอลล้วนๆ หรือ แนวผสมกัน และที่สำคัญก็คือคุณมีความรู้ในแนวต่างๆ มากน้อยแค่ไหนครับ
ถ้าเอามาผสมกันโดยที่ยังไม่ได้ศึกษาอย่างดีละก็ ต้องระวังธาตุไฟเข้าแทรกด้วยครับ ไม่งั้นเวลาเจอเหตุการณ์สำคัญๆมันจะงงๆ ไปหมด ทำอะไรไม่ถูก
ปล ไม่ได้บอกว่าการถืออึด จะดีกว่าการขายออกไปก่อนนะครับ (การ cut Loss นั้นผมก็ทำถ้าหุ้นนั้นเป็นหุ้นเก็งกำไรเยอะๆ หรือเราคิดผิดจริงๆ)
เพียงแต่อยากแชร์ มุมมองอีกด้านมั่ง
และที่สำคัญจะทำแบบไหน ก็ต้องอย่าทำเกินความรู้ที่เรามี เพียงเท่านี้ผมว่าก็น่าจะรอดจากวิกฤตได้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 4
ส่วนตัวเรื่องการปรับพอร์ตล้างพอร์ทนี่ มันขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนครับ และก้อคงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว อย่างคนที่ตัดสินใจล้างพอร์ท(เช่น ผม) ก้อคงอยากจะเก็บเงินสดไว้เพื่อที่จะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสเหมือนช่วงsubprime แต่ถ้าถามว่าจะเกิดอย่างนั้นอีกหรือไม่ ก้อคงไม่มีใครตอบได้หรอกครับ วันนี้อาจจะลงเป็นวันสุดท้าย จากพรุ่งนี้อาจจะเป็นbull marketก้อได้ ซึ่งหมายความว่าคนที่ล้างพอร์ทไปคือคิดผิด หรือถ้าเลวร้ายจริงๆลงไปขนาดช่วงsubprime ถึงแม้ว่าเราจะถือหุ้นที่ดีกิจการมั่นคง แต่ผมก้อเชื่อว่าคนที่ถือหุ้นอยู่ไม่มีเงินสดเหลือก้อคงเสียดายโอกาสไม่น้อยเลยที่พลาดโอกาสทำกำไรงามๆไป
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 5
เห็นด้วยครับ การบริหารพอร์ตไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่จำเป็นต้องเหมือนบัฟเฟต เพราะเงื่อนไขชีวิตคนเราต่างกัน
บ้างเลือกซื้อสวนๆๆเข้าไป...ไม่เกิดวิกฤตก็ดีไปครับได้ซื้อถูกลงหน่อย แต่ถ้าเกิดก็.....
บ้างเลือกถือผ่านวิกฤต...ก็แล้วแต่สไตล์ อย่างผมทนเห็นกำไรที่หามาเป็นปี หายไปกับตาไม่ได้
บ้างเลือกล้างพอร์ต...แล้วค่อยกลับมาซื้อใหม่ อุดมคติเลยครับแบบนี้ แต่มีไม่มากที่ทำได้
ถ้าวิกฤตมาจริงมันกระทบพื้นฐานบริษัทครับ ยังไงก็กระทบจะมากน้อยว่ากันไป
และถึงต่อให้พื้นฐานไม่เปลี่ยนเลย แต่ valuation มันเปลี่ยนครับ
โชดดีในการบริหารพอร์ตครับทุกท่าน
บ้างเลือกซื้อสวนๆๆเข้าไป...ไม่เกิดวิกฤตก็ดีไปครับได้ซื้อถูกลงหน่อย แต่ถ้าเกิดก็.....
