คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1561
สินค้าขวดแก้ว ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นได้ตรงที่
ใช้ปริมาณวัตถุดิบน้อยลง แต่ได้ขวดที่แข็งแกร่งเท่าเดิมครับ
แต่มูลค่าการลงทุนก็จะค่อนข้างสูง
เป็นของที่เศรษฐกิจเป็นยังไงก็ต้องใช้ครับ
และยังมีโครงการปรับภาษีสรรพษามิต บรรจุภัณฑ์ (อ้างว่าเพื่อสิ่งแวดล้อม)
บรรจุภัณฑ์ที่เป็นแก้ว จะเก็บถูกกว่า เป็นโลหะ ครับ จะนำมาใช้เร็ว ๆ นี้
ส่วนกระดาษทิชชู เจ้าหลักก็มีแค่สองเจ้า สก็อต+เซลลอค Market Share เกิน 70-80%
BJC ผลิตเซลลอค zilk เบล เศรษฐกิจเป็นไง ก็ต้องใช้ทิชชูครับ
ไม่น่าจะมีปัญหาด้ายการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์มากนัก
ส่วนหนี้ยาวมีอยู่ 1600 ล้าน + ที่จะคืนปีนี้อีก 900 ล้านครับ
ผมเอาสินทรัพย์ส่วนอื่นที่ทีแลกไม่ได้พูดถึงมาหักแล้วกันนะครับ
มี Working Cap ประมาณ 2700 (-หนี้ที่จะคือปีนี้ 900) เหลือ 1800
ปรับลดคุณภาพซัก 500 ล้าน (มี Inventory 1000)
มี ตึก BJC ข้าง ๆ ตึก WG มองด้วยตาขนาดก็ไล่ๆ กัน ครับ
มีโรงงานทำมันฝรั่ง เทสโต อีก
รวม ๆ แล้วน่าจะจ่ายหนี้ได้เกลี้ยงครับ
เลยลองตัดมาคิดมูลค่าแค่ โรงแก้ว กับ กระดาษครับ
ใช้ปริมาณวัตถุดิบน้อยลง แต่ได้ขวดที่แข็งแกร่งเท่าเดิมครับ
แต่มูลค่าการลงทุนก็จะค่อนข้างสูง
เป็นของที่เศรษฐกิจเป็นยังไงก็ต้องใช้ครับ
และยังมีโครงการปรับภาษีสรรพษามิต บรรจุภัณฑ์ (อ้างว่าเพื่อสิ่งแวดล้อม)
บรรจุภัณฑ์ที่เป็นแก้ว จะเก็บถูกกว่า เป็นโลหะ ครับ จะนำมาใช้เร็ว ๆ นี้
ส่วนกระดาษทิชชู เจ้าหลักก็มีแค่สองเจ้า สก็อต+เซลลอค Market Share เกิน 70-80%
BJC ผลิตเซลลอค zilk เบล เศรษฐกิจเป็นไง ก็ต้องใช้ทิชชูครับ
ไม่น่าจะมีปัญหาด้ายการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์มากนัก
ส่วนหนี้ยาวมีอยู่ 1600 ล้าน + ที่จะคืนปีนี้อีก 900 ล้านครับ
ผมเอาสินทรัพย์ส่วนอื่นที่ทีแลกไม่ได้พูดถึงมาหักแล้วกันนะครับ
มี Working Cap ประมาณ 2700 (-หนี้ที่จะคือปีนี้ 900) เหลือ 1800
ปรับลดคุณภาพซัก 500 ล้าน (มี Inventory 1000)
มี ตึก BJC ข้าง ๆ ตึก WG มองด้วยตาขนาดก็ไล่ๆ กัน ครับ
มีโรงงานทำมันฝรั่ง เทสโต อีก
รวม ๆ แล้วน่าจะจ่ายหนี้ได้เกลี้ยงครับ
เลยลองตัดมาคิดมูลค่าแค่ โรงแก้ว กับ กระดาษครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1562
ชักน่าสนใจ
- moo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1563
ที่ผ่านมา ได้เคยติดต่อทำการค้ากับ bjc ครับ
ถ้าเกี่ยวกับโรงงานหลอมแก้วตรามงกุฏ
ปัจจุบันนี้ ไม่มีการการผลิตแก้วออกมาขายแล้วครับ(น่าจะเป็นปีแล้ว)
ทางบริษัทได้ตัดแผนกแก้วนี้ทิ้งไปแล้วครับ
เข้าใจว่าตอนนี้เป่าแต่ขวดเบียร์(ช้าง)อย่างเดียว
ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีผลอะไรหรือไม่ครับ
ถ้าเกี่ยวกับโรงงานหลอมแก้วตรามงกุฏ
ปัจจุบันนี้ ไม่มีการการผลิตแก้วออกมาขายแล้วครับ(น่าจะเป็นปีแล้ว)
ทางบริษัทได้ตัดแผนกแก้วนี้ทิ้งไปแล้วครับ
เข้าใจว่าตอนนี้เป่าแต่ขวดเบียร์(ช้าง)อย่างเดียว
ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีผลอะไรหรือไม่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1564
ความเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงที่สุดของเจ้า BJC ก็อยู่ตรงที่ % Freefloat
แหละครับ ที่คุณเจริญเขาจะทำอะไรกับผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ง่าย
(แต่ผมละความน่ากลัวข้อนี้ไปก่อน ไม่งั้นก็จะไม่ได้วิเคราะห้ด้านอื่นเลย)
ส่วน Tender ที่พี่พลบอก ผมลองเช็คแล้ว ไม่แน่ใจว่ามีกฏข้อไหนคุมว่าต้องสูง
กว่า Book value เลยครับ แต่เหมือนจะกำหนดให้มี ที่ปรึกษาการเงินอิสระ
คอมเมนต์เรื่องราคาเหมาะสม ก็พอจะลดความเสี่ยงเรื่อง Tender ราคาต่ำมากได้
ขวดที่เขาทำครอบคลุม ขวดแก้วทุกประเภทครับ
แต่สัดส่วนทำให้เหล้า เบียร์ น่าจะประมาณ 50 % ของกำลังผลิตครับ
ขวดยา น้ำอัดลม เครื่องดืมชูกำลัง เครื่องสำอาง เป็นต้น
แล้วความเข้าใจเรื่อง Reproduction Cost of Asset ผมมาถูกทางไหมครับ
แหละครับ ที่คุณเจริญเขาจะทำอะไรกับผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ง่าย
(แต่ผมละความน่ากลัวข้อนี้ไปก่อน ไม่งั้นก็จะไม่ได้วิเคราะห้ด้านอื่นเลย)
ส่วน Tender ที่พี่พลบอก ผมลองเช็คแล้ว ไม่แน่ใจว่ามีกฏข้อไหนคุมว่าต้องสูง
กว่า Book value เลยครับ แต่เหมือนจะกำหนดให้มี ที่ปรึกษาการเงินอิสระ
คอมเมนต์เรื่องราคาเหมาะสม ก็พอจะลดความเสี่ยงเรื่อง Tender ราคาต่ำมากได้
ขวดที่เขาทำครอบคลุม ขวดแก้วทุกประเภทครับ
แต่สัดส่วนทำให้เหล้า เบียร์ น่าจะประมาณ 50 % ของกำลังผลิตครับ
ขวดยา น้ำอัดลม เครื่องดืมชูกำลัง เครื่องสำอาง เป็นต้น
แล้วความเข้าใจเรื่อง Reproduction Cost of Asset ผมมาถูกทางไหมครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1565
ก็ยังไม่หลงทางจนเตลิดเข้าป่าTiger เขียน:
แล้วความเข้าใจเรื่อง Reproduction Cost of Asset ผมมาถูกทางไหมครับ
แต่ผมแนะนำให้ลองกลับไปอ่านบทความ
เรื่อง Reproduction Cost of Asset
ของคุณมนตรีใน Value Way ดูอีกที
ผมว่าลองเริ่มต้นที่งบดุลดูก็ดีนะครับ
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1566
วันนี้รู้สึกเหนื่อย และ หมดแรงจังเลยครับ
ผมเริ่มเข้ามาในตลาดตั้งแต่ประมาณเดือนเมษา และเริ่มศึกษาเรื่อย ๆ มา
เริ่มเห็นแนวทางเพิ่มเงินในกระเป๋าจากการลงทุนบ้างเมื่อมาพบที่นี่
แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาหุ้นดี ๆ ไม่ได้เลยซักตัว ... (ยังพยายามหาอยู่น่ะครับ)
แต่เมื่อ 2 วันก่อนไปคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่มีประสบการณ์ในตลาดมาและผมเองก็นับถือด้วย
ผมไปปรึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์งบการเงิน ท่านถามว่าจะรู้ไปทำไม ก็เลยบอกว่ากำลังศึกษาตลาดหุ้น
ท่านไม่เห็นด้วย แต่บอกว่าเอาไว้คุยกัน พร้อมทิ้งท้ายกับคำพูดว่า "อย่าเอาเงินไปฝากไว้ในมือโจรเลย"
ผมยอมรับว่ามันมีผลต่อผมมากและจากหลายเหตุการที่ผู้บริหารยักยอกเงินจากบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเองตามหน้าหนังสือพิมพ์ (อย่าง Bizweek สัปดาห์ที่ผ่านมา)
คนอย่างเรา ๆ จะมีสิทธิไปรู้ได้อย่างไรว่า บริษัทกำลังโดนผู้บริหารทำอย่างนี้หรือไม่
พี่ ๆ มีคำแนะนำสำหรับมือใหม่อย่างผมบ้างไหมครับ
ขอบคุณครับ
ผมเริ่มเข้ามาในตลาดตั้งแต่ประมาณเดือนเมษา และเริ่มศึกษาเรื่อย ๆ มา
เริ่มเห็นแนวทางเพิ่มเงินในกระเป๋าจากการลงทุนบ้างเมื่อมาพบที่นี่
แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาหุ้นดี ๆ ไม่ได้เลยซักตัว ... (ยังพยายามหาอยู่น่ะครับ)
แต่เมื่อ 2 วันก่อนไปคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่มีประสบการณ์ในตลาดมาและผมเองก็นับถือด้วย
ผมไปปรึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์งบการเงิน ท่านถามว่าจะรู้ไปทำไม ก็เลยบอกว่ากำลังศึกษาตลาดหุ้น
ท่านไม่เห็นด้วย แต่บอกว่าเอาไว้คุยกัน พร้อมทิ้งท้ายกับคำพูดว่า "อย่าเอาเงินไปฝากไว้ในมือโจรเลย"
