Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

CopyWriter เขียน: ทยอยรับรู้นับอายุตามวันที่สมัครไปอีก ไม่เกินปี หรือครับ

หรือไม่เกินรอบปีปฏิทิน

เท่าที่ทราบมาคือหนึ่งปีหรือ 12 เดือนครับ

พอดีว่าตอนนี้เป็นสมาชิก Fitness ที่ CAWOW สุขุมวิท 23 นะค่ะ เลยมีความเห็นว่าถึงแม้จะได้รับเงินเป็นที่แน่นอนรายปี เพราะว่าสมาชิกแต่ละคนต้องทำสัญญาขั้นต่ำ 1 ปี แต่ค่าแรกเข้าและรายเดือนของแต่ละคนจะไม่เท่ากันค่ะ ส่วนใหญ่ที่ถามจากสมาชิกคนอื่นๆจะอยู่ราวๆ 1000-2500 บาทต่อเดือน ยิ่งจ่ายเป็นปีล่วงหน้าก้อจะถูกลง ค่าแรกเข้านี่โชคดีที่ไม่ได้เสีย เพราะราคาต่อรองกันได้ แต่ต้องจ่ายเงินเดือน 11 กับ 12 ล่วงหน้า ดังนั้นสมาชิกรายใหม่ 1 คนจะต้องจ่ยเงินประมาณ 5000 กว่าบาท และจ่ายเป็นรายเดือนจนครบหนึ่งปีค่ะ ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ เพื่อนๆไม่ค่อยต่ออายุสมาชิกกันเท่าไหร่ แล้วก้อไปเล่นกันจริงๆช่วง 2-3 เดือนแรกค่ะ หายกันไปหลายเดือนเหมือนกัน กว่าจะกลับมาอีกที ก้อเกือบครบปี แต่จะต้องจ่ายรายเดือนทุกเดือนนะค่ะ

อืม รอ K. david มาหลายวันแล้ว ไม่เข้ามาซะที  :?

ผมว่าการเร่งเปิดสาขาก็เป็นกลยุทธที่ดีนะครับ เหมือนเล่น Go ที่ปิดช่องทางตลาดคู่แข่งโดยการ ยึดครองทำเลดีๆทั้งหมด

ผลประกอบการออกมาไม่ดีบ้างตอนแรกๆ ก็ดีถ้าราคาหุ้นจะได้ลงมาให้ผมเก็บ

การเร่งขยายสาขา  ถ้าฐานะทางการเงินดี  ก็อาจจะสามารถทำได้

ผู้ถือหุ้นใหญ่ MAJOR มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงอยู่แล้ว  (แถมยังได้ประโยชน์จากการเร่งขยายสาขาของ CAWOW ทางอ้อมอีก)  แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยซิครับ  จะไหวไหม

ถ้าประกาศการขยายสาขาแล้ว  ก็คงลำบากที่จะยกเลิก  เพราะจะกระทบต่อชื่อเสียงของทั้ง CAWOW และ MAJOR

สิ่งที่น่ากลัวจากการบันทึกบัญชีของ CAWOW คือการเร่งรัดรับรู้รายได้

สิ่งที่น่ากลัวจากการบันทึกบัญชีของ CAWOW คือการเร่งรัดรับรู้รายได้

คุณ chatchai หมายถึงเรื่อง การรับรู้รายได้จาก สมาชิกตลอดชีพ ที่ดันไปรับรู้ทันที ใช่ไหมครับ

เรื่องนี้ก็จริงนะ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ส่งมอบผลประโยชน์ให้ลูกค้า ดันลงเป็นรายได้เลย แทนที่จะเป็น หนี้สิน (ระยะยาวซะด้วย เพราะลูกค้าตลอดชีพคงไม่ตายภายใน 1 ปี)

ว่าแต่จะทำเป็น Prepaid Revenue กันอีท่าไหนละครับ ก็ไม่มีใครรู้ว่าลูกค้าจะตายเมื่อไหร่ จะใช้วิธีกำหนดอายุสูงสุดเช่น 80 ปี แล้วรับรู้รายได้เป็นปีๆไปก็มีปัญหา ถ้าเกิดลูกค้าตายก่อน ก็ต้องนับที่เหลือเป็นรายได้เลย แต่ใครจะมาแจ้งละว่า ตัวเองตายไปแล้ว

หรือ Quarter ไหนเกิดอยากปั่นรายได้ จะต้องมีการเก็บลูกค้าบางส่วนด้วยไข้โป้งเพื่อให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นไหมเนี่ย  :lovl:

chatchai เขียน:

ผิดหลักการบัญชี การรับรู้รายได้และค่าใช้จ่ายแน่นอนครับ

รายได้และค่าใช้จ่ายต้องพยายามให้สอดคล้องกันในแง่ระยะเวลา

เช่น

ว่าจะไม่ยุ่งกับตัวนี้ แต่ก็อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ที่เจอด้วยตัวเอง

ผมเองได้สมัครเป็นสมาชิก 1 ปี ตอนนั้นคือ 1699 บาทต่อเดือน โดยไม่มีค่าแรกเข้า แต่ต้องจ่ายเดือนแรก และ เดือนที่ 11/12 ผ่านบัตรเครดิต ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดี โดยตัดเงินจากบัตรตอนปลายเดือน ซึ่งเริ่มเดือน ธันวาคม ตอนสมัครผมใช้ KTC Visa บัตรทอง หลังจากที่ผมเริ่มใช้บริการ ไม่ทราบว่าหน้าผมดุ หรือไม่รับแขก ไม่เคยปรากฏว่าจะมีพนักงานคนไหนมาให้คำแนะนำอะไรเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้แคร์ เพราะตั้งใจไปออกกำลังกาย มีแต่พนักงานที่เป็น trainer ทั้ง ญ และ ช โทรมาหาหลายครั้งเพื่อเสนอตัวเป็น Personal Trainer (PT) ซึ่งพนักงานเหล่านี้มีหน้าที่หาลูกค้า ผมเข้าใจว่า คงมีการตั้งเป้า และ แบ่งรายได้กับบริษัทฯ

ตอนต้นเดือนมีนาฯ ทาง KTC ก็กรุณาส่งบัตรแพลตตินั่มให้ผม โดยที่ไม่ได้ขอ ผมก็เลยยกเลิกบัตรทองไป โดยไม่ได้นึกถึงที่เซ็นไว้กับ CAWOW ซึ่งทำให้ KTC ปฏิเสธการชำระเงินปลายเดือนเดียวกัน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ พอวันที่ 3 เมษาฯ ผมก็ไปออกกำลังกายอีก ปรากฏว่าพนักงานหน้าคลับ ปฏิเสธไม่ให้ผมเข้าไป โดยพูดเสียงแข็งเลยว่า เข้าไม่ได้ เพราะไม่ได้ชำระค่าสมาชิก ผมบอกไปว่า เดี๋ยววันรุ่งขึ้น จะเช็คกับธนาคารและจะจัดการให้ ปรากฏว่า คุณ เธอ ทั้งหลายก็เสียงแข็ง เข้าไม่ได้คำเดียว และ บังคับให้ผมโทรหาออฟฟิสเขา ซึ่งเวลานั้นประมาณ 1800 น. ที่ถนนสีลม เสียงรถก็ดังมาก และคนก็มาก ผมก็บอกว่าคุยที่นี่คงหนวกหู ขอเข้าไปโทรข้างใน และ พนักงานคงกลับบ้านไปแล้ว คำตอบคือ ไม่ได้ เข้าไม่ได้ ถ้าจะเข้าต้องจ่ายสดก่อน สุดท้ายนายคนที่คงเป็น supervisor คงเห็นว่าผมโกรธ เลยให้เข้าไปข้างใน พอผมโทรไปออฟฟิส ก็ไม่มีคนรับสาย แต่พอบอกเขาไป เขาก็ดันบอกเป็นไปไม่ได้ ผมก็บอกไปว่า พวกพนักงานเองคอยยืนอยู่ริมถนนอ้อนวอนให้คนที่เดินผ่านไปมา ทดลองเข้าไปใช้บริการอยู่แล้ว น่าจะถือว่าผมเดินผ่านมาก็ได้ คำตอบคือ ไม่ได้  สุดท้ายผมก็เลยกลับ และ ไม่เคยไปอีกเลย

หลายวันผ่านไป ก็ไม่มีใครติดต่อมา แม้ผมจะโทรไปหลายครั้ง ก็มีคนรับเรื่อง และรับปากว่าจะติดต่อกลับมา ซึ่งก็ไม่เคยติดต่อมา จนหลังจากนั้น ผมก็ได้รับจดหมายทวงเงินค่าสมาชิก ผมก็ติดต่อกลับไป หลายครั้ง ก็ไม่ได้ความ จนสุดท้าย ก็มีผู้จัดการ มาคุยด้วย และ พยายากกล่อมให้กลับไปใช้บริการ และพูดทำนองว่า ผมได้ (โง่) ทำสัญญาไว้ และต้องทำตามสัญญา ผมก็เลยบอกให้เขาฟ้องมา ซึ่งแน่นอนเขาคงไม่กล้าทำ สุดท้ายสรุปคือว่า เขาขอให้ผมชำระเดือนมีนาฯ และ เมษาฯ และเขายึด เดือนที่ 11/12 ซึ่งผมก็ถือว่าตัดความรำคาญ และทำบุญทำทานไป

นี่คือบริการของ CAWOW ที่ผมประสบมา และคิดว่าน่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่พบเช่นเดียวกัน

เร็ว ๆ นี้ ผมเห็นป้ายโฆษณา ที่อโศก รู้สึกค่าสมาชิก จะเหลือ 899 บาท

จะเห็นได้ว่า แม้ว่าจำนวนสมาชิกจะมากขึ้น แต่รายได้ก็คงไม่โตตามสักเท่าไร

อ่านแต่ละความเห็น  นกการเหว่าตัวนี้คงบินเหนื่อยหน่อย เห็น คุณ วิชา MAJOR บอกว่า CAWOW ในปี 2550 จะขยายสาขา อีก คงแบบ ค่าเสื่อมใหม่อีกหลังแอ่นนอกเหนือจากการขยายสาขาในปีนี้