บ้างเลือกถือผ่านวิกฤต...ก็แล้วแต่สไตล์ อย่างผมทนเห็นกำไรที่หามาเป็นปี หายไปกับตาไม่ได้
บ้างเลือกล้างพอร์ต...แล้วค่อยกลับมาซื้อใหม่ อุดมคติเลยครับแบบนี้ แต่มีไม่มากที่ทำได้
ถ้าวิกฤตมาจริงมันกระทบพื้นฐานบริษัทครับ ยังไงก็กระทบจะมากน้อยว่ากันไป
และถึงต่อให้พื้นฐานไม่เปลี่ยนเลย แต่ valuation มันเปลี่ยนครับ
โชดดีในการบริหารพอร์ตครับทุกท่าน
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 6
หลัง subprime ก็มีคนบ่น ๆ ว่ารอวิกฤติงวดหน้า จะจัดหนัก อย่างโน้น อย่างนี้
ก็เลยอยากทราบว่า แล้ววันนี้ คุณมีแผนแล้วหรือยัง
หากไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ก็อยู่กับความจริง ที่รู้เส้นทางข้างหน้าดีกว่า เช่น ผลประกอบการ ปัจจัยบวก ปัจจัยลบ พื้นฐานบริษัท
ดีกว่าจะมานั่งคิดว่า วันนี้ใช่วิกฤติแล้วหรือยัง ควรจะขายดี หรือว่าซื้อดี
ก็เลยอยากทราบว่า แล้ววันนี้ คุณมีแผนแล้วหรือยัง
หากไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ก็อยู่กับความจริง ที่รู้เส้นทางข้างหน้าดีกว่า เช่น ผลประกอบการ ปัจจัยบวก ปัจจัยลบ พื้นฐานบริษัท
ดีกว่าจะมานั่งคิดว่า วันนี้ใช่วิกฤติแล้วหรือยัง ควรจะขายดี หรือว่าซื้อดี
- lengmanutd
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณทุกความเห็นทีี่มาแชร์ให้นักลงทุนรุ่นใหม่ๆ นะครับ
ลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาหุ้นมี MOS (Downside = Limited) และแนวโน้มกำไรมี Growth (Upside = Infinity)
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 8
akekarat เขียน:หลัง subprime ก็มีคนบ่น ๆ ว่ารอวิกฤติงวดหน้า จะจัดหนัก อย่างโน้น อย่างนี้
ก็เลยอยากทราบว่า แล้ววันนี้ คุณมีแผนแล้วหรือยัง
หากไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ก็อยู่กับความจริง ที่รู้เส้นทางข้างหน้าดีกว่า เช่น ผลประกอบการ ปัจจัยบวก ปัจจัยลบ พื้นฐานบริษัท
ดีกว่าจะมานั่งคิดว่า วันนี้ใช่วิกฤติแล้วหรือยัง ควรจะขายดี หรือว่าซื้อดี
น้ำบางที่ในทะเล เราไม่รู้หรอกครับว่าลึกไม่ลึก ถ้าเราไม่ได้ลงไปเดิน
จะรู้ว่าลึก บางทีก้เดินจากฝั่งมาไกลเกินไป ยากจะกลับฝั่ง
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 10
เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ควรเสี่ยงเดินไปโดยที่เราไม่รู้ไงครับchukieat30 เขียน:akekarat เขียน:หลัง subprime ก็มีคนบ่น ๆ ว่ารอวิกฤติงวดหน้า จะจัดหนัก อย่างโน้น อย่างนี้
ก็เลยอยากทราบว่า แล้ววันนี้ คุณมีแผนแล้วหรือยัง
หากไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ก็อยู่กับความจริง ที่รู้เส้นทางข้างหน้าดีกว่า เช่น ผลประกอบการ ปัจจัยบวก ปัจจัยลบ พื้นฐานบริษัท
ดีกว่าจะมานั่งคิดว่า วันนี้ใช่วิกฤติแล้วหรือยัง ควรจะขายดี หรือว่าซื้อดี
น้ำบางที่ในทะเล เราไม่รู้หรอกครับว่าลึกไม่ลึก ถ้าเราไม่ได้ลงไปเดิน
จะรู้ว่าลึก บางทีก้เดินจากฝั่งมาไกลเกินไป ยากจะกลับฝั่ง
เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ "ไม่สามารถย้อนกลับได้"
หลักการของ VI อย่างหนึ่งคือ ทำในสิ่งที่รู้
อย่างที่ Buffet บอกว่า เค้ายินดีที่จะซื้อหุ้นราคาแพงขึ้นในเวลาที่ทุกอย่างเคลียร์
ดีกว่าที่จะซื้อหุ้นตัวเดียวกันในราคาถูกกว่านั้น ในขณะที่บางอย่างยังไม่รู้ชัด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 11
When stock price went up , it's just another day,aonzzung เขียน:อยากถามว่า ช่วง subprime ที่ดัชนีลงเรื่อยๆนั้น
ผมดูกราฟย้อนหลังเห็นว่ามีแอบเด้งนิดๆระหว่างทาง
ตอนที่มีเด้ง รู้สึกยังไงครับ?
นักลงทุนหลงดีใจกันป่าวว่ามันอาจจะจบแล้วก็ได้?
When stock price gone down , it's just another day.
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเล่า ! บทเรียนการผ่าน Subprime
โพสต์ที่ 12
เมื่อเศรษฐกิจดี นายตลาดก็จะให้ P/E หุ้นทุกตัวสูงขึ้น
แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา นายตลาดจะลด P/E หุ้น
ทุกตัวลง ไม่ว่าหุ้นนั้นจะมีผลประกอบการดียังไง P/E
ก็จะลดลง
ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา ราคาหุ้นจะลงทุกตัว
ถึงแม้หุ้นตัวนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจเลย
นั่นเป็นโอกาสของเราที่จะหาหุ้นเหล่านี้ แต่ต้องมีเงิน
สดด้วยนะ หรือปรับPort เก่งๆ
แต่ผมปรับ Port ไม่เก่ง ขอถือเงินสดก็แล้วกัน
แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา นายตลาดจะลด P/E หุ้น
ทุกตัวลง ไม่ว่าหุ้นนั้นจะมีผลประกอบการดียังไง P/E
ก็จะลดลง
ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา ราคาหุ้นจะลงทุกตัว
ถึงแม้หุ้นตัวนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจเลย
นั่นเป็นโอกาสของเราที่จะหาหุ้นเหล่านี้ แต่ต้องมีเงิน
สดด้วยนะ หรือปรับPort เก่งๆ
แต่ผมปรับ Port ไม่เก่ง ขอถือเงินสดก็แล้วกัน