ผมยอมรับว่ามันมีผลต่อผมมากและจากหลายเหตุการที่ผู้บริหารยักยอกเงินจากบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเองตามหน้าหนังสือพิมพ์ (อย่าง Bizweek สัปดาห์ที่ผ่านมา)
คนอย่างเรา ๆ จะมีสิทธิไปรู้ได้อย่างไรว่า บริษัทกำลังโดนผู้บริหารทำอย่างนี้หรือไม่
พี่ ๆ มีคำแนะนำสำหรับมือใหม่อย่างผมบ้างไหมครับ
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1567
กฏข้อที่หนึ่งของวีไอ คือ อย่าไปพูดเรื่องวีไอกับคนอื่น
กฏข้อที่สอง คือ อย่าลืมกฏข้อที่หนึ่ง ไม่งั้นเขาจะหาว่าคุณ....บ้า
แถมถ้าคุณไม่มีความมั่นใจในตัวเองดีพอ....คุณก็จะเลิกทำในสิ่งที่คุณตั้งใจ
ลองฟังเพลงของ"คาราวาน"ดู
ชื่อเพลง"กำลังใจ" น่าจะเข้าบรรยากาศ
มีเวลาลงทุนอีกหลายสิบปี
แค่หาหุ้นไม่ได้สี่ห้าเดือนก็ไม่เห็นแปลก
ปีเตอร์ ลินซ์บอกว่า
"ตลาดหุ้นจะตกในหนึ่งเดือน
ถ้าไม่ตกในหนึ่งเดือน ก็จะตกภายในหนึ่งปี
ถ้าหนึ่งปีไม่ตก ก็จะตกภายในสิบปี"
ผ่านไปหกเดือนแล้วท้อ.....ยังต้องฝึกจิตใจอีกครับ
บริษัทดีๆก็มีเยอะแยะ
ไม่ใช่ทุกบริษัทจะยักยอกเงินเหมือนกันหมดนิ
ผมว่าคุณเลิกคุยกับผู้ใหญ่ท่านนั้นไปเลยดีกว่า
เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณหมดกำลังใจมากกว่าเดิม
ถ้ายังคิดอะไรไม่ออก
ให้นึกถึงพี่ครรชิต หรือพี่Chatchai ไว้
ทั้งสองท่านถือหุ้นมาไม่ได้ขายมาหลายปีแล้ว
แถมพอร์ตก็โตเอาโตเอา
ผมว่าท่านผู้ใหญ่ท่านนั้นคง"เก็งกำไร"หละ
คงไม่ได้ลงทุนแบบเน้นคุณค่าแน่นอน
เผลอๆอาจจะ"เจ็งหุ้น"ไปเยอะก็ได้
เลยมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อตลาดหุ้น
ถ้าอยากได้ความรู้เรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ก็ต้องคุยกับคนที่รู้เรื่องนี้ซิครับ
ไม่ต้องหมดกำลังใจ
ผมว่าเป็นการดีที่ได้ฝึกจิตใจของเราเองว่า
จะทนกับความเยาะเย้ยและแรงต้านได้มากแค่ไหน
ถ้าผมหมดกำลังใจไปเมื่อหลายปีที่แล้ว
เพราะคนอื่นหาว่าผมบ้า เพราะลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ผมคงไม่มีวันนี้
กฏข้อที่สอง คือ อย่าลืมกฏข้อที่หนึ่ง ไม่งั้นเขาจะหาว่าคุณ....บ้า
แถมถ้าคุณไม่มีความมั่นใจในตัวเองดีพอ....คุณก็จะเลิกทำในสิ่งที่คุณตั้งใจ
ต้องการกำลังใจเหรอครับOh+ เขียน:วันนี้รู้สึกเหนื่อย และ หมดแรงจังเลยครับ
ผมเริ่มเข้ามาในตลาดตั้งแต่ประมาณเดือนเมษา และเริ่มศึกษาเรื่อย ๆ มา
เริ่มเห็นแนวทางเพิ่มเงินในกระเป๋าจากการลงทุนบ้างเมื่อมาพบที่นี่
แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาหุ้นดี ๆ ไม่ได้เลยซักตัว ... (ยังพยายามหาอยู่น่ะครับ)
ลองฟังเพลงของ"คาราวาน"ดู
ชื่อเพลง"กำลังใจ" น่าจะเข้าบรรยากาศ
มีเวลาลงทุนอีกหลายสิบปี
แค่หาหุ้นไม่ได้สี่ห้าเดือนก็ไม่เห็นแปลก
ปีเตอร์ ลินซ์บอกว่า
"ตลาดหุ้นจะตกในหนึ่งเดือน
ถ้าไม่ตกในหนึ่งเดือน ก็จะตกภายในหนึ่งปี
ถ้าหนึ่งปีไม่ตก ก็จะตกภายในสิบปี"
ผ่านไปหกเดือนแล้วท้อ.....ยังต้องฝึกจิตใจอีกครับ
ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนทั่วไปจะไม่เข้าใจในการลงทุนOh+ เขียน:แต่เมื่อ 2 วันก่อนไปคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่มีประสบการณ์ในตลาดมาและผมเองก็นับถือด้วย
ผมไปปรึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์งบการเงิน ท่านถามว่าจะรู้ไปทำไม ก็เลยบอกว่ากำลังศึกษาตลาดหุ้น
ท่านไม่เห็นด้วย แต่บอกว่าเอาไว้คุยกัน พร้อมทิ้งท้ายกับคำพูดว่า "อย่าเอาเงินไปฝากไว้ในมือโจรเลย"
ผมยอมรับว่ามันมีผลต่อผมมากและจากหลายเหตุการที่ผู้บริหารยักยอกเงินจากบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเองตามหน้าหนังสือพิมพ์ (อย่าง Bizweek สัปดาห์ที่ผ่านมา)
คนอย่างเรา ๆ จะมีสิทธิไปรู้ได้อย่างไรว่า บริษัทกำลังโดนผู้บริหารทำอย่างนี้หรือไม่
พี่ ๆ มีคำแนะนำสำหรับมือใหม่อย่างผมบ้างไหมครับ
ขอบคุณครับ
บริษัทดีๆก็มีเยอะแยะ
ไม่ใช่ทุกบริษัทจะยักยอกเงินเหมือนกันหมดนิ
ผมว่าคุณเลิกคุยกับผู้ใหญ่ท่านนั้นไปเลยดีกว่า
เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณหมดกำลังใจมากกว่าเดิม
ถ้ายังคิดอะไรไม่ออก
ให้นึกถึงพี่ครรชิต หรือพี่Chatchai ไว้
ทั้งสองท่านถือหุ้นมาไม่ได้ขายมาหลายปีแล้ว
แถมพอร์ตก็โตเอาโตเอา
ผมว่าท่านผู้ใหญ่ท่านนั้นคง"เก็งกำไร"หละ
คงไม่ได้ลงทุนแบบเน้นคุณค่าแน่นอน
เผลอๆอาจจะ"เจ็งหุ้น"ไปเยอะก็ได้
เลยมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อตลาดหุ้น
ถ้าอยากได้ความรู้เรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ก็ต้องคุยกับคนที่รู้เรื่องนี้ซิครับ
ไม่ต้องหมดกำลังใจ
ผมว่าเป็นการดีที่ได้ฝึกจิตใจของเราเองว่า
จะทนกับความเยาะเย้ยและแรงต้านได้มากแค่ไหน
ถ้าผมหมดกำลังใจไปเมื่อหลายปีที่แล้ว
เพราะคนอื่นหาว่าผมบ้า เพราะลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ผมคงไม่มีวันนี้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1568
ผมเริ่มซื้อหุ้นตั้งแต่ปี 2533 ซื้อแบบเก็งกำไร ผลงานก็ลุ่มๆดอนๆ เกือบหมดกำลังใจไปหลายหน แต่ไม่ท้อครับ พยายามศึกษาหาความรู้ให้มากขึ้น
กว่าจะเริ่มเห็นผลก็ปลายปี 2541 ใช้เวลา 8 ปีครับ
กว่าจะเริ่มเห็นผลก็ปลายปี 2541 ใช้เวลา 8 ปีครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1569
เราก็ต้องติดตามข่าวเรื่องราวของผู้บริหารครับOh+ เขียน:คนอย่างเรา ๆ จะมีสิทธิไปรู้ได้อย่างไรว่า บริษัทกำลังโดนผู้บริหารทำอย่างนี้หรือไม่
พี่ ๆ มีคำแนะนำสำหรับมือใหม่อย่างผมบ้างไหมครับ
ขอบคุณครับ
ดูว่าส่งที่เค้าพูดมาเมื่อเวลาผ่านไป เป็นไปอย่างที่เค้าพูดรึเปล่า
ลองหาโอกาสพูดคุยกับผู้บริหาร .. ลองฝึกซักถามผู้บริหารอยู่เรื่อยๆ
ฝึกซักพักผมก็น่าจะพอมองออกว่าคนไหนเป็นแบบไหน เชื่อได้รึเปล่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1570
เท่าที่ผมอ่าน ผมว่าการที่ให้บริษัทไปเช่าอาคารหรือที่ดินของผู้บริหารคงไม่ใช่เรื่องที่ผิด ถ้าที่ดินหรืออาคารมีความเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ และราคาค่าเช่ารวมทั้งเงื่อนไขการเชช่าเป็นราคาตลาดครับ
แต่กรณีที่มีการจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าเกือบทั้งหมด ผมว่าผู้บริหารของบริษัทคงตอบคำถามลำบากครับ ถ้าเป็นจริง บริษัทนี้คงต้องหลักเลี่ยงที่จะร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยละครับ
แต่กรณีที่มีการจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าเกือบทั้งหมด ผมว่าผู้บริหารของบริษัทคงตอบคำถามลำบากครับ ถ้าเป็นจริง บริษัทนี้คงต้องหลักเลี่ยงที่จะร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยละครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1571
มาเพิ่มเติมรายละเอียดแล้วครับ สำหรับงบดุล BJC
ว่าแบบละเอียดขึ้น ซึ่งเดิมผมไม่ได้พูดถึง
งบ ปรับยอด
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 864,148 เต็มจำนวน
ลูกหนี้การค้า - สุทธิ 3, 4 3,009,024 เต็มจำนวน
(สำรองหนี้เกิน 6 เดือน 100 %แล้ว ดูจากประวัติ 4-5 ปี สัดส่วนหนี้เกิน 6 เดือน
ก็ขึ้นลง ไม่มากจนน่าเป็นประเด็นครับ)
เงินให้กู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรองจ่าย
แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ 166
