ขอถาม.. นักลงทุนมือใหม่ หัดขับ แต่สนใจการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

[alexx]

ตั้งแต่ที่ผมได้ซื้อหนังสือ อ่านก่อนรวยถาวรกว่า ทำให้ผมได้คิดออกว่า การลงทุนในหุ้นถ้าเรารู้พื้นฐานของหุ้นที่แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะดูจากงบการเงินต่างๆหรือ ค่าพีอี พีบีวี ฯและปัจจัยทั้งภายใน และนอกที่มีผลกระทบต่อบริษัททั้งระยะสั้นหรือยาว จะทำให้เราตัดสินใจว่าเราจะถือหุ้น ตัวไหนดี หรือจะขายออก ,ซื้อเพิ่ม เพื่อเดินไปตามจุดประสงค์ที่เราวางแผนไว้ได้ ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆที่จะทำให้ดัชนีหุ้นลงมาก ก็จะทำให้เราตัดสินใจถูกได้ เหมือนกับในหนังสือเล่มนี้ สอนว่า เราต้องลงทุนอย่างมีเหตุผลกับตลาดที่ไร้เหตุผล ถึงจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นการลงทุนอย่างมีเหตุผลจึงเป็นสิ่งถูกต้อง ผมจึงอยากถามว่า ถ้าเราอยากจะรู้ว่า ราคาตามมูลค่าทางบัญชี ที่มีส่วนต่างความปลอดภัย เพื่อต้องการให้รู้ว่าควรจะซื้อที่ราคาที่เท่าใด ว่าหุ้นตัวนี้ถูกหรือแพงหรือไม่ ในจังหวะที่หุ้นราคาตกลงมาแล้ว เราก็จะได้รอรับได้ในราคาที่เหมาะสม ถ้าถูกก็ยิ่งดีใหญ่ วีธีหามูลค่าทางบัญชี หายังงัย ? มีสูตรอย่างไร? อยากให้ยกตัวอย่างหุ้นเอาไว้เพื่อเป็นแนวทางให้สำหรับวิธีคิดหุ้นตัวอื่นด้วย เช่นหุ้นของ scc มีงบดุลเท่าไร งบกำไรขาดทุนอย่างไรฯ เอาอะไร ลบ หรือ คูณ หารกับอะไร ส่วนเจ้าของเท่าไหร่ จำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อให้ได้ราคาหุ้นทางบัญชีที่แท้จริง ว่าควรจะมีราคาที่เท่าใดที่จะเหมาะสม (อยากทราบจริงๆครับ)

[Mon money]

ขั้นแรกเลยต้องหาข้อมูลมาดูก่อนครับ

เอาแบบ 56-1 และงบดุลของ SCCมาดูก้จะทราบครับ

ข้อมูลเหล่านี้หาได้จาก www.set.or.th ครับ

[Dr.T]

การเป็น VI มีหลักสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ เข้าใจธุรกิจที่คุณจะลงทุนเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่พีอี พีบี ดีพี งบการเงิน
ดังนั้นผมเกรงว่าเจ้าของกระทู้ถ้าจะศึกษา SCC เป็น role model นี่ท่าทางจะปวดขมับน่าดูเลยครับ
เพราะ SCC มี diversification มากมาย บริษัทลูกเป็นสิบ ๆ
ลองหาตัวง่าย ๆ ที่เราคุ้นเคยใน brand ศึกษาก่อนดีไหมครับ 8)

[Jeng]

อิอิ ตอนแรกก็ว่าจะตอบ นึกว่าให้ยกตัวอย่าง ssc แต่พอดูอีกที เป็น scc ถอยดีกว่า

[Heroine]

ถ้าตอบแบบลึก ๆ ต้องให้ท่านผู้รู้หลาย ๆ ท่านในเว็บนี้มาตอบค่ะ ส่วนคำแนะนำส่วนตัวนะคะ แนะให้ลองดูหนังสือพิมพ์หน้าที่บอกราคาของหุ้นทุกตัวในตลาด จะเห็นว่าเขาแยกหมวดอุตสาหกรรมเอาไว้แล้ว คราวนี้ลองดูว่าสนใจลงทุนในหมวดไหนที่สุด จากนั้นค่อยเปรียบเทียบว่าบริษัทใดน่าสนใจลงทุนที่สุด โดยดูจาก อัตราส่วนทางการเงิน เช่นพีอี พีบีวี ยิว และแนะให้เข้าไปในเว็บของตลาดดูรายงาน 56-1 ต่อไป..

