หน้า 2 จากทั้งหมด 2
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 24, 2014 8:40 am
โดย ปรัชญา
ผมอ่านแล้วคิดว่าเป็นการเปรียบเทียบ
แต่การที่จะให้เข้าถึงจิตใจของทุกคน คงยากครับ
เราจะมีได้อย่างไรถ้าไม่เสาะแสวงหา
เมื่อแสวงหา ได้มาแล้วก็ต้องรักษามันไว้
อย่าเอาบรรทัดฐานคนอื่น มาเป็นมาตรฐานของเรา
โชคชะตาวาสนาของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ
บางคนอาจจะสำเร็จเสร็จสมความหวัง
แต่บางคนก็แค่ได้คิด แต่ไปไม่ถึง
และบางคน อาจจะไม่ได้คิดถึงเลย
ลองเอา....พระที่มีมูลค่าราคาเป็นล้าน
และเอาข้าวผัดกะเพาไก่ไข่ดาวพร้อมน้ำดื่ม
ไปส่งให้ขอทานข้างถนนเลือกหยิบได้1อย่าง ใน2อย่างนี้
ขอทานจะเลือกหยิบเอาอะไร
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 24, 2014 9:47 am
โดย untrataro25
ขอบคุณสำหรับบทความ งานเขียนดีๆครับ
" คนเราทุกวันนี้ ดิ้นรนไขว่คว้าหาสิ่งที่ไม่มี
และสุดท้ายทุกคนก็จะได้ในสิ่งเดียวกัน คือ ไม่ได้อะไรเลย "
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 24, 2014 9:57 am
โดย picatos
ปรัชญา เขียน:...
เราจะมีได้อย่างไรถ้าไม่เสาะแสวงหา
เมื่อแสวงหา ได้มาแล้วก็ต้องรักษามันไว้
...
บางสิ่งบางอย่างมีได้เพราะเสาะแสวงหา บางสิ่งบางอย่างมีได้แม้จะไม่เสาะแสวงหา และบางสิ่งบางจะมีได้เมื่อไม่เสาะแสวงหา
บางสิ่งบางอย่างมีได้ เมื่อมีแล้ว รู้จักแล้ว เห็นแล้ว จึงสละคืน
สุขอันปราณีตบางอย่าง เป็นเพราะ มีได้แต่เลือกที่จะไม่มี
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 27, 2014 2:39 pm
โดย WaayVI
picatos เขียน:ปรัชญา เขียน:...
เราจะมีได้อย่างไรถ้าไม่เสาะแสวงหา
เมื่อแสวงหา ได้มาแล้วก็ต้องรักษามันไว้
...
บางสิ่งบางอย่างมีได้เพราะเสาะแสวงหา บางสิ่งบางอย่างมีได้แม้จะไม่เสาะแสวงหา และบางสิ่งบางจะมีได้เมื่อไม่เสาะแสวงหา
บางสิ่งบางอย่างมีได้ เมื่อมีแล้ว รู้จักแล้ว เห็นแล้ว จึงสละคืน
สุขอันปราณีตบางอย่าง เป็นเพราะ มีได้แต่เลือกที่จะไม่มี
ขอบคุณพี่ picatos ครับ เห็นปุ๊บ "เย็น" เลยทีเดียว
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 27, 2014 4:08 pm
โดย PONG1259
ชอบมากครับ ขอนำไปแบ่งปัน ขอบคุณครับ
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 30, 2014 2:24 am
โดย นายมานะ
ขอบคุณพี่ตี่ picatos มากครับ ผมตามอ่านอยู่ได้หลายวันแล้ว แต่ยังไม่ตกผลึกจึงยังไม่ตอบกระทู้กลับ