สินค้าคงเหลือ - สุทธิ 2,177,569 1050000
ลดซัก 50% เหลือ 1000 ล้าน (คิดแบบ Conservative)
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 243,889 ลดซัก 50%
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 6,294,796 ~5100000
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
เงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย 232,325 ลดซัก 50%
เงินลงทุนระยะยาวอื่น - สุทธิ 13,151
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ - สุทธิ 8,011,647 ไม่ปรับลด
(คิดแบบคร่าว ๆ ครับ มีตึก BJC มีที่ดินโรงงาน สมุทรปราการ มีที่ดินริมน้ำ
ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำการประเมินมูลค่าใหม่มานานแล้วครับ มีที่ดินริมน้ำ กับ
สมุทรปราการ ทำการประเมินครั้งสุดท้ายปี98)
สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 358,601 ไม่ปรับลด
(นำไปตัดกับหนี้สินภาษีเงินได้เต็มจำนวนครับ เป็นเรื่องระบบบัญชีแบบการคิดภาษีตามเวลาที่เกินขึ้นจริง)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน - สุทธิ 19,544
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 170,425
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 8,805,693
รวมสินทรัพย์ 15,100,489
สรุปคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมก็ดีไม่มีปัญหาครับ
เลยนำเพียงตัวเลขของการลงทุน แก้วกับ กระดาษมาลองคิดแบบให้เห็นภาพรวมครับ
ว่าแบบละเอียดขึ้น ซึ่งเดิมผมไม่ได้พูดถึง
งบ ปรับยอด
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 864,148 เต็มจำนวน
ลูกหนี้การค้า - สุทธิ 3, 4 3,009,024 เต็มจำนวน
(สำรองหนี้เกิน 6 เดือน 100 %แล้ว ดูจากประวัติ 4-5 ปี สัดส่วนหนี้เกิน 6 เดือน
ก็ขึ้นลง ไม่มากจนน่าเป็นประเด็นครับ)
เงินให้กู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรองจ่าย
แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ 166
สินค้าคงเหลือ - สุทธิ 2,177,569 1050000
ลดซัก 50% เหลือ 1000 ล้าน (คิดแบบ Conservative)
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 243,889 ลดซัก 50%
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 6,294,796 ~5100000
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
เงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย 232,325 ลดซัก 50%
เงินลงทุนระยะยาวอื่น - สุทธิ 13,151
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ - สุทธิ 8,011,647 ไม่ปรับลด
(คิดแบบคร่าว ๆ ครับ มีตึก BJC มีที่ดินโรงงาน สมุทรปราการ มีที่ดินริมน้ำ
ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำการประเมินมูลค่าใหม่มานานแล้วครับ มีที่ดินริมน้ำ กับ
สมุทรปราการ ทำการประเมินครั้งสุดท้ายปี98)
สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 358,601 ไม่ปรับลด
(นำไปตัดกับหนี้สินภาษีเงินได้เต็มจำนวนครับ เป็นเรื่องระบบบัญชีแบบการคิดภาษีตามเวลาที่เกินขึ้นจริง)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน - สุทธิ 19,544
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 170,425
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 8,805,693
รวมสินทรัพย์ 15,100,489
สรุปคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมก็ดีไม่มีปัญหาครับ
เลยนำเพียงตัวเลขของการลงทุน แก้วกับ กระดาษมาลองคิดแบบให้เห็นภาพรวมครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1572
มาเพิ่มเติมรายละเอียดแล้วครับ สำหรับงบดุล BJC
ว่าแบบละเอียดขึ้น ซึ่งเดิมผมไม่ได้พูดถึง
งบ ปรับยอด
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 864,148 เต็มจำนวน
ลูกหนี้การค้า - สุทธิ 3, 4 3,009,024 เต็มจำนวน
(สำรองหนี้เกิน 6 เดือน 100 %แล้ว ดูจากประวัติ 4-5 ปี สัดส่วนหนี้เกิน 6 เดือน
ก็ขึ้นลง ไม่มากจนน่าเป็นประเด็นครับ)
เงินให้กู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรองจ่าย
แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ 166
สินค้าคงเหลือ - สุทธิ 2,177,569 1050000
ลดซัก 50% เหลือ 1000 ล้าน (คิดแบบ Conservative)
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 243,889 ลดซัก 50%
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 6,294,796 ~5100000
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
เงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย 232,325 ลดซัก 50%
เงินลงทุนระยะยาวอื่น - สุทธิ 13,151
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ - สุทธิ 8,011,647 ไม่ปรับลด
(คิดแบบคร่าว ๆ ครับ มีตึก BJC มีที่ดินโรงงาน สมุทรปราการ มีที่ดินริมน้ำ
ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำการประเมินมูลค่าใหม่มานานแล้วครับ มีที่ดินริมน้ำ กับ
สมุทรปราการ ทำการประเมินครั้งสุดท้ายปี98)
สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 358,601 ไม่ปรับลด
(นำไปตัดกับหนี้สินภาษีเงินได้เต็มจำนวนครับ เป็นเรื่องระบบบัญชีแบบการคิดภาษีตามเวลาที่เกินขึ้นจริง)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน - สุทธิ 19,544
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 170,425
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 8,805,693
รวมสินทรัพย์ 15,100,489
สรุปคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมก็ดีไม่มีปัญหาครับ
เลยนำเพียงตัวเลขของการลงทุน แก้วกับ กระดาษมาลองคิดแบบให้เห็นภาพรวมครับ
ว่าแบบละเอียดขึ้น ซึ่งเดิมผมไม่ได้พูดถึง
งบ ปรับยอด
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 864,148 เต็มจำนวน
ลูกหนี้การค้า - สุทธิ 3, 4 3,009,024 เต็มจำนวน
(สำรองหนี้เกิน 6 เดือน 100 %แล้ว ดูจากประวัติ 4-5 ปี สัดส่วนหนี้เกิน 6 เดือน
ก็ขึ้นลง ไม่มากจนน่าเป็นประเด็นครับ)
เงินให้กู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรองจ่าย
แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ 166
สินค้าคงเหลือ - สุทธิ 2,177,569 1050000
ลดซัก 50% เหลือ 1000 ล้าน (คิดแบบ Conservative)
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 243,889 ลดซัก 50%
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 6,294,796 ~5100000
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
เงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย 232,325 ลดซัก 50%
เงินลงทุนระยะยาวอื่น - สุทธิ 13,151
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ - สุทธิ 8,011,647 ไม่ปรับลด
(คิดแบบคร่าว ๆ ครับ มีตึก BJC มีที่ดินโรงงาน สมุทรปราการ มีที่ดินริมน้ำ
ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำการประเมินมูลค่าใหม่มานานแล้วครับ มีที่ดินริมน้ำ กับ
สมุทรปราการ ทำการประเมินครั้งสุดท้ายปี98)
สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 358,601 ไม่ปรับลด
(นำไปตัดกับหนี้สินภาษีเงินได้เต็มจำนวนครับ เป็นเรื่องระบบบัญชีแบบการคิดภาษีตามเวลาที่เกินขึ้นจริง)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน - สุทธิ 19,544
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 170,425
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 8,805,693
รวมสินทรัพย์ 15,100,489
สรุปคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมก็ดีไม่มีปัญหาครับ
เลยนำเพียงตัวเลขของการลงทุน แก้วกับ กระดาษมาลองคิดแบบให้เห็นภาพรวมครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1573
ขอบคุณพี่วิบูลย์ พี่ฉัตรชัย และคุณ yoyo ครับ
ที่ผมเขียนมาเพราะต้องการกำลังใจจริง ๆ
ที่ผ่านมายังไม่มีใครที่ผมจะไปคุยด้วยในเรื่อง vi ได้เลยนอกจากในบอร์ดนี้
สำหรับผู้ใหญ่ที่ผมเคารพ ผมเข้าใจว่าเค้ากลัวผมจะไปคาดหวังกับตลาดมากไปจนเสียการเสียงานหน่ะครับ
ผมยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างนิสัยเสีย คือเมื่อสนใจอะไรแล้วมันจะทุ่มเวลาไปกับสิ่งนั้นมากจนเกินไป ซึ่งก็พยายามฝึกบังคับตัวเองอยู่
ผมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกครับสำหรับการเรียนรู้นี้ ตอนนี้เก็บเงินครับ ตัดสินใจจะไม่ซื้อตัวไหนทั้งนั้นจนกว่าจะมั่นใจว่ามันใช่ครับ
ตอนนี้มันเหมือนตาบอดยังงัยไม่รู้ คลำ ๆ อะไรยังไม่เจอเลย
ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนอีกครั้งครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีที่พึ่ง ที่พอจะช่วยให้ผมเดินทางต่อไปได้ครับ
ที่ผมเขียนมาเพราะต้องการกำลังใจจริง ๆ
ที่ผ่านมายังไม่มีใครที่ผมจะไปคุยด้วยในเรื่อง vi ได้เลยนอกจากในบอร์ดนี้
สำหรับผู้ใหญ่ที่ผมเคารพ ผมเข้าใจว่าเค้ากลัวผมจะไปคาดหวังกับตลาดมากไปจนเสียการเสียงานหน่ะครับ
ผมยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างนิสัยเสีย คือเมื่อสนใจอะไรแล้วมันจะทุ่มเวลาไปกับสิ่งนั้นมากจนเกินไป ซึ่งก็พยายามฝึกบังคับตัวเองอยู่
ผมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกครับสำหรับการเรียนรู้นี้ ตอนนี้เก็บเงินครับ ตัดสินใจจะไม่ซื้อตัวไหนทั้งนั้นจนกว่าจะมั่นใจว่ามันใช่ครับ
ตอนนี้มันเหมือนตาบอดยังงัยไม่รู้ คลำ ๆ อะไรยังไม่เจอเลย
ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนอีกครั้งครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีที่พึ่ง ที่พอจะช่วยให้ผมเดินทางต่อไปได้ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1574
การลงทุนต้องใช้เวลาครับ
ใจเย็นๆค่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆ อย่ารีบร้อน
มีสามสิ่งที่เราจะต้องสร้างในการลงทุน
1) ความรู้
2) หลักการ
3) ประสบการณ์
ทั้งหมดไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่
เราก็ยิ่งมีสิ่งต่างๆเหล่านี้มากขึ้น
ค่อยๆเรียนรู้ไปครับ
เพราะ การลงทุนคือขบวนการเรียนรู้
แม้แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว อย่างบัฟเฟต
ยังบอกว่า ทุกวันคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในการลงทุน
โชคดีครับ
ใจเย็นๆค่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆ อย่ารีบร้อน
มีสามสิ่งที่เราจะต้องสร้างในการลงทุน
1) ความรู้
2) หลักการ
3) ประสบการณ์
ทั้งหมดไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่
เราก็ยิ่งมีสิ่งต่างๆเหล่านี้มากขึ้น
ค่อยๆเรียนรู้ไปครับ
เพราะ การลงทุนคือขบวนการเรียนรู้
แม้แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว อย่างบัฟเฟต
ยังบอกว่า ทุกวันคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในการลงทุน
โชคดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 129
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1575
คุณวิบูลย์ครับผมอยากถามว่า
1. ถ้าพี่เทพราคา 1000 บาทในวันนี้ คุณวิบูลย์จะขายไหมครับ
2. แล้วถ้าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10ปี 20%ในวันนี้ จะทำให้คุณวิบูลย์ขายพี่เทพออกมาไหมครับ
คือผมอยากรู้ว่าเมื่อไรเราถึงควรจะขายหุ้นที่เราชอบมันมากๆ หรือว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบริษัทยังเป็นบริษัทที่ดีอยู่ กำไรยังโตอยู่ ยังงัยก็ไม่ขาย
1. ถ้าพี่เทพราคา 1000 บาทในวันนี้ คุณวิบูลย์จะขายไหมครับ
2. แล้วถ้าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10ปี 20%ในวันนี้ จะทำให้คุณวิบูลย์ขายพี่เทพออกมาไหมครับ
คือผมอยากรู้ว่าเมื่อไรเราถึงควรจะขายหุ้นที่เราชอบมันมากๆ หรือว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบริษัทยังเป็นบริษัทที่ดีอยู่ กำไรยังโตอยู่ ยังงัยก็ไม่ขาย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1576
คงลุ้นกันว่าผมจะขายพี่เทพเมื่อไหร่dikdik เขียน:คุณวิบูลย์ครับผมอยากถามว่า
1. ถ้าพี่เทพราคา 1000 บาทในวันนี้ คุณวิบูลย์จะขายไหมครับ
2. แล้วถ้าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10ปี 20%ในวันนี้ จะทำให้คุณวิบูลย์ขายพี่เทพออกมาไหมครับ
คือผมอยากรู้ว่าเมื่อไรเราถึงควรจะขายหุ้นที่เราชอบมันมากๆ หรือว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบริษัทยังเป็นบริษัทที่ดีอยู่ กำไรยังโตอยู่ ยังงัยก็ไม่ขาย
ผมเองยังไม่รู้เลยครับ
เวลาซื้อหุ้นผมไม่ค่อยมีปัญหา
แต่เวลาขายหุ้นนี่บอกตามตรงว่า ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่
ขายหุ้นไม่ค่อยเป็นครับ
มักจะขายหมูประจำ
หรือไม่ก็ขายตอนมันผ่านจุดสูงสุดไปแล้วทุกที
ผมไม่ขอตอบนะครับสำหรับคำถามสองข้อข้างบน
เพราะมันเป็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นเรียกว่า 0%
วันนี้ราคาหุ้นก็ไม่มีทางถึง 1,000 บาท
(เพราะตลาดหุ้นปิด ฮ่า ฮ่า
ถึงแม้จะเปิดก็เกิน Ceiling อยู่ดี)
และดอกเบี้ยก็ไม่มีทางไต่ไปถึง 20% ได้ในวันนี้
ที่ถามมานี่ เรียกว่าเกิน optimistic ไปมากๆ
เวอร์มากๆเลยทีเดียว
แต่ผมให้หลักการไว้แล้วกัน
เขียนไว้ในคอลัมน์ Value Way แล้ว
แต่คุณมนลืมเอาไปรวมเล่มในหนังสือ อิ อิ
ถามว่าเมื่อไหร่จะขายหุ้น
มี 4 เหตุผล
หนึ่ง - เมื่อรู้ว่าซื้อหุ้นผิดตัว หรือ บริษัทไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิดไว้
สอง - เมื่อพื้นฐานกิจการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร
สาม - เมื่อมีโอกาสในการลงทุนที่ดีกว่า
สี่ - ราคาหุ้นสูงเกินพื้นฐานไปมาก
รายละเอียดลองหาอ่านจากบทความ Value Way เก่าๆนะครับ
เดี๋ยวผมเอามาแปะไว้ให้ก็ได้
อ่านแล้วลองคิดดูเอาเองนะครับว่าผมจะขายพี่เทพหรือเปล่า
บทความ Value Way ฉบับวันที่ 3 กันยายน 2547
โดย วิบูลย์ พึงประเสริฐ
VI ถือหุ้นนานแค่ไหน
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดคิดว่า การซื้อหุ้นมาแล้วถือไว้นานๆโดยไม่ขาย คือ การลงทุนแบบ Value Investing หรือ การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ซึ่งนับว่าเป็นความเข้าใจผิดอันดับแรกๆ
สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า เพราะการที่เราได้ยินได้ฟังถึงการประสบความสำเร็จของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น มักจะพบว่ามาจากการถือหุ้นบริษัทหนึ่งๆเป็นเวลานานหลายๆปี จนมูลค่าของหุ้นมีราคาสูงกว่าที่ลงทุนซื้อมาเป็นอย่างมาก