[สามัญชน]

:lol: :lol: :lol: :lol:

หามูลค่าทางบัญชี ก็ดูจาก" รวมส่วนผู้ถือหุ้นทั้งหมด " ครับ เอาจำนวนหุ้นทั้งหมดไปหารก็จะได้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับทางบัญชี แต่ก็มีจุดอ่อนนิดหน่อยตรงที่ บางรายการอาจจะไม่ทันสมัย เช่นที่ดินที่ลงราคาไว้เมื่อสามปีที่แล้ว อาจจะมีมูลค่าเปลี่ยนไปแล้วในปัจจุบัน แต่รอบบัญชียังไม่ได้ตีราคาใหม่เป็นต้น ทรัพย์สินอย่างอื่นก็เช่นเดียวกัน

การใช้มูลค่าทางบัญชีมาตัดสินใจเลือกหุ้นก็เป็นวิธีที่ดีครับ โดยเฉพาะถ้าได้ตัวที่ พีบีต่ำมากๆ ท่านเกรแฮมเอง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นบิดาแห่งVI ก็ใช้วิธีนี้เป็นหลัก

บัฟเฟตต์เอง ( ลูกศิษย์ของท่านเกรแฮม ) เดิมทีก็ใช้วิธีนี้ แต่ต่อมาได้เปลี่ยนมาเลือกหุ้นที่มีคุณสมบัติว่า เป็นธุรกิจที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน มากกว่า

ถ้าเกรแฮมก็ " ซื้อหุ้นที่มีคุณภาพปานกลางในราคาที่สุดยอด "

ส่วนบัฟเฟตต์ " ซื้อหุ้นทีมีคุณภาพสุดยอดในราคาปานกลาง ( ยุติธรรม ) "


คุณ alexx ชอบแบบใหนล่ะ

:lol: :lol: :lol: :lol:

[alexx]

ขอบคุณทุกคนครับ ขอรบกวนถามคุณสามัญชน ว่า รวมส่วนผู้ถือหุ้น มันอยู่ในงบดุลใช่มั้ย แล้วมันคืออะไร แล้วหาส่วนผู้ถือหุ้นได้จากไหน (ไม่รุ้จิงๆครับ) ถ้ายกตัวอย่าง ย่อๆก็จะดีครับ หรือการหาราคาหุ้นทางบัญชี หาได้จาก (สินทรัพย์ทั้งหมด ลบ หนี้สินทั้งหมด) หาด้วย จำนวนหุ้นทั้งหมด แบบนี้ถูกมั้ยครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

[beecool69]

total assets - total liabilities = shareholder equity
shareholder equity/total shares = book value per share

[Dr.T]

อ่านหนังสือ อ.ภาพร ดีกว่าครับ "อ่านงบการเงินให้เป็น" หรือเอาของตลาดหลักทรัพย์ก็ได้

[alexx]

ขอบคุณ ดอกเตอร์ที มากครับ ที่แนะนำ

[adi]

อิอิ ตอนแรกก็ว่าจะตอบ นึกว่าให้ยกตัวอย่าง ssc แต่พอดูอีกที เป็น scc ถอยดีกว่า

เห็นด้วยครับ scc เป็นหุ้นที่ผมไม่เคยคิดจะทำ valuation เพราะทำไม่ไหวเหมือนกันครับ แต่ยังมีแอบลงทุนอยู่บ้าง อิอิ 8)

[สามัญชน]

:lol: :lol: :lol: :lol:

หรือการหาราคาหุ้นทางบัญชี หาได้จาก (สินทรัพย์ทั้งหมด ลบ หนี้สินทั้งหมด) หารด้วย จำนวนหุ้นทั้งหมด แบบนี้ถูกมั้ยครับ

ถูกต้องครับ ตามสมการที่ท่านbeecool69 ว่าไว้ อ้อ... อย่าลืมว่าทุกเครื่องมือมีทั้งข้อดีข้อเสียนะครับ ต้องรู้ว่าจุดแข็งจุดอ่อนของเครื่องมือแต่ละอย่างอยู่ตรงไหนด้วยครับ

ผมเคยอ่านเจอใน settrade หรือ set.co.th ไม่แน่ใจ ลองหาดูนะครับ

ได้ความว่ายังไงก็มาโพสท์ต่อนะครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: