หน้า 2 จากทั้งหมด 2
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 7:26 am
โดย Jeng
Jeng เขียน:สว่าง นายว่าช่วงนี้เศรษฐกิจเป็นไง
สว่าง คิดว่าแย่หวะ
สว่าง แล้วนายวางแผนไง
สว่าง ก็กะจะให้นายมาเป็นที่ปรึกษาแหละ เพราะนายหัวดี
สว่าง อืม ดีเหมือนกัน แต่ว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง ถ้าค่าจ้างดีหละก็ พอไหว
สว่าง ไม่มีปัญหาหรอก ความคิดนาย หากนำมาใช้ รับรอง บริษัทแก้สถานการณ์ได้แน่นอน
สว่าง โอเค งั้น ขอ 3 ล้านนะ
สว่าง สบายมาก ฉันเป็นคนเซ็นต์อนุมัติเองแหละ
คริๆ
แซวเล่นนะ
ที่ลงท้ายว่า แซวเล่นนะ
ก็เพราะคิดว่า น่าจะมีอะไรมากกว่านั้นครับ เหอๆ
อย่างไรก็ตามก็อยากแซวเหมือนกันนะ ที่ กรรมการ ก็นามสกุลนี้ และที่ปรึกษา รับไปอีก 3 ล้านต่อปี ก็นามสกุลนี้
แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ดูภาพรวมดีกว่า
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 8:36 am
โดย kornjackrit
เพื่อนๆ พี่ๆ นักลงทุนลองฟังข้อมูลก่อนนะครับ แล้วค่อยตัดสินใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมเห็นบางความเห็นค่อนข้างแรงมาก ซึ่งผมไม่ทราบว่าท่านอาจจะไม่ยังไม่ทราบว่าคุณสว่างได้ลาออกจากกรรมการผู้จัดการ ต้งแต่เดือน 11 มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.52 เป็นต้นไป ด้วยเจตนาด้งต่อไปนี้ครับ
1. Board ชุดนี้เน้นเรื่อง Corperate Govenance มากครับ แล้วก็ทราบดีอยู่แล้วประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการควรเป็นคนละคนกัน แต่ช่วงแรก (ถือว่าเป็นช่วงแรกละกันครับ สำหรับ TOG ~3 ปี) ยังมีอะไรให้ต้องปรับเปลี่ยน ประกอบอายุของคุณสว่างเกินมาพอสมควรแล้ว (~64 ปี) ดังนั้นเมื่อถึงเวลาและโอกาส จึงลาออกจากกรรมการผู้จัดการครับ
2. ถ้ายังไม่ลาออกจากกรรมการผู้จัดการ คนรุ่นใหม่ก็ไม่สามารถจะขึ้นมานำความคิดการจัดการแบบใหม่ๆ เข้ามาได้
3. เนื่องจากคุณสว่างยังมีเรี่ยวแรงดี และอยากทำงานอยู่ต่อ ประกอบเป็นคนมีความรู้ความสามารถในวงการเลนส์แว่นตามามากกว่า 20 ปี การที่บริษัทจ้างมาเป็นที่ปรึกษาประจำบริษัท โดยไม่มีอำนาจการตัดสินใจระดับปฏิบัติการแล้ว ก็มองว่าเป็นสิ่งที่บอร์ดมองว่าสมเหตุสมผล
ข้อมูลเพิ่มเติมโทรถาม 02-440-0506 ติดต่อฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ช่วยทำให้เข้าใจครับ
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 8:52 am
โดย wj
ผมเห็นว่าการที่เราไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน และดีพอ แล้วไปต่อว่าคนอื่นๆในที่สาธารณะ มันน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่งครับ
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 9:52 am
โดย แผ่วเบา
ข้อมูลที่ชัดเจนและดีพอนั้น แค่ไหนจึงจะชัดเจนและดีพอ
เราว่าเรารู้มากแล้ว แต่จริงๆยังไม่รู้อีกเยอะก็ได้
โดยเฉพาะในตลาดหุ้นนั้น
รายย่อยไม่มีทางรู้มากกว่าวงในแน่
ผู้บริหารบริษัทมหาชนนั้น
ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ
เพราะทุกการกระทำและตัดสินใจ
ล้วนส่งผลต่อมหาชน
รายย่อยโดนเอาเปรียบมานาน
และคงจะถูกเอาเปรียบอีกนานในตลาดหุ้นเมืองไทย
หลายๆบริษัทจ้องที่จะเอาเปรียบรายย่อยด้วยซ้ำ
การมีสังคมและชมรมคนเล่นหุ้นในเวปบอร์ดแบบนี้
จึงเป็นการเพิ่มข้อมูลข่าวสาร
เป็นการลดช่องว่างที่จะถูกเอาเปรียบลง
ใครๆก็ต้องการปกป้องผลประโยชน์ตนเองทั้งนั้น
และก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำด้วย
เมื่อต่างคนต่างกระทำแบบนี้
ก็จะเกิดดุลยภาพแบบใหม่
ที่ไม่มีใครได้เปรียบใครมากเกินไป
เป็นสังคมที่สมดุลมากขึ้น
ไม่ได้บอกว่าเป็นสังคมที่สมดุลในระดับอุดมคติ
แต่สมดุลมากกว่าเดิมที่เคยเอียงกระเท่เร่
เพราะอีกฝั่งหนึ่งก็สามารถออกมาชี้แจงด้วยสื่ออันเดียวกันได้อย่างทัดเทียมกัน
เช่นที่คุณ martymos ได้กระทำอยู่ และทำได้ดีแล้ว
จึงเป็นเรื่องที่ IR ของแต่ละบริษัทควรที่จะกระทำเช่นนี้ทุกๆบริษัท
ไม่เฉพาะ TOG
การตำหนิแบบนี้จึงเป็นอีกหนึ่งกุศโลบายที่สมาชิกได้ร่วมกันก่อขึ้นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
เพื่อดึงให้ IR ได้ให้ความสำคัญกับนักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น
ลองนึกภาพดูสิครับ
ถ้าเวปบอร์ดไม่มีเรื่องแบบนี้
IR จะมาเหลียวแลหรือครับ
เราจะไปง้องอนให้ IR มาทำหน้าที่ได้สักกี่บริษัทล่ะครับ
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 10:07 am
โดย kornjackrit
เห็นด้วยกับคุณ แผ่วเบา ครับ
แต่ผมว่าบางทีการโพสต์ให้ึความเห็นอะไรในที่สาธารณะ
ก็ควรจะพูดในเชิงสงสัยมากกว่าในเชิงกล่าวหานะครับ
( จนกว่าจะได้ตรวจสอบอย่างชัดเจน หรือ สอบถามให้เรียบร้อยแล้ว
ถามว่าแค่ไหนเรียกว่าชัดเจน สำหรับผม ผมคิดว่า ชัดเจน คือ ตอบคำถาม
แล้วเราเข้าใจคำตอบนั้นได้ ส่วนคำตอบที่ได้รับจะสมเหตุสมผล หรือ เหมาะสมไหม ก็คขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเรา )
เพราะการกล่าวหาจะทำให้ผู้ถูกกล่าวเสียชื่อเสียง
ทั้งๆที่เขาไม่รู้ตัวและไม่สามารถจะให้่เหตุผลในการกระทำของเขาได้
ผมว่าถ้าเป็นตัวเราก็คงจะไม่อยากโดนกล่าวหาเช่นนี้เหมือนกัน้
(แม้ว่าเราอาจจะเป็นหรือไม่เป็นบุคคลสาธารณะก็ตาม)
"ใจเขาใจเราครับ"
:roll:
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 10:30 am
โดย sorawut
ผู้ลงทุน (และคิดจะลงทุน)มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัยครับ (ถ้าเรานิ่งเฉย อาจจะเกิดอะไรร้ายแรงแบบ SECC ตามมา)
แต่เมื่อมีคนมาชี้แจงไขข้อข้องใจแล้ว ถ้าเราได้กล่าวอะไรให้ร้ายผู้เสียหายเกินไปก็สมควรที่จะกล่าวขอโทษครับ
น่าจะเป็นสิ่งที่สังคมนี้ (และสังคมอื่นๆ)ต้องการ
ขอโทษนะครับ
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 10:40 am
โดย kornjackrit
ผู้ลงทุน (และคิดจะลงทุน)มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัยครับ (ถ้าเรานิ่งเฉย อาจจะเกิดอะไรร้ายแรงแบบ SECC ตามมา)
แต่เมื่อมีคนมาชี้แจงไขข้อข้องใจแล้ว ถ้าเราได้กล่าวอะไรให้ร้ายผู้เสียหายเกินไปก็สมควรที่จะกล่าวขอโทษครับ Wink
น่าจะเป็นสิ่งที่สังคมนี้ (และสังคมอื่นๆ)ต้องการ
ขอโทษนะครับ
ใช่พี่ sorawut ที่ไปทานโออิชิด้วยกันหรือเปล่าครับ(งาน Meeting TVI )
ิอย่างไรก็ตามผมเห็นพี่ทำเป็นตัวอย่าง
ผมก็อดไม่ได้
ขอโทษ คุณ สว่าง ประจักษ์ธรรม ด้วยอีกคนครับ
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 11:19 am
โดย ลุงขวด
สรุปครับ โทร ไปถาม นักลงทุนสัมพันธ์ให้แล้ว ปรากฏว่า ท่านประธานไม่เคยรับเงินเดือนในฐานะ กรรมการผู้จัดการเลยครับ ที่ได้รับเป็นตำแหน่งประธานคณะกรรมการ...ที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติ ได้ปีละ 3 แสนบาทครับ.....ตั้งแต่ปีหน้าขอรับเดือนละ 250000 บาท ปีละ 3 ล้านบาทในตำแหน่งที่ปรึกษา.....มากหรือน้อยคิดกันเอาเองนะครับ ถ้าสุทธิกำไรปีละ 1xx ล้าน ก็เป็นค่าใช้จ่าย 2-3% ก็มีเหตุผลดีนะครับ พอรับกันได้ ... แต่ต้องขยันทำงาน ทำกำไรให้บริษัทเพิ่มมาก ๆ หน่อยนะครับ
:D
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 11:46 am
โดย miracle
ถ้าตามที่ลุงขวดสรุปสรุป ยอมรับได้แต่
บริษัท น่ามีการชี้แจงให้ชัดเจน ว่าทำไมถึงเป็นค่าตอบแทนในตำแหน่งที่ปรึกษาแทนที่เป็นค่าตอบแทนในตำแหน่งประธานกรรมการ
ถ้านักลงทุนทั่วไปอ่านเจอแบบนี้ก็ต้องนึกว่า ได้รับค่าตอบแทนสองตำแหน่งแน่นอน
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 11:47 am
โดย miracle
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลของลุงขวด
แบบนี้ก็มีด้วย
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 12:29 pm
โดย Juninho
แล้วประธานกรรมการมีหน้าที่อะไร
หากไม่ได้มีหน้าที่ในการบริหาร หรือให้คำปรึกษา
แก่คณะกรรมการ