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหลังจากที่ลงทุนในหุ้นบริษััทใดบริษัทหนึ่งแล้ว นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า จะไม่ดำเนินการขายหุ้นออกไปเลย
เหตุผลหลักๆที่ทำให้ นักลงทุนแบบเ้น้นคุณค่า มักจะขายหุ้นที่ถืออยู่ออกไปมีดังต่อไปนี้
หนึ่ง เมื่อพบว่าตัดสินใจลงทุนผิด
ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม อาจจะเป็นหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือ หนึ่งปี ถ้านักลงทุนพบว่า บริษัทที่ได้ซื้อลงทุนไว้นั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด จะต้องทำการขายออกจากพอร์ตทันที ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนอยู่เท่าไหร่ก็ตาม
ขณะที่นักลงทุนทั่วไปมักจะขายหุ้นที่มีราคาสูงกว่าที่ซื้อมาออกไปเพื่อทำกำไร และมักจะเก็บหุ้นที่่กำลังขาดทุนเอาไว้เพื่อรอวันราคาหุ้นดีดกลับมาที่ราคาที่ได้ซื้อไว้ กลยุทธการลงทุนแบบ กำไรขายออก ขาดทุนเก็บไว้ เช่นนี้ จะไช้ได้ผลดีในภาวะตลาดขาขึ้น เพราะราคาหุ้นจะลดลงเพียงชั่วคราวแล้วกลับมีราคาสูงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ทำให้โอกาสขาดทุนมีน้อย ดังนั้นเราจะพบว่าในภาวะตลาดขาขึ้นจะมี เซียนหุ้นเดินกันเต็มออฟฟิศเต็มสำนักงานไปหมด เพราะเซียนสมัครเล่นต่างใช้กลยุทธที่ว่ามานี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นภาวะตลาดขาลง กลยุทธการลงทุนแบบนี้จะทำให้เกิดภาวะการขาดทุนที่บางครั้งอาจจะประเมินไม่ได้ เพราะเมื่อถึงคราวหุ้นขาลง ไม่มีใครบอกได้ว่า ราคาหุ้นจะลงไปได้มากน้อยเพียงใด
เลยพลอยทำให้เซียนตามออฟฟิศหายหน้าหายตาไปด้วย
นักลงทุนสมัครเล่นบางท่าน ทำกำไรได้อย่างมากมายจากการใช้กลยุทธ กำไรขายออก ขาดทุนเก็บไว้ เมื่อปีที่่แล้ว พ.ศ. 2547 ที่ตลาดหุ้นเป็นภาวะกระทิง ดัชนีขึ้นมามากกว่า 100% แต่การใช้กลยุทธเดิมอย่างที่ว่าในปีนี้ กลับทำให้ต้องนำกำไรที่ได้รับเมื่อปีที่แล้วกลับคืนให้ตลาดหุ้นไปอย่างน่าเสียดาย
เพราะราคาหุ้นได้ลดลงต่ำกว่าที่ได้ซื้อลงทุนมาเป็นจำนวนมาก
สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ถ้าพบว่าบริษัทที่ซื้อมาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แล้วรีบขายออกไปทันที ถึงแม้จะขาดทุนอยู่ก็ตาม จะช่วยลดภาระการขาดทุนที่อาจจะเกิดมากขึ้นจากการถือหุ้นนั้นเป็นเวลานานได้
สอง เมื่อพื้นฐานบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร
พื้นฐานของบริษัทในตลาดหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะในสภาพความเป็นจริง ธุรกิจจะไม่อยู่นิ่ง การแข่งขันในธุรกิจมีการดำเนินไปอยู่ตลอดตราบที่ธุรกิจยังคงอยู่ ดังนั้น นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า จึงควรที่จะหมั่นตรวจสอบสภาพพื้นฐานของบริษัทที่กำลังลงทุนอยู่เป็นระยะๆ
ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นจาก ข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ ทางวิทยุ โทรทัศน์ หรือ ทางนิตยสาร รวมถึงจากเวปไซต์ทางอินเตอร์เนต ล้วนมีประโยชน์ต่อนักลงทุนในการวิเคราะห์ถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ
การเข้าใจถึงสภาพพื้นฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ลงทุนเป็นอย่างดี เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยทำให้นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ไม่หวั่นไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในระยะสั้น ถึงแม้ข่าวสารที่ได้รับจะทำให้ตลาดหุ้นตอบรับกับข่าวนั้นอย่างปัจจุบันทันด่วนทันที ข่าวร้ายอาจจะทำให้ราคาหุ้นลดลงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้านักลงทุนสามารถวิเคาระห์ได้ว่า ผลกระทบของสาเหตุนั้นไม่มีผลกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ลงทุนแต่อย่างใด ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเป็น กระต่ายตื่นตูม เหมือนกับนักลงทุนทั้งหลายในตลาดหุ้นที่กำลังเทขายหุ้นอยู่ตอนนั้น
แต่ถ้าหลังจากวิเคาระห์ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับแล้ว นักลงทุนพบว่า พื้นฐานของบริษัทที่ลงทุนอยู่กำลังมีการเปลี่ยนไปอย่างถาวร อาจจะเนื่องมากจากปัจจัยหลายๆอย่างในการดำเนินธุรกิจ เช่น มีสินค้าที่เข้ามาทดแทนสินค้าหลักของบริษัทและ ผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไปซื้อสินค้าทดแทนเหล่านั้นอย่างช้าๆ รวมทั้งบริษัทก็ไม่ได้หาหนทางที่จะพัฒนาผลิตภัณท์ใหม่ๆออกมา เพื่อปกป้องส่วนแบ่งทางการตลาดของตนเอาไว้ นักลงทุนควรจะถามตนเองว่าจะยังเก็บหุ้นบริษัทเหล่านั้นไว้อยู่หรือไม่
ลองนึกถึงบริษัทที่ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า ซึ่งเมื่อสัก 20-30 ปีก่อนเป็นสินค้าที่ทันสมัย และมีความจำเป็นต้องใช้ทุกสำนักงาน แต่ปัจจุบันจะหาสักบริษัทที่มีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าประดับโต๊ะทำงานนั้นหาได้ยากเต็มทน ยกเว้นบริษัทที่ตั้งมานานแล้วหลายสิบปี หรือตามสำนักงานของทางราชการอาจจะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง ถ้าบริษัทที่ผลิตหรือจำหน่ายเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าไม่ปรับตัวเองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ต้องล้มละลาย หรือไม่ก็ต้องถูกควบรวมกิจการไป
นอกเหนือจากสินค้าทดแทนของคู่แข่งที่อาจทำให้พื้นฐานกิจการเปลี่ยนแปลงแล้ว การเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบข้อบังคับของทางราชการ กระทรวงต่างๆ หรือ การเปลี่ยนแปลงทางกฏหมาย ก็อาจจะทำให้เกิดผลกระทบกับบริษัทอย่างถาวรได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น ถ้านักลงทุนแบบเน้นคุณค่าพบว่า พื้นฐานกิจการของบริษัทที่กำลังลงทุนอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร ก็ไม่ควรลังเลที่จะขายหุ้นของบริษัทนั้นออกไป ไม่ว่าจะกำไร หรือขาดทุนอยู่สักเท่าไหร่ รวมทั้งไม่ว่าจะถือหุ้นมานานแค่ไหนก็ตาม
สาม เมื่อมีโอกาสในการลงทุนที่ดีกว่า
สำหรับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า การตัดสินใจซื้อหุ้นสักบริษัทหนึ่งซึ่งนับว่ายากมากพอสมควรแล้ว เพราะก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้นได้ จำเป็นจะต้องรู้ทุกแง่ทุกมุมของบริษัทนั้นเป็นอย่างดี รวมทั้งต้องทำการบ้านมาอย่างหนัก คิดง่ายๆก็เหมือนกับการที่จะทำการลงทุนซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยสักหลังหนึ่ง แต่การตัดสินใจขายหุ้นที่ได้ลงทุนไว้แล้วนั้น บางครั้งกลับยากยิ่งกว่าการตัดสินใจซื้อหลายเท่า เพราะสาเหตุหนึ่งก็คือหาหุ้นที่จะนำไปเปลี่ยนได้ไม่ง่ายนัก นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าหลายๆท่านเลยยังคงถือหุ้นที่ได้ลงทุนมาเป็นเวลานาน ไม่ยอมเปลี่ยน จนทำให้นักลงทุนเปรียบการซื้อหุ้นเหมือนกับการเลือกภรรยา หรือสามีเพื่อแต่งงานเลยทีเดียว เรียกว่า คิดหนักกว่าการซื้อบ้านหลายเท่า