ผมขออนุญาตถาม/ชวนคุยเพิ่มเติมนะครับ ผมลองตั้งคำถามว่าระหว่าง ความสุข กับ ความสำเร็จ อะไรเกิดก่อน และหลังจากได้คิด ได้ถาม ได้ตอบ ก็เริ่มเข้าใจ และมองย้อนกลับมาถึงประเด็นของกระทู้ที่ผมเคยมองข้างไว้ ที่ยังไม่ตกผลึกว่าเราสุขจากการที่เราสำเร็จในการลงทุน (หรือลงทุนสำเร็จ แล้วจึงค่อยหาความสุขด้วยวิถีทางอื่น) หรือเราสุขได้เอง โดยที่ไม่ต้องผ่านจุดใดๆ ในชีวิตเลย ขอลองยกตัวอย่างเปรียบเทียบจากคำถามที่ตั้งไว้นะครับ
1. ความสำเร็จ เกิดก่อน ความสุข
เป็นความสุขตามสัญชาตญาณดั้งเดิมของมนุษย์ คือความสุขที่เกิดจากความต้องการที่จะอยู่รอด (Survive) ด้วยการมีทรัพยากรที่มาก (ร่ำรวยเงินทอง) หรือมีพลังอำนาจในการปกครอง (มียศศักดิ์ หรือได้รับการยกย่องนับถือในสังคม) ตรงนี้เป็นความสุขในแบบของสัตว์โลก ที่สุขด้วยสัญชาตญาณ ไม่ใช่การใช้สติพินิจพิเคราะห์
2. ความสุข เกิดก่อน ความสำเร็จ
คือความสุขที่เกิดขึ้นจากการรู้กาย รู้จิต ความสุขทางใจ ที่เกิดขึ้นได้เอง ไม่ต้องรอให้เราผ่านไปถึงจุดใดในชีวิต เราก็มีมันได้เอง ไม่ต้องมี 100 ล้าน ไม่ต้องมีคนยกย่องนับถือ สุขจากความไม่ทุกข์ จากความสงบ ที่เราไม่ต้องฝืน ไม่ต้องสร้าง เพียงแต่ต้องค้นพบมันด้วยตัวของเราเอง เป็นความสุขในแบบสัตว์สังคม ที่เจริญสติปัญญาแล้ว
การไปสู่ขั้นที่ 2 โดยมีความพร้อมในขั้นแรกจึงเป็นไปได้ง่ายกว่า ยกตัวอย่างเช่น ชาวประมงที่มั่งคั่ง ย่อมมีเวลาให้กับการศึกษารสสุขจากการตกปลา โดยไม่ต้องกังวลว่าลูกสาวจะป่วยเมื่อใด เพราะมีเงินที่จะดับทุกข์ด้วยการรักษาลูกสาวได้ เมื่อไม่มีทุกข์ของสัตว์โลก ย่อมไปสู่ข้อ 2 ได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ดี การไปสู่ขั้นที่ 2 นั้น ไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นแรก ขอเพียงไม่ยึดติด ชาวประมงย่อมมีสุขกับการตกปลาได้ แม้ว่าลูกสาวจะป่วย และตัวเองไม่มีเงินรักษา กล่าวคือหากชาวประมงไม่ยึดติดกับลูกสาว เข้าใจความไม่จีรัง ย่อมสุขได้โดยการเข้าใจ หากแต่จุดนี้ไปถึงได้ยาก และไม่ใช่มนุษย์ (ซึ่งโดยปกติมีความเป็นสัตว์โลกในตัวไม่น้อย) จะไปถึงได้ทุกคน แต่การเจริญสมาธิ จะก่อให้เกิดปัญญาที่จะไปถึงได้
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 30, 2014 1:16 pm
โดย นายมานะ
ผมเอาคำถามที่ว่า เพราะสำเร็จจึงสุข หรือเพราะสุขจึงสำเร็จ เป็นที่ตั้ง จึงได้ข้อสรุปดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วคือเราสามารถสุขได้โดยไม่ต้องสนใจว่ามันคือความสำเร็จหรือไม่