[quote="Viewtiful Investor"]อืม รอ K. david มาหลายวันแล้ว ไม่เข้ามาซะที

เมื่อ CAWOW เครื่องหลวม
Source - ข่าวหุ้น
Friday, 01 September 2006 04:06

ในที่สุดก็มีคำถามที่เป็นข้อข้องใจเกี่ยวกับธุรกิจให้บริการศูนย์ออกกำลังกาย หรือฟิตเนสว่าได้ผ่านจุดสูงสุดหรือยัง ซึ่งก็ได้รับการยืนยันมาแล้วว่า เลยจุดสูงสุดมาแล้วจริงๆ โดยเฉพาะเห็นได้จากผลกำไรที่ลดลงเป็นจำนวนมากของ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์จำกัด(มหาชน) หรือ CAWOW ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในธุรกิจฟิตเนสมากกว่า 30 ปี
ปัจจุบันธุรกิจศูนย์ออกกำลังกายเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันค่อนสูง ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้ที่สนใจออกกำลังกายในศูนย์ออกกำลังกายมีจำนวนจำกัด อีกทั้งตัวบริษัทต้องแข่งขันกับสโมสรหรือศูนย์กีฬาในโรงแรม(คลับเฮ้าส์) จึงส่งผลให้อัตราการเติบโตของรายได้ต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการขยายฐานลูกค้า
ผลดังกล่าวทำให้ต้องย้อนกลับไปหาคำถามช่วงที่ "ข่าวหุ้นธุรกิจ"ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม2548 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทฟิตเน็ตแห่งนี้กำลังจะเข้าตลาด โดยเคยตั้งคำถามไว้ว่า "บริษัทจะรักษาความจงรักภักดีต่อแบรนด์(Loralty Brand)ได้อย่างไร" รวมถึง อนาคตของการขยาสาขา คงต้องหาเงินแบบไม่รู้จบ ซึ่งคำตอบดังกล่าวกำลังจะถูกฉายภาพออกมาให้เห็นทีละเล็กละน้อย
โดยจะดูได้จาก เป้าหมายที่ผู้บริหารบริษัทนี้ได้ตั้งไว้ ไม่เป็นไปตามที่เคยให้ข่าวในช่วงเข้าตลาดหุ้นใหม่ๆ
-กาลเวลาพิสูจน์
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในเขตเมืองหลวง ให้หันมาใช้บริการการออกกำลังกายแบบมีค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ จากเดิมมีวิถีชีวิตการออกกำลังกายเพื่อเรียกเหงื่อจะมีให้เห็นตามสวนสาธารณะทั่วไป มีต้นทุนการออกกำลังจะมีเพียงเสื้อผ้ากับรองเท้า ถือเป็นเรื่องที่ยากมากในการให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวเข้ามาใช้บริการ
จากภาวะราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น กระแสอัตราเงินเฟ้อแตะระดับ 6 % ทำให้มนุษย์เงินเดือนระดับ 15,000-20,000 บาทต่อเดือน อันเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯต้องหันกลับมาคิดใหม่ ทำใหม่อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนเลยว่าผลกระทบดังกล่าว ต้องเกิดขึ้นกับบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด(มหาชน)หรือCAWOW อย่างแน่นอน
การเสียค่าสมัครเพื่อเข้ารับบริการกับศูนย์ออกกำลังดังกล่าว เมื่อคิดจากอัตราค่าสมาชิกการใช้บริการแล้วจะอยู่ระดับ 1,500-2,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นสัดส่วน 10%ของฐานเงินเดือนของกลุ่มเป้าหมายได้รับ ซึ่งทำให้เกิดมุมมองว่ากลุ่มเป้าหมายจะกล้าลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนที่ไม่ได้ติดอันดับสินค้าของการถูกนึกถึงของประชากรทั่วไป
โดยจะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมา CAWOW พยายามสร้างความแปลกใหม่ของการออกกำลังอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความกระตือรือร้นการสร้างกิจกรรม ลด แหลก แจกแถม อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนหลักด้านค่าใช้จ่ายของบริษัทจะต้องผูกติดไปตลอดเหมือนดังเช่น ธุรกิจโรงภาพยนตร์ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น ภาวการณ์ชะลอตัว รวมถึงการถดถอยจะมาเยือน
สำหรับเหตุของการสร้างกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขายอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากที่ผ่านมาอัตราการหมุนเวียนลูกค้า(turnover)ไม่ต่ออายุสมาชิก ของ CAWOW อยู่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ถึงแม้จะเป็นสัดส่วนไม่สูงนัก ตราบใดอัตราส่วนการต่อสัญญาของลูกค้า(renewed) ยังอยู่ในสัดส่วนสูงกว่าการไม่ต่อสมาชิก
หากเป็นเช่นนั้น อัตราการเติบโตของบริษัทฯ ที่ตั้งเป้าในแต่ละปี จะต้องเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นมากขึ้น เพื่อจะนำมาเติมในส่วนการบอกเลิกสมาชิกหายไปในแต่ละปี ถ้าปีใดผู้บริหารประกาศตั้งเป้าต่ำกว่า 20 % จะทำให้ตีความได้ว่าอัตราการเติบโตด้านสมาชิกของบริษัทฯ จะเริ่มอยู่ในช่วงถดถอย จะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทฯ
วิธีการสร้างความจงรักภักดี (loyalty )กับลูกค้า CAWOW เพื่อไม่ให้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิก ทั้งเหตุผลของการย้ายสถานที่ออกกำลังกายไปยังคู่แข่ง เนื่องจากการละเลยหัวใจของการบริการ หรือ การเลิกออกกำลังกับศูนย์ออกกำลังกายมีราคาสูง แล้วหันไปหาแหล่งออกกำลังราคาถูก อาทิเช่น การวิ่งตามสวนสาธารณะ ฯลฯ กำลังเป็นปัญหาที่บริษัทเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ และดูเหมือนจะหาทางออกที่สวยหรูไม่ได้อีกด้วย
เนื่องจากพฤติกรรมของคนทั่วไปมักไม่ยึดติดกับสินค้าใดสินค้าหนึ่งนั่นเอง
-ใช้บัตรกำนัลล่อ?
ผลกำไรที่ตกต่ำอย่างน่าใจหายของ CAWOW อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทต้องงัดกลยุทธ์ การใช้บัตรกำนัลล่อให้ผู้โชคดีมาสมัครเป็นสมาชิก จนเกิดข้อพิพาทขึ้นหลายครั้งหลายคราและมีการร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ หนังสือพิมพ์ต่างๆ อย่างมากมาย แต่สุดท้ายผู้บริหารของบริษัทก็ไม่ได้ออกมาชี้แจงข่าวดังกล่าว