แต่การติดตามตลาดหุ้นอยู่เป็นระยะๆ จะพบว่า โอกาสในการลงทุนนั้นเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ นักลงทุนจึงอาจจะจำเป็นต้องขายหุ้นบริษัทหนึ่งเพื่อไปซื้อหุ้นอีกบริษัทหนึ่งที่ดีกว่าแทน การตัดสินใจเช่นนี้ นักลงทุนจะต้องมั่นใจในหุ้นบริษัทใหม่ว่ามีพื้นฐานที่ดีกว่า รวมทั้งมีราคาที่เหมาะสมกับการลงทุนมากกว่า
มิฉะนั้น ถ้าขายหุ้นเดิมไปอาจจะต้องมาเสียดายหุ้นที่ขายไปแล้ว ที่ไม่มีโอกาสได้ซื้อกลับคืนในราคาเดิม เพราะอาจจะพบว่าหุ้นเดิมเป็นหุ้นที่ดีกว่าหุ้นที่ซื้อมาใหม่ในภายหลัง
บางครั้งโอกาสในการลงทุนที่ดีกว่า อาจจะไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนไปซื้อหุ้นบริษัทใหม่เพียงอย่างเดียว บางท่านอาจจะพบว่า การขายหุ้นเพื่อนำไปทำธุุรกิจอย่างอื่น หรือ ลงทุนในพันธบัตรในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงๆ อาจจะเป็นโอกาสในการลงทุนที่ดีกว่าก็เป็นได้
ทั้งสามข้อ คือ เหตุผลสำคัญในการขายหุ้นของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่ก็มีเหตุผลอีกหลายประการที่ทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องขายหุ้นออกไป เช่น เมื่อราคาหุ้นสูงเกินพื้นฐานมากๆ แต่เนื่องด้วยความซับซ้อนของการหาราคาหุ้น จึงต้องกล่าวถึงหัวข้อนี้ในโอกาสต่อไป
จากที่กล่าวมาแล้วนั้น นักลงทุนคงจะมีความเข้าใจมากขึ้นว่า วิธีการลงทุนแบบ Value Investing ไม่ใช่การถือหุ้นยาวๆโดยไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างที่นักลงทุนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 129
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1577
ขอบคุณคุณวิบูลย์มากครับ ผมก็เป็นแฟนคอลัมณ์คุณวิบูลย์กับคุณมนตรี ใน BIZWEEK เหมือนกัน แม้จะไม่ได้อ่านทุกอาทิตย์ แต่บทความที่คุณวิบูลย์ยกมานี้ผมอ่านแล้ว แต่มันก็คงตัดสินใจยากอยู่ดีว่าจะขายหุ้นเมื่อไหร่ในอนาคต หรือว่าจะไม่ขายเลยดี ถือมันตลอดชีวิตเลย
ผมขออนุญาติถามอีกคำถามนึงนะครับ กรณีถ้าเราต้องการถือหุ้นตัวนึงที่เราคิดว่าดีและชอบบริษัทนี้มาก และคิดว่าจะถือหุ้นไปตลอดชีวิตเรา ถ้าเราคิดว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยตลอดช่วงชีวิตเราที่เหลือประมาณ10% ต่อปี(บางปีอาจจะมาก บางปีอาจจะน้อยจนขาดทุน) ไปเรื่อยๆ การที่เราเข้าซื้อหุ้นที่ราคาหุ้นละ 500บาท กับ 550บาท ก็จะต่างกันน้อยมาก ผมคิดอย่างนี้นี่จะถูกไหมครับ
ผมขออนุญาติถามอีกคำถามนึงนะครับ กรณีถ้าเราต้องการถือหุ้นตัวนึงที่เราคิดว่าดีและชอบบริษัทนี้มาก และคิดว่าจะถือหุ้นไปตลอดชีวิตเรา ถ้าเราคิดว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยตลอดช่วงชีวิตเราที่เหลือประมาณ10% ต่อปี(บางปีอาจจะมาก บางปีอาจจะน้อยจนขาดทุน) ไปเรื่อยๆ การที่เราเข้าซื้อหุ้นที่ราคาหุ้นละ 500บาท กับ 550บาท ก็จะต่างกันน้อยมาก ผมคิดอย่างนี้นี่จะถูกไหมครับ
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1578
ขออนุญาตเสริม
สิ่งที่ผมคิดอยู่ในตอนนี้ คือหากิจการที่เราอยากทำ และคิดว่าเข้าใจได้ดี ถือหุ้นไว้เสมือนกิจการของเราเอง ที่ต้องคอยดูแลให้ดีต่อไป และส่งต่อให้ลูกหลานได้ แล้วก็ซื้อเพิ่มเมื่อมีโอกาส
ดังนั้นผมจะไม่ขายออกไป ถ้าไม่แย่จริงๆ ส่วนจะซื้อที่เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจกับผลการดำเนินงาน ผลกำไร และปันผล มากน้อยแค่ไหนครับ
สิ่งที่ผมคิดอยู่ในตอนนี้ คือหากิจการที่เราอยากทำ และคิดว่าเข้าใจได้ดี ถือหุ้นไว้เสมือนกิจการของเราเอง ที่ต้องคอยดูแลให้ดีต่อไป และส่งต่อให้ลูกหลานได้ แล้วก็ซื้อเพิ่มเมื่อมีโอกาส
ดังนั้นผมจะไม่ขายออกไป ถ้าไม่แย่จริงๆ ส่วนจะซื้อที่เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจกับผลการดำเนินงาน ผลกำไร และปันผล มากน้อยแค่ไหนครับ
Expecto Patronum!!!!!!
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1579
มาให้กำลังใจคุณ Oh+ อีกคนครับ
ผมว่าคุณวิบูลย์ตอบได้ดีอยู่แล้ว
อีกอย่างผมเชื่อว่า TVI แห่งนี้
จะทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่มีทัศนคติต่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่าดีขึ้น
ผู้ใหญ่ที่เรานับถืออาจจะมีหลายเรื่องที่นับถือครับ แต่ก็ไม่ไ้ด้หมายความว่าท่านถูกทุกๆเรื่องครับ
เรื่องการลงทุนแนว VI อาจจะยังไม่เป็นที่แพร่หลาย อาจจะทำให้ท่านให้ความเห็นจากประสบการณ์ที่ได้รับ
ผู้ใหญ่หลายท่านคงเป็นห่วงเนื่องจากทิศทางของเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน
ก็เลยเตือนด้วยความหวังดีครับ ยังคงรับมาพิจารณา และตัดสินด้วยตัวเราเองครับ
เรื่องเศรษฐกิจ ท่าน ดร.นิเวศน์ พูดได้ดีในวันสัมนาครับ
ผมเขาใจว่าท่านจะให้ความเห็นเรื่องนี้เพิ่มขึ้นในบทความของท่านเร็วๆ นี้ครับ
ก้มหน้าก้มตาศึกษาต่อเถอะครับ แถวนี้มีคนคอยให้กำลังและให้คำแนะนำเยอะครับ
ผมว่าคุณวิบูลย์ตอบได้ดีอยู่แล้ว
อีกอย่างผมเชื่อว่า TVI แห่งนี้
จะทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่มีทัศนคติต่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่าดีขึ้น
ผู้ใหญ่ที่เรานับถืออาจจะมีหลายเรื่องที่นับถือครับ แต่ก็ไม่ไ้ด้หมายความว่าท่านถูกทุกๆเรื่องครับ
เรื่องการลงทุนแนว VI อาจจะยังไม่เป็นที่แพร่หลาย อาจจะทำให้ท่านให้ความเห็นจากประสบการณ์ที่ได้รับ
ผู้ใหญ่หลายท่านคงเป็นห่วงเนื่องจากทิศทางของเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน
ก็เลยเตือนด้วยความหวังดีครับ ยังคงรับมาพิจารณา และตัดสินด้วยตัวเราเองครับ
เรื่องเศรษฐกิจ ท่าน ดร.นิเวศน์ พูดได้ดีในวันสัมนาครับ
ผมเขาใจว่าท่านจะให้ความเห็นเรื่องนี้เพิ่มขึ้นในบทความของท่านเร็วๆ นี้ครับ
ก้มหน้าก้มตาศึกษาต่อเถอะครับ แถวนี้มีคนคอยให้กำลังและให้คำแนะนำเยอะครับ
- Oh+
- Verified User
- โพสต์: 142
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1580
ขอบคุณครับ สำหรับกำลังใจthanwa เขียน:มาให้กำลังใจคุณ Oh+ อีกคนครับ
ผมว่าคุณวิบูลย์ตอบได้ดีอยู่แล้ว
อีกอย่างผมเชื่อว่า TVI แห่งนี้
จะทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่มีทัศนคติต่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่าดีขึ้น
ผู้ใหญ่ที่เรานับถืออาจจะมีหลายเรื่องที่นับถือครับ แต่ก็ไม่ไ้ด้หมายความว่าท่านถูกทุกๆเรื่องครับ
เรื่องการลงทุนแนว VI อาจจะยังไม่เป็นที่แพร่หลาย อาจจะทำให้ท่านให้ความเห็นจากประสบการณ์ที่ได้รับ
ผู้ใหญ่หลายท่านคงเป็นห่วงเนื่องจากทิศทางของเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน
ก็เลยเตือนด้วยความหวังดีครับ ยังคงรับมาพิจารณา และตัดสินด้วยตัวเราเองครับ
เรื่องเศรษฐกิจ ท่าน ดร.นิเวศน์ พูดได้ดีในวันสัมนาครับ
ผมเขาใจว่าท่านจะให้ความเห็นเรื่องนี้เพิ่มขึ้นในบทความของท่านเร็วๆ นี้ครับ
ก้มหน้าก้มตาศึกษาต่อเถอะครับ แถวนี้มีคนคอยให้กำลังและให้คำแนะนำเยอะครับ
ตอนนี้พยายามศึกษาครับ เลิกดูราคาหุ้นแล้ว กลับไปอ่าน buffet technology อีกรอบ อยากหาวิธีการให้ตัวเอง อีกเรื่องหนึ่งที่ยังทำไมได้คือมองอนาคตของบริษัทไม่ออกซ่ะที คงต้องใช้เวลา ......