ผมเห็นตัวอย่างค่อนข้างมากจากผู้ที่มีความพร้อมในทางกายและทางโลกแล้ว จึงได้มองหาความสุขจากภายใน ไม้เว้นแม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เริ่มต้นมุมมองนี้ในขณะที่เป็นชนชั้นกษัตริย์ แบบอย่างลักษณะนี้มีมาก แต่ในแบบที่ไม่มีความพร้อมใดๆ มากแต่ไปถึงจุดนี้ได้มีไม่มาก บุคคลหนึ่งที่ผมชื่นชมมากคือคุณปู่ ไป่ ฟาง ลี่ ที่ขี่สามล้อถีบทั้งชีวิตเพื่อเด็กกำพร้า ผมว่าคุณปู่เป็นปูชณียบุคคลที่ควรค่าแก่การยกย่องอย่างแท้จริง คือปู่ตามหาความสุขของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพากรอบคิดใดๆ จากสังคม ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ยศศักดิ์ หรือกระทั่งศาสนา ผมมีความรู้และประสบการณ์ไม่มาก แต่คุณปู่ถือเป็นไอดอลคนหนึ่งในชีวิตของผม
ผมไม่แน่ใจว่าข้อคิดเห็นของผมถูกต้องหรือไม่ หรือมีจุดบกพร่องตรงจุดใดบ้าง รบกวนพี่ๆ ช่วยชี้แนะด้วยครับ
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 30, 2014 3:55 pm
โดย picatos
จริงๆ แล้วความสุขกับความสำเร็จเป็นคนละเรื่องกันนะผมว่า แต่บางครั้งมันเนื่องกัน เลยทำให้เราเข้าใจว่ามันเกี่ยวกัน ซึ่งจริงๆ แล้วมันอ่านจะไม่เกี่ยวกันก็ได้...
เคยไหมที่ล้มเหลวแล้วมีความสุข... เคยไหมที่ประสบความสำเร็จแล้วไม่มีความสุข... ถ้าเคย... เราจะมั่นใจได้เลยว่าความสุขกับความสำเร็จจริงๆ แล้วเป็นคนละเรื่องกัน... และเพราะผมเจอความสำเร็จที่ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกข์เพราะความรุ่มร้อนใจ อยากได้ อยากมี อยากเป็น วุ่ยวายใจเป็นที่สุด ไม่สามารถหาความสงบได้อย่างตอนที่ยังล้มลุกคลุกคลาน นั่นจึงเป็นเหตุให้ผมสนใจศึกษาธรรมะ อยากที่จะได้ความสงบที่เสียไปกลับมา
ความสำเร็จ แม้ว่าเราจะอยากได้มันหรือไม่อยากได้มัน หากเราเพียรสร้างเหตุให้ถูกต้อง มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เพียรสร้างเหตุไปเรื่อยๆ วันหนึ่งมันก็สำเร็จเอง ไม่ว่าจะอยากได้มันหรือไม่อยากได้มัน ในทางกลับกัน แม้ว่าจะอยากได้มันมากขนาดไหน แต่ถ้าไม่สร้างเหตุมันก็ไม่มีทางสำเร็จ
ส่วนความสุขนี่ จริงๆ แล้วสุขนั้นมีหลายอย่าง มีหลายลำดับขั้น สุขทางโลก อย่างที่ได้ข้าวของอันปราณีต ได้กินของอร่อย ได้รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หรืออารมณ์ คำเยินยอ อันน่าปรารถนา จริงๆ แล้วหากพิจารณาดูดีๆ ของอร่อยกินเข้าไปอร่อยกินแค่ไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว แล้วถ้าเคยกินแล้ว กินซ้ำๆ วันดีคืนดีก็รู้สึกเฉยๆ งั้นๆ แถมดีไม่ดีจะเบื่อด้วยซ้ำ ทำให้เราต้องดิ้นรนไปหาของที่อร่อยยิ่งกว่านี้ รสชาติที่เราไม่เคยกินมาก่อน ร้านอาหารที่ปราณีตยิ่งขึ้นๆ พอได้เสพเสวยมันก็แค่อารมณ์ ณ ขณะหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ความติดใจยินดีอยากจะได้อารมณ์แบบนั้นอีกเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องดิ้นรน