โดยผู้ร้องเรียนส่วนใหญ่พูดในทำนองเดียวกันว่า เขาเป็นผู้โชคดีที่ได้รับของขวัญเป็นบัตรกำนัลจากเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกของฟิตเนสดังกล่าว แต่ขอไม่เอ่ยชื่อ สิทธิ์ที่จะได้รับคือ การเข้าเป็นสมาชิกของฟิตเนสพร้อมใช้บริการมูลค่า 5,000 บาท ฟรี มีเงื่อนไขต้องไปรับบัตรกำนัลด้วยตนเองภายใน 48 ชั่วโมง
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายได้ให้กรอกรายละเอียดประวัติส่วนตัว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายได้มีการพูดคุยอย่างเป็นกันเองในเชิงชูจุดเด่นของฟิตเนส เพื่อโน้มน้าวให้มาเข้าร่วมใช้บริการ ก่อนที่จะนำชมสถานที่แต่ละห้อง พร้อมกับลงบันทึก และให้คำแนะนำว่าควรลดน้ำหนักจุดไหนเป็นเบื้องต้น เพื่อให้ได้จำนวนน้ำหนักที่เท่ากับมาตรฐานส่วนสูง
จากนั้นพนักงานขายได้พามานั่งในห้องรับแขกเพื่อโน้มน้าวลูกค้าให้สมัครเป็นสมาชิกโดยจูงใจด้วยส่วนลดราคา จากปกติสมัครสมาชิกเดือนละ 8,000 บาท หากสมัครในเวลานั้นได้ลด 50% เหลือ 4,000 บาท แต่หากจ่าย 3 เดือนรวด จะเหลือเพียง 2,888 บาทต่อเดือน และสามารถใช้บริการได้ทุกสาขา อาทิ สีลม, รัชโยธิน, สุขุมวิท ฯลฯ
ที่สำคัญพนักงานขายพยายามไม่พูดถึงบัตรกำนัลแล้ว และเมื่อเห็นว่าปิดการขายไม่ได้พนักงานขายได้ไปตามผู้จัดการฝ่ายขายมาช่วยโน้มน้าว ก่อนยอมลดราคาจากเดือนละ 8,000 บาท เหลือเพียง 2,500 บาท ก่อนจะลงเอ่ยด้วยการให้ผู้โชคดีดังกล่าวกรอกรายละเอียดลง VIP GUEST PASS ซึ่งนอกจากข้อมูลส่วนตัวยังบังคับให้กรอกรายชื่อเพื่อนสนิทพร้อมเบอร์โทรศัพท์มือถือ 10 ราย ไม่เช่นนั้นทางฟิตเนสไม่สามารถออกบัตรกำนัลให้ได้
โดยบัตรกำนัลส่วนใหญ่ที่ออกให้กลับมีระยะเวลากำหนดใช้บริการไม่ถึงสัปดาห์ และมีมูลค่าแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์จะสุ่มได้บริการแบบใด อาทิ ใช้บริการฟรี 1เดือน, ใช้บริการตามจำนวนเงิน 5,000-20,000 บาท และเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นคงมีเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของ CAWOW เท่านั้น ที่จะให้ข้อมูลได้กระจ่างชัดที่สุด
เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการกล่าวร้องทุกข์ผ่าน สำนักงาน สคบ. และไม่สามารถเอาผิดกับบริษัทได้หากไม่มีหลักฐานเพียงพอ
-กำไรน้อย หนี้บานเบอะ
กระแสรักสุขภาพในลักษณะเสียเงินเสียทองมากมายเพื่อทำให้สัดส่วนเป็นไปตามมาตรฐานอาจมีไม่มากเหมืนกับที่ผู้บริหาร บมจ. แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ หรือCAWOW ตั้งเป้าไว้เลยทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549ทำกำไรได้เพียง 5.02 ล้านบาท หรือ 0.03 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.59ล้านบาท หรือ 0.13 บาทต่อหุ้น
ประกอบกับต้นทุนในการดำเนินธุรกิจฟิตเน็ตค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับธุรกิจบริการอื่นจึงไม่น่าแปลกใจที่ค่าใช้จ่ายรวมในงวดบัญชีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2781.96 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 159.92 ล้านบาท ขณะที่รายรับทั้งหมดมีอยู่เพียง 282.22 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 187.49 ล้านบาท
รวมทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.97 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเพียง 0.03 ล้านบาท เป็นการยืนยันว่า บริษัทมีการกู้ยืมเงินจำนวนมากเพื่อขยายกิจการรองรับกระแสรักษาสุขภาพเฟื่องฟู เพียงแต่ผลตอบแทนที่ย้อนกลับมาหาตัวบริษัทน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับหนี้สินที่เพิ่มขึ้น
โดยเห็นได้จากภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเป็น 586.53 ล้านบาท จากเดิมมีอยู่เพียง413.73 ล้านบาท ย่อมส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำกำไรของบริษัทโดยตรงเพราะบริษัทดันไปกู้ยืมเงินระยะยสั้นมามากถึง 80 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็ยังมีภาระหนี้สินในส่วนของเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปีเพิ่มขึ้นเป็น 114.14 ล้านบาทจากเดิมมีอยู่เพียง 74.04 ล้านบาท
เมื่อนำมาเทียบกับสินทรัพย์ที่มีอยู่เพียง 98.43 ล้านบาท แล้วได้ ค่า CurrentRatio ที่ระดับ 0.16 เท่า ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าวิตกกังวลอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นว่า บริษัทมีปัญหาเรื่องเงินขาดมืออย่างหนัก ยิ่งเมื่อนำส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีอยู่แค่477.06 ล้านบาท มาเทียบกับหนี้สินรวม 917.58 ล้านบาท แล้วได้ค่า D/E ที่ระดับ 1.92เท่า ย่อมเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีสำหรับบริษัทที่กำลังมีปัญหาเรื่องผลกำไรลดลงอย่างฮวบฮาบ รวมทั้งไม่สามารถควบต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับต่ำได้
ประเด็นดังกล่าวที่เกริ่นนำไว้ทั้งหมด ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถผู้บริหาระดับสูงอย่างมาก หลังหนทางที่จะทำให้ผลกำไรกลับมาดีดั่งเดิมค่อนข้างตีบตันนั่นเอง