แต่ยังงัยก็ ยังสู้ต่อครับ
สู้เค้าได้มดแดง.............
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1581
อันนี้ก็แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละคนนะครับdikdik เขียน:ขอบคุณคุณวิบูลย์มากครับ ผมก็เป็นแฟนคอลัมณ์คุณวิบูลย์กับคุณมนตรี ใน BIZWEEK เหมือนกัน แม้จะไม่ได้อ่านทุกอาทิตย์ แต่บทความที่คุณวิบูลย์ยกมานี้ผมอ่านแล้ว แต่มันก็คงตัดสินใจยากอยู่ดีว่าจะขายหุ้นเมื่อไหร่ในอนาคต หรือว่าจะไม่ขายเลยดี ถือมันตลอดชีวิตเลย
จะว่าไป วอร์เรนก็"ขายหมู"บ่อยๆ
และก็"ติดดอย"ก็มากนะครับ
การลงทุนไม่มี"สุตรสำเร็จ"ครับ
ทุกอย่างต้องมาจาก"การตัดสินใจ"ของเราเอง
ไม่น่าแปลกที่อ่านแล้วก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะขายหรือจะถือ
เพราะถ้าตอบตัวเองไม่ได้
คนอื่นก็ตอบแทนไม่ได้ครับ
ไม่เข้าใจคำถามครับdikdik เขียน:ผมขออนุญาติถามอีกคำถามนึงนะครับ กรณีถ้าเราต้องการถือหุ้นตัวนึงที่เราคิดว่าดีและชอบบริษัทนี้มาก และคิดว่าจะถือหุ้นไปตลอดชีวิตเรา ถ้าเราคิดว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยตลอดช่วงชีวิตเราที่เหลือประมาณ10% ต่อปี(บางปีอาจจะมาก บางปีอาจจะน้อยจนขาดทุน) ไปเรื่อยๆ การที่เราเข้าซื้อหุ้นที่ราคาหุ้นละ 500บาท กับ 550บาท ก็จะต่างกันน้อยมาก ผมคิดอย่างนี้นี่จะถูกไหมครับ
แล้วหุ้นที่ว่านั้นมีมูลค่าเท่าไหร่หละครับ
หุ้นกำไรปีละ 10% เท่ากันอาจจะมีมูลค่าต่างกันก็ได้ครับ
ราคาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะดู
ถ้าเริ่มต้นที่"ราคา"ก่อน ผมว่าเราอาจจะหลงทางได้ครับ
ข้อมูลที่ให้ไม่เพียงพอที่จะตอบได้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 129
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1582
คือผมหมายถึงกำไรของบริษัทมีการเติบโตขึ้นโดยเฉลี่ย10% ต่อปีน่ะครับ ไม่ใช่บริษัทมีกำไร10%ของราคาที่ซื้อ
ปกติผมจะมีเงินออมในทุกเดือน ผมมักจะมีปัญหาในการเข้าซื้อหุ้น ยกตัวอย่างเช่นPTT ถ้าผมคิดว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยซัก10% ต่อปี ตลอดช่วงชีวิตผม การที่ผมเข้าซื้อหุ้นบริษัทที่ราคา230 บาท เทียบกับ ซื้อที่200 บาท ในตอนนี้ แล้วผมถือไปอีก30 ปี ถึงตอนนั้นความแตกต่างของกำไรของทั้งสองกรณีน่าจะน้อยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ไม่ต้องรอให้ราคาลงมา(คือประเภทวัยรุ่นใจร้อน แม้อายุเลยมาไกลแล้ว) และผมจะได้ลดเวลาในการเฝ้าดูราคาหุ้นลงด้วยครับ
ผมเอ่ยชื่อหุ้น ถ้ามีปัญหาก็ลบทิ้งได้เลยนะครับ ผมไม่รู้เรื่องกฎของกลต.เหมือนกัน
ปกติผมจะมีเงินออมในทุกเดือน ผมมักจะมีปัญหาในการเข้าซื้อหุ้น ยกตัวอย่างเช่นPTT ถ้าผมคิดว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยซัก10% ต่อปี ตลอดช่วงชีวิตผม การที่ผมเข้าซื้อหุ้นบริษัทที่ราคา230 บาท เทียบกับ ซื้อที่200 บาท ในตอนนี้ แล้วผมถือไปอีก30 ปี ถึงตอนนั้นความแตกต่างของกำไรของทั้งสองกรณีน่าจะน้อยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ไม่ต้องรอให้ราคาลงมา(คือประเภทวัยรุ่นใจร้อน แม้อายุเลยมาไกลแล้ว) และผมจะได้ลดเวลาในการเฝ้าดูราคาหุ้นลงด้วยครับ
ผมเอ่ยชื่อหุ้น ถ้ามีปัญหาก็ลบทิ้งได้เลยนะครับ ผมไม่รู้เรื่องกฎของกลต.เหมือนกัน
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1583
ผมเห็นวอร์เรน พูดถึงผู้บริหาร ได้ดีมาก แต่น้อยมาก
คือแค่ เค้าบริหารด้วยใจ รักในงาน ไม่ใช่กอบโกย หวังผลประโยชน์ส่วนตัว
แต่ผมว่ามันน่าจะมีมากกว่านี้นะ
เพราะเห็นพวกเราให้ความสำคัญกับมันมาก และก็ควรเน้นอยู่แล้ว
แต่เหมือนเมืองไทย กับ ตลาดหุ้นไทย แทบจะหาดีไม่ได้เลยมั้ง เฮ้อ...
คือแค่ เค้าบริหารด้วยใจ รักในงาน ไม่ใช่กอบโกย หวังผลประโยชน์ส่วนตัว
แต่ผมว่ามันน่าจะมีมากกว่านี้นะ
เพราะเห็นพวกเราให้ความสำคัญกับมันมาก และก็ควรเน้นอยู่แล้ว
แต่เหมือนเมืองไทย กับ ตลาดหุ้นไทย แทบจะหาดีไม่ได้เลยมั้ง เฮ้อ...
แก้ไขล่าสุดโดย harry เมื่อ พุธ ก.ค. 06, 2005 12:07 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Expecto Patronum!!!!!!
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1584
ถ้ากะจะถือ 30 ปีdikdik เขียน:คือผมหมายถึงกำไรของบริษัทมีการเติบโตขึ้นโดยเฉลี่ย10% ต่อปีน่ะครับ ไม่ใช่บริษัทมีกำไร10%ของราคาที่ซื้อ
ปกติผมจะมีเงินออมในทุกเดือน ผมมักจะมีปัญหาในการเข้าซื้อหุ้น ยกตัวอย่างเช่นPTT ถ้าผมคิดว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยซัก10% ต่อปี ตลอดช่วงชีวิตผม การที่ผมเข้าซื้อหุ้นบริษัทที่ราคา230 บาท เทียบกับ ซื้อที่200 บาท ในตอนนี้ แล้วผมถือไปอีก30 ปี ถึงตอนนั้นความแตกต่างของกำไรของทั้งสองกรณีน่าจะน้อยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ไม่ต้องรอให้ราคาลงมา(คือประเภทวัยรุ่นใจร้อน แม้อายุเลยมาไกลแล้ว) และผมจะได้ลดเวลาในการเฝ้าดูราคาหุ้นลงด้วยครับ
ดูแนวโน้มธุรกิจแล้วยังไปได้อีกไกล
ราคา 200 กับ 230 ไม่ได้ต่างกันเลยครับ
ในระยะสั้นอาจจะ"ขาดทุน"บ้าง
แต่ถ้าถือเกิน 10 ปีแล้วแทบไม่ต่างกัน
เพราะระยะเวลาที่นานมาก
ทำให้ความผันผวนของราคามีผลน้อยมากครับ
ซื้อแล้วไม่ต้องดูราคาไปได้อีกนาน
แต่จริงๆแล้ว เราจะ"อดใจ"ไม่ดูราคาหุ้นได้นานแค่ไหน
อันนี้สำคัญกว่านะครับ ผมว่า
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1585
เอาเงินไปฝากโจร น่าคิด...น่าคิด
ก็อย่าเอาเงินไปฝากโจรซิคุณ...