ออกแสวงหา เพื่อที่จะได้อารมณ์แบบนั้นอีก และระหว่างการแสวงหาเพื่อให้ได้มาซึ่งอารมณ์แบบนั้น หากสังเกตดูจะพบความร้อนรุ่มใจในการแสวงหาสิ่งนั้น สุขประเภทนี้จึงเรียกว่าสุขที่เจือไปด้วยทุกข์ ด้วยเหตุนี้นักลงทุนบางคนมีสิบก็อยากได้ร้อย มีร้อยก็อยากได้พัน มีพันก็อยากได้หมื่น พอไปถึงจุดหมายสุขได้ชั่วครู่หนึ่ง ก็อยากได้มากกว่านี้แล้ว ระหว่างที่แสวงหาก็วุ่นวายอยู่ไม่ใช่น้อย
สุขประเภทนี้จึงเป็นสุขที่ร้อน เป็นสุขที่เป็นเหตุแห่งทุกข์
จริงๆ แล้วยังมีความสุขอีกประเภทหนึ่ง ที่เป็นสุขที่เย็น เช่น สุขจากความพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี สุขจากความสงบ สุขจากการได้ทำประโยชน์ให้กับคนอื่น สุขจากการปล่อยวางจากภาระ จากความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ สุขจากความสงบระงับจากกิเลส เป็นต้น สุขประเภทนี้เป็นสุขอีกประเภทหนึ่งที่เราสามารถเข้าถึงได้บ่อยกว่าสุขประเภทแรก เพราะ สุขประเภทนี้เป็นสุขที่เกิดขึ้นในระดับจิต ซึ่งหากเราเข้าใจถึงการสร้างเหตุให้เข้าถึงความสุขประเภทนี้ได้ เราก็สามารถสร้างให้สุขแบบนี้เกิดขึ้นได้เรื่อยๆ บ่อยๆ ในชีวิต ไม่เหมือนสุขประเภทแรกที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้มันมา แถมได้มาแล้วก็สุขแค่ชั่วขณะ และก็ต้องวุ่นวายในการหามันมาอีก
กระบวนการเรียนรู้ของคนโดยทั่วไปจะถูกปลูกฝังให้คิดว่าความสำเร็จคือความสุข แต่เมื่อประสบความสำเร็จแล้วพบว่าสุขที่เกิดขึ้นไม่จีรัง พบว่าเป็นสุขที่ร้อน จึงแสวงหาความสุขที่ละเอียดปราณีตขึ้น แสวงหาสุขที่เย็น ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่หากยังไม่ประสบความสำเร็จจึงยังไม่ค้นหาความสุขที่เย็น เพราะ สุขที่ร้อนยังไม่เห็นแจ้ง การที่จะเข้าไปเห็นสุขที่เย็นนั้นจะเห็นได้ยากกว่า
อย่างไรก็ตามคนบางคนนั้นสั่งสมบุญบารมีมาในระดับหนึ่ง จึงเห็นว่าทางที่ดำเนินไป เป็นทางที่นำไปสู่สุขที่ร้อน จึงเลือกที่จะแสวงหาสุขที่เย็นตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ร่ำรวย ตอนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก ก็เป็นได้
จริงๆ แล้วมันมีหนทางที่จะดำเนินไปสู่ความสำเร็จ ที่สุขตั้งแต่ยังไม่สำเร็จ สุขขณะที่กำลังเดินทางไปสู่ความสำเร็จ และสุขแม้ว่าจะสำเร็จไปแล้วอยู่ทางหนึ่ง ทางสายนั้นก็คือทางสายกลางนั่นเอง หากคุณมานะมีโอกาส ผมอยากได้คุณมานะได้มีโอกาสได้สัมผัสความสุขที่เราเข้าถึงได้ด้วยตัวเองอยู่ทุกขณะที่เราวางใจตัวเองในตำแหน่งที่ถูก รู้วิธีการสร้างเหตุที่ถูกต้องในการเข้าถึงความสุขสงบสันติแบบนี้ แล้วคุณมานะจะเห็นว่าความสุขจากความสำเร็จนั้นยังมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน เรายังคงสุขใจทุกครั้งที่เราทำสิ่งต่างๆ สำเร็จ แต่เราไม่ไปยึดติด ยึดมั่นถือมั่นกับมันอีกต่อไป
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 31, 2014 3:33 pm
โดย Plant
" รวยเคว้งคว้าง!! "
เป็นคำที่ พี่หนุ่ม อาจารย์ของผมใช้ครับ ลองอ่านดูครับ...^^)
https://www.facebook.com/MoneyCoach4Tha ... 7670262376
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 03, 2014 1:34 pm
โดย นายมานะ
ขอบคุณพี่ Picatos อีกครั้ง สำหรับคำแนะนำครับ หวังว่าในสักวันหนึ่งผมจะสามารถไปถึงจุดที่เข้าใจจิตใจของตัวผมเอง และวางจิตของผมให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ตึงไป ไม่ผ่อนไป ถ้ามีโอกาสจะขออนุญาตสอบถามเป็นวิทยาทานอีกนะครับ ขอบคุณมากครับ
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 14, 2014 10:10 am
โดย jakkritlee
picatos เขียน:จริงๆ แล้วความสุขกับความสำเร็จเป็นคนละเรื่องกันนะผมว่า แต่บางครั้งมันเนื่องกัน เลยทำให้เราเข้าใจว่ามันเกี่ยวกัน ซึ่งจริงๆ แล้วมันอ่านจะไม่เกี่ยวกันก็ได้...
เคยไหมที่ล้มเหลวแล้วมีความสุข... เคยไหมที่ประสบความสำเร็จแล้วไม่มีความสุข... ถ้าเคย... เราจะมั่นใจได้เลยว่าความสุขกับความสำเร็จจริงๆ แล้วเป็นคนละเรื่องกัน... และเพราะผมเจอความสำเร็จที่ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกข์เพราะความรุ่มร้อนใจ อยากได้ อยากมี อยากเป็น วุ่ยวายใจเป็นที่สุด ไม่สามารถหาความสงบได้อย่างตอนที่ยังล้มลุกคลุกคลาน นั่นจึงเป็นเหตุให้ผมสนใจศึกษาธรรมะ อยากที่จะได้ความสงบที่เสียไปกลับมา
ความสำเร็จ แม้ว่าเราจะอยากได้มันหรือไม่อยากได้มัน หากเราเพียรสร้างเหตุให้ถูกต้อง มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เพียรสร้างเหตุไปเรื่อยๆ วันหนึ่งมันก็สำเร็จเอง ไม่ว่าจะอยากได้มันหรือไม่อยากได้มัน ในทางกลับกัน แม้ว่าจะอยากได้มันมากขนาดไหน แต่ถ้าไม่สร้างเหตุมันก็ไม่มีทางสำเร็จ
ส่วนความสุขนี่ จริงๆ แล้วสุขนั้นมีหลายอย่าง มีหลายลำดับขั้น สุขทางโลก อย่างที่ได้ข้าวของอันปราณีต ได้กินของอร่อย ได้รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หรืออารมณ์ คำเยินยอ อันน่าปรารถนา จริงๆ แล้วหากพิจารณาดูดีๆ ของอร่อยกินเข้าไปอร่อยกินแค่ไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว แล้วถ้าเคยกินแล้ว กินซ้ำๆ วันดีคืนดีก็รู้สึกเฉยๆ งั้นๆ แถมดีไม่ดีจะเบื่อด้วยซ้ำ ทำให้เราต้องดิ้นรนไปหาของที่อร่อยยิ่งกว่านี้ รสชาติที่เราไม่เคยกินมาก่อน ร้านอาหารที่ปราณีตยิ่งขึ้นๆ พอได้เสพเสวยมันก็แค่อารมณ์ ณ ขณะหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ความติดใจยินดีอยากจะได้อารมณ์แบบนั้นอีกเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องดิ้นรน ออกแสวงหา เพื่อที่จะได้อารมณ์แบบนั้นอีก และระหว่างการแสวงหาเพื่อให้ได้มาซึ่งอารมณ์แบบนั้น หากสังเกตดูจะพบความร้อนรุ่มใจในการแสวงหาสิ่งนั้น สุขประเภทนี้จึงเรียกว่าสุขที่เจือไปด้วยทุกข์ ด้วยเหตุนี้นักลงทุนบางคนมีสิบก็อยากได้ร้อย มีร้อยก็อยากได้พัน มีพันก็อยากได้หมื่น พอไปถึงจุดหมายสุขได้ชั่วครู่หนึ่ง ก็อยากได้มากกว่านี้แล้ว ระหว่างที่แสวงหาก็วุ่นวายอยู่ไม่ใช่น้อย
สุขประเภทนี้จึงเป็นสุขที่ร้อน เป็นสุขที่เป็นเหตุแห่งทุกข์
จริงๆ แล้วยังมีความสุขอีกประเภทหนึ่ง ที่เป็นสุขที่เย็น เช่น สุขจากความพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี สุขจากความสงบ สุขจากการได้ทำประโยชน์ให้กับคนอื่น สุขจากการปล่อยวางจากภาระ จากความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ สุขจากความสงบระงับจากกิเลส เป็นต้น สุขประเภทนี้เป็นสุขอีกประเภทหนึ่งที่เราสามารถเข้าถึงได้บ่อยกว่าสุขประเภทแรก เพราะ สุขประเภทนี้เป็นสุขที่เกิดขึ้นในระดับจิต ซึ่งหากเราเข้าใจถึงการสร้างเหตุให้เข้าถึงความสุขประเภทนี้ได้ เราก็สามารถสร้างให้สุขแบบนี้เกิดขึ้นได้เรื่อยๆ บ่อยๆ ในชีวิต ไม่เหมือนสุขประเภทแรกที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้มันมา แถมได้มาแล้วก็สุขแค่ชั่วขณะ และก็ต้องวุ่นวายในการหามันมาอีก
กระบวนการเรียนรู้ของคนโดยทั่วไปจะถูกปลูกฝังให้คิดว่าความสำเร็จคือความสุข แต่เมื่อประสบความสำเร็จแล้วพบว่าสุขที่เกิดขึ้นไม่จีรัง พบว่าเป็นสุขที่ร้อน จึงแสวงหาความสุขที่ละเอียดปราณีตขึ้น แสวงหาสุขที่เย็น ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่หากยังไม่ประสบความสำเร็จจึงยังไม่ค้นหาความสุขที่เย็น เพราะ สุขที่ร้อนยังไม่เห็นแจ้ง การที่จะเข้าไปเห็นสุขที่เย็นนั้นจะเห็นได้ยากกว่า
อย่างไรก็ตามคนบางคนนั้นสั่งสมบุญบารมีมาในระดับหนึ่ง จึงเห็นว่าทางที่ดำเนินไป เป็นทางที่นำไปสู่สุขที่ร้อน จึงเลือกที่จะแสวงหาสุขที่เย็นตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ร่ำรวย ตอนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก ก็เป็นได้
จริงๆ แล้วมันมีหนทางที่จะดำเนินไปสู่ความสำเร็จ ที่สุขตั้งแต่ยังไม่สำเร็จ สุขขณะที่กำลังเดินทางไปสู่ความสำเร็จ และสุขแม้ว่าจะสำเร็จไปแล้วอยู่ทางหนึ่ง ทางสายนั้นก็คือทางสายกลางนั่นเอง หากคุณมานะมีโอกาส ผมอยากได้คุณมานะได้มีโอกาสได้สัมผัสความสุขที่เราเข้าถึงได้ด้วยตัวเองอยู่ทุกขณะที่เราวางใจตัวเองในตำแหน่งที่ถูก รู้วิธีการสร้างเหตุที่ถูกต้องในการเข้าถึงความสุขสงบสันติแบบนี้ แล้วคุณมานะจะเห็นว่าความสุขจากความสำเร็จนั้นยังมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน เรายังคงสุขใจทุกครั้งที่เราทำสิ่งต่างๆ สำเร็จ แต่เราไม่ไปยึดติด ยึดมั่นถือมั่นกับมันอีกต่อไป
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 15, 2014 6:23 pm
โดย monz
ขออนุญาตเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัวนะคะ
มีคนรู้จักที่เกิดมาต้องแล้วเรียกได้ว่าร่ำรวยเลย ไม่ต้องขวนขวายอะไรมาก ทุกอย่างพร้อมสรรพ แต่กับมีปัญหาสุขภาพอยู่บ่อยหรือเรียกว่าต้องกินยากับข้าวกันตลอดเวลา
มีคนรู้จักที่เกิดมาหน้าตาเรียกว่าสะสวยและได้แต่งงานกับเศรษฐี ชีวิตจึงไม่ต้องขวนขวายอะไร แต่ก็มีปัญหาว่าสามีมีภรรยาเยอะ
มีคนรู้จักที่เกิดมายากจน ขยันทำงาน จนร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่พอกำลังจะวางมือ ก็มีปัญหาว่าไปตรวจโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และล้มป่วยตายไปในที่สุด
มีคนรู้จักที่เกิดมาไม่มีฐานะ เรียกว่าจนก็ได้ ชีวิตจึงต้องดิ้นรนขวนขวายตลอดเวลา อดทนทำงาน แต่เขาก็มองหาความสุขกับชีวิตที่เรียบง่ายของเขาได้
จะเห็นได้ว่าหลายๆครั้ง เราไม่อาจควบคุบในสิ่งต่างๆได้ไปซะทุกอย่างๆ มีดีก็มีเสีย มีขาวก็มีดำ
หากมองเห็นได้เช่นนี้ เราจะอาจพอมองออกมา ทุกอย่างมันอยู่ทีใจ และใจเท่านนั้น (^.^)....
จริงๆแล้ว ไม่ว่าที่ใดหรือเวลาใด เราทุกคนก็มีโอกาสที่จะทุกข์ได้ นั่นหมายถึง เราทุกคนก็มีโอกาสที่จะสุขได้ ไม่ว่าที่ใดหรือเวลาใด....ความสุขเกิดขึ้นได้เลย หากเพียงเราไม่ยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี
จงยืนมองทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตให้เหมือนยืนดูคลื่นที่กระทบฝั่ง ม้วนตัวเข้ามากระทบแล้วมันก็หายไป.....
ยิ้มได้เสมอ เมื่อเห็นราคาขึ้นหรือราคาลง....555555 (หัวเราะบ้างนะคะ เพราะชีวิตก็คือชีวิต)
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 10, 2016 10:49 am
โดย GOOD VI
ใกล้วันปีใหม่ ขออนุญาตินำกระทู้ทรงคุณค่า
ที่ท่านคนขายของเคยpostไว้ครับ
ท่านสรุปได้ดีมากๆครับ
Re: ช่วงชีวิตของนักลงทุน
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 12, 2016 1:05 am
โดย CARPENTER
แนะนำชาวพุทธให้อ่านพระไตรปิฏกเหมือน ชาวคริสต์ที่อ่านไบเบิล
หรือฟังพระไตรปิฎกจาก WWW ข้างล่างนี้
http://tripitaka-thai.blogspot.com/