เรื่องการบันทึกรายได้ผมไม่ออกความเห็นนะครับ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องบัญชี แต่ผมมีความเห็นเรื่องธุรกิจครับ
1.ตอนนี้ใครๆก็มองว่าฟิตเนสน่าจะเติบโตได้อีกมาก ไม่งั้นจะมาเปิดแข่งกันทำไม
2.แต่สงสัยว่า roa ของ cawow แค่ 4% ในปี 2004 และ 8% ในปี 2005 ไม่รู้ว่าจะมาแย่งกันเปิดทำไม หรือว่าที่คาว้าวกำไรน้อยเพราะซื้ออุปกรณ์มาในราคาสูงกว่าชาวบ้านเค้า
3.เรื่องที่เค้าเก็บค่าสมาชิกตลอดชีพนี่ เข้าใจว่าช่วงนี้อยากขยายเยอะๆ เลยเก็บแพคเกจที่ได้เงินเยอะสุดก่อน จะได้เอาเงินไปขยายสาขาใหม่ๆต่อ หรือไม่ก็เร่งรับรู้รายได้มากๆตอนไอพีโอ เดาๆเอานะครับ หรือไม่ก็รับสมัครสมาชิกเยอะๆก่อน แล้วค่อยๆเชียร์ขายพวกพีที โยคะ พิลาเต้เพิ่มเติมทีหลัง ถ้าเป็นอย่างหลังก็โอเคนะครับ
4.เรื่องเพิ่มทุน ถ้ายังขยายแบบนี้ คงต้องเพิ่มแน่เลยครับ ใครถือหุ้นอยู่ก็เตรียมๆเงินไว้บ้างครับ
5.เรื่องฮาร์ดเซลนี่ ถึงหลายคนจะไม่ชอบ แต่ผมเห็นเอไอเอกะแอมเวย์ก็ฮาร์ดเซลนะครับ ไม่เห็นมีใครชอบซักคน ทุกวันนี้ทั้งเอไอเอกะแอมเวย์ใหญ่มากนะครับ
6.เรื่องที่แย่ก็คือ พอกำไรหดแล้วผู้บริหารไม่กล้ามาออปเดย์นี่สิ ที่จริงกำไรหดก็มาพูดให้ฟังว่าทำไมมันหดก็จบแล้ว ถ้าผู้บริหารเอาแต่ออกมาพูดเวลามีข่าวดี แต่พอมีข่าวร้ายดันหลบหน้า อันนี้ไม่รู้ว่าจะถือหุ้นเค้าอยู่ได้อย่างไร

ผมเป็นสมาชิกตลอดชีพครับ 45000 ขายบัตรฟรี 1 ปี ไป8000 ทุนเท่ากับ 37000 บาทปีที่แล้ว โปรโมชั่นใหม่ สมาชิกเก่า ปีแรก 9800 บาท ปี่ต่อมา ปีละ 1900 บาท ตกเดือนละ158.33 บาท ยิ่งทํายิ่งถูกแล้วอีกหน่อยจะมี กําไรมั้ยเนี่ย

ปล 2-3 ปีก่อน 45000 บาท สําหรับสมาชิก 3 ปี