ผมไม่เห็นว่าเราจะต้องรีบเร่งลงทุนในตอนที่เรายังหาที่ดีๆลงทุนไม่ได้...
ยังหาไม่ได้ ไม่ดี ไม่ถูกใจ ทำไมต้องเอาเงินไปให้เขา
ในหนึ่งปี ผมซื้อหุ้นไม่เกินสามบริษัท เวลาที่เหลือ นั่งดูรายละเอียดบริษัทที่สนใจและรับส่งลูกเมียก็หมดแล้ว
จริงๆแล้วเราหาบริษัทที่ดีไม่ได้ หรือใจเรามันไม่มั่นกันแน่
อิ อิ...วันนี้PTLลงมาทำLow ที่5.10 แน่ะ ผมขาดทุนไปอื้อเลย :lovl:
ก็อย่าเอาเงินไปฝากโจรซิคุณ...
ผมไม่เห็นว่าเราจะต้องรีบเร่งลงทุนในตอนที่เรายังหาที่ดีๆลงทุนไม่ได้...
ยังหาไม่ได้ ไม่ดี ไม่ถูกใจ ทำไมต้องเอาเงินไปให้เขา
ในหนึ่งปี ผมซื้อหุ้นไม่เกินสามบริษัท เวลาที่เหลือ นั่งดูรายละเอียดบริษัทที่สนใจและรับส่งลูกเมียก็หมดแล้ว
จริงๆแล้วเราหาบริษัทที่ดีไม่ได้ หรือใจเรามันไม่มั่นกันแน่
อิ อิ...วันนี้PTLลงมาทำLow ที่5.10 แน่ะ ผมขาดทุนไปอื้อเลย :lovl:
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1586
ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คือMon money เขียน: อิ อิ...วันนี้PTLลงมาทำLow ที่5.10 แน่ะ ผมขาดทุนไปอื้อเลย :lovl:
ได้มีโอกาสซื้อหุ้นในราคาถูกกว่าทุนไง ท่านมน ฮ่า ฮ่า
ผมให้ยืมคาถาประจำใจครับ
"ในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะผันผวนไปมา
แต่ในระยาวราคาจะเป็นไปตามผลประกอบการ"
อาจารย์เกรแฮมสอนไว้เมื่อห้าสิบปีที่แล้วครับ
หุ้นลงได้ก็ขึ้นได้
หุ้นขึ้นได้ก็ลงได้
เป็นสัจธรรม เป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ
ว่าแต่ว่า ผมก็ขาดทุนเหมือนกันน่ะ ตอนนี้
แต่กลับดีใจได้ซื้อหุ้นราคาถูกลงกว่าเดิม
คนถึงหาว่า"บ้า"ไง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1587
ไม่จริงครับ เพราะราคาหุ้นบางบริษัทลงประเภท ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่นนะซิครับ ไม่เชื่อลองถามผู้ถือหุ้นสถาบันการเงินช่วงวิกฤตดูก็ได้ครับVIB007 เขียน: หุ้นลงได้ก็ขึ้นได้
หุ้นขึ้นได้ก็ลงได้
เป็นสัจธรรม เป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 129
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1588
ผมอยากให้พี่เทพลงมาบ้างจัง อยากบ้าแบบคุณวิบูลย์บ้าง แต่ทำไมไม่เห็นมันลงมาเลย มีแต่ขึ้น มีแต่ขึ้น โชคดีก่อนหน้านี้ใจแข็งซื้อไว้ได้ทั้งๆที่รู้สึกว่าราคามันก็สูงอยู่แล้ว เจอสูงกว่าอีก สงสัยต้องหาโอกาสใจแข็งอีกรอบนึงแน่เลย
- Loby
- Verified User
- โพสต์: 1648
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1589
สวัสดีครับพี่ๆ ผมขอรบกวนช่วยวิเคราะห์ CHARAN กับ KDH ให้ด้วยครับ
ผมถือ2ตัวนี้อยู่ เพราะเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน จ่ายปันผลดี และมีกำไรสะสมพอสมควร ผมคิดว่าจะถือยาวสัก 3-5 ปี รับปันผลไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาจะสูงกว่าพื้นฐาน (1.5เท่า)
พี่ๆในบอร์ดนี้คิดว่าดีรึเปล่าครับ รบกวนช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ :lol:
ผมถือ2ตัวนี้อยู่ เพราะเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน จ่ายปันผลดี และมีกำไรสะสมพอสมควร ผมคิดว่าจะถือยาวสัก 3-5 ปี รับปันผลไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาจะสูงกว่าพื้นฐาน (1.5เท่า)
พี่ๆในบอร์ดนี้คิดว่าดีรึเปล่าครับ รบกวนช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ :lol:
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1590
ก่อนอื่นต้องยกคำพูดของวอเรนต์ที่พี่วิบูลย์นำมาพูดบ่อยๆนะครับLoby เขียน:สวัสดีครับพี่ๆ ผมขอรบกวนช่วยวิเคราะห์ CHARAN กับ KDH ให้ด้วยครับ
ผมถือ2ตัวนี้อยู่ เพราะเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน จ่ายปันผลดี และมีกำไรสะสมพอสมควร ผมคิดว่าจะถือยาวสัก 3-5 ปี รับปันผลไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาจะสูงกว่าพื้นฐาน (1.5เท่า)
พี่ๆในบอร์ดนี้คิดว่าดีรึเปล่าครับ รบกวนช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ :lol:
" เราจะถูกหรือผิดก็เพราะเหตุและผลของความเป็นจริง ไม่ใช่เพราะว่ามีใครมาบอกว่าเราถูกหรือผิด"
ดังนั้นหากมีผมหรือใคร มาบอกว่าหุ้นเหล่านี้ดีหรือ
ไม่ดี ก็ต้องพิจารณาประโยคข้างต้นนะครับ หุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ผมไม่เคยถือและไม่เคยดูงบครับ แต่หากให้เดาผมคิดว่าคุณ Loby เลือกหุ้นโดยดูที่งบการเงินเป็นหลัก ดูยอดขาย-กำไร ดูผลตอบแทนเงินปันผล ซึ่งวิธีนี้เป็นการเลือกซื้อหุ้นโดยดูข้อมูลที่เป็นปริมาณ(ตัวเลข) ข้อดีคือวัดได้ง่าย เพราะเป็นตัวเลขชัดเจน มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เพราะงบการเงินดี มีปันผลสูง
นักลงทุนที่เริ่มลงทุนตามปัจจัยพื้นฐาน มักจะลงทุนในหุ้นลักษณะนี้ครับ
ข้อด้อยคือหุ้นลักษณะนี้มักไม่มีอะไรที่โดดเด่นมาก ที่จะสร้างกำไรอย่างมีนัยสำคัญให้กับผู้ถือหุ้น
วิธีการวิเคราะห์อีกวิธีคือการพิจารณาจากปัจจัยคุณภาพ เช่นความสามารถในการแข่งขัน ผู้บริหาร
ความสามารถในการแข่งขัน - ต้องมาพิจารณว่าจรัญประกันภัยมีอะไรที่เป็นจุดเด่นที่ได้เปรียบคู่แข่งขันอีกนับสิบบริษัท บริษัทมีช่องทางจัดจำหน่ายแข่งขันกับคู่แข่งที่เป็นบริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทประกันที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารได้หรือเปล่า เป็นต้น หรืออย่างกรณี KDH (น่าจะเป็นรพ.กรุงธน) กิจการมีข้อดี-ข้อเด่นอย่างไร มีต้นทุนที่แข่งขันกับโรงพยาบาลเครือข่ายใหญ่ๆได้หรือเปล่า มีคู่แข่งที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงหรือเปล่า มีแผนงานอะไรที่จะเพิ่มกำไรให้กิจการ
ผู้บริหาร - เคยมีประวัติที่ไม่ดีหรือเปล่า มีการคานอำนาจของผู้ถือหุ้นหรือเปล่า มีรายการระหว่างกันหรือเปล่า มีความกระตือรือร้นในการบริหารงานหรือเปล่า(พิจารณาจากการไปประชุมผู้ถือหุ้น)
เมื่อเราได้พิจารณาทั้งปัจจัยด้านปริมาณและด้านคุณภาพแล้ว เราก็จะได้คำตอบครับว่าเป็นหุ้นที่เราควรจะลงทุนหรือเปล่า
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว