Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ

ไม่ว่าช่วงเวลาที่ดี หรือเลวร้าย สุดท้ายมันก็จะผ่านไป
สิ่งสำคัญคือ ระหว่างที่เราเผชิญเหตุการณ์นั้นๆ

เราจะมองมันอย่างไร และตอบสนองอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ขอบคุณครับ ความคิดเห็นดีๆ ทั้งนั้น เป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้ความเป็น Vi จากทุกๆคน ก็ตอนที่มีวิกฤตเล็กๆตรงนี้ ผมว่ามันมีค่ากว่าตัวแดงๆ ที่มองเห็นในกระดานมากเลยครับ ในวิกฤตก็ย่อมมีโอกาสดังนี้นี่เอง

เราลงทุนในหุ้น เราก็ต้องย่อมทราบดีว่ามีความเสี่ยงและผันผวน

วันนึงก็ต้องมีวันแบบนี้ ผทว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของการลงทุนในหุ้นที่เราจะต้องพานพบ แบบนี้แน่นอน

ผมว่าโดยแท้จริง หลายคนก็ประเมินว่าจะต้องมีการปรับตัวลงบ้างแล้ว หลายคนก็เตรียมสำรองเงินสดในการซื้อเพิ่ม หรือได้ปรับพอร์ต ขายหุ้นที่เกินมูลค่าหรือ fair value ไปบ้างแล้ว

เพียงแต่ บางครั้งเราชอบมองโลกในแง่ดีเกินไป

ก็เท่านั้นครับ

ขอบคุณครับสำหรับกระทู้ดีๆ

กระทู้ดีครับ โดนใจ
เวลาตลาดหุ้นลง ผมมักจะหยิบ one up on wallstreet บทที่ 5 มาอ่าน วนไปวนมา
เรียกสติได้มากทีเดียว, และทุกครั้ง ไม่นานนักความสงบก็จะกลับมา
ไม่เชื่อ ปีเตอร์ ลินซ์ แล้วจะเชื่อใคร

ผมก็เชื่อปีเตอร์ลินซ์นะ

เห็นเค้าบอกว่าPe5ว่าถูกแล้ว แต่บางทีมันยังมาPe2 Pe3 :lol:

nanchan เขียน:ผมก็เชื่อปีเตอร์ลินซ์นะ

เห็นเค้าบอกว่าPe5ว่าถูกแล้ว แต่บางทีมันยังมาPe2 Pe3 :lol:

จะหนาวถ้ามันโดดไป PE ติดลบครับ ไม่มีกำไร

ถ้าของมันดีพอใช้ได้ Pe7 Pe8 Pe9 ก็อาจกลับมาได้เห็น

อย่าคิดมากไป

ส่วนหุ้นPe10ขึ้น ผมแทบไม่ค่อยเคยมีในพอร์ต ถึงจะเป็นSuper stockก็ตาม
เพราะหุ้นเมืองไทย ไม่ค่อยมีSuper จริงเท่าไหร่นัก

picklife เขียน:ใครดันกระทู้นี้มาถูกจังหวะจริงๆ^^ Panicกันมันส์เลยครับช่วงนี้^^ เอาใจช่วยเพื่อนๆทุกคนคร๊าบบบ
โดยส่วนตัวก็ไม่รอดครับแห๊ะๆ แต่ยังดีที่ลดมาร์จิ้นตลอดทางจนเหลือเงินสด30% ก็เลยยังพอทน^^

แต่ผมมองว่าไม่น่ากลัวนะครับ ถ้าเราลงเพื่อนๆก็ลง เป็นเรื่องธรรมดาของตลาดมากๆ ถ้าเล่นหุ้นแล้วหุ้นไปอย่างเดียว
ไม่มีลงคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้^^ แต่หากลงคนเดียวเพื่อนๆไม่ลงนี่ซิคงเครียด^^

สุดท้ายช่วงนี้ผมว่าเป็นช่วงที่ไม่ควรปิดคอมหนีจากตลาดไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะตลาดPanicมาลงทุกตัวจริงๆ
แต่งบก็ใกล้ออกมากๆ ดังนั้นน่าจับตาดูบริษัทที่ผลประกอบการณ์ออกมาดีๆ เชื่อว่าเป็นโอกาสมากๆๆๆๆครับ^^

ยินดีอย่างยิ่งครับที่โดนด้วยกัน

ผมกำไรหายไป 11% กว่าแล้ว

เมื่อวานกับวันศุกร์โดนแค่ 2% ดีใจ

วันนี้วันเดียว 9% ...............วันนี้เดียว

ขอแบบนี้ทั้งอาทิดนี้และอาทิดหน้า ผมจะเข้าขั้น coma ทันที

ต้องรอดูกันว่าบริษัทไหนลงไปขึ้น springboard กะบริษัทไหนลงน้ำ อย่างที่คุณ pick บอกดีที่ใกล้ประกาศแล้ว

ถ้าผลประกอบการ รายงานเป็นรายเดือนนี่เป็นเรื่อง 5555

มาดามเชื่อว่า การลงทุนแนววีไอ จะสามารถให้คุณภาพชีวิตที่ดี ที่เราเลือกได้
ในอนาคต ค่ะ

เหมือนกับการปลูกต้นไม้
เราปลูกต้นไม้วันนี้ เราหวังที่จะเก็บเกี่ยวดอกไม้ หรือผลไม้
ในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

วันนี้แดดอาจจะแรงไปนิด ทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉา
ยังไม่ออกดอก หรือติดผล

แต่สุดท้าย ต้นไม้ของมาดามต้องโตแน่นอนค่ะ เพราะติดใจแนววีไอเสียแล้ว

ขอบคุณมากจากเหตุการณ์ในช่วงวันนี้ ทำให้ทราบเลยว่า

2.อันนี้ประเด็นสำคัญครับศึกษาและรู้จักตัวนี้ไม่มากพอ ทำให้มั่นใจไม่เต็มร้อย ศัทธาไม่หมดใจ

เมื่อมีประเด็นอะไรมากระทบก็จะทำให้เราหวั่นไหว และอาจทำให้ขาดทุนได้

ซื้อแล้วขาดทุนเพราะซื้อตามเซียน ที่ราคายอดดอย :lovl:
แต่ตัวไหนที่เราวิเคราะห์เอง ยิ่งตก เรายิ่งชอบ ยิ่งซื้อ และพอร์ทก็ยังเขียวอยู่

วันนี้ผมเข้าใจเลยว่า ไม่รู้ ไม่มั่นใจ ไม่ได้วิเคราะห์เอง อย่าซื้อ และรักษาเงินต้นไว้ให้แน่นหนาที่สุด
ปล.ยังบวก แต่ลดลงเรื่อยๆเพราะหุ้นบางตัวในพอร์ท ซื้อตอนที่เค้าเชียร์ๆกัน (ต้องทะยอย cut )

ขอเสียงคนถือหุ้น 100% ตลอดการโดยไม่สน market noise ใดๆทั้งสิ้นหน่อยครับ !!!!! (หาแนวร่วมก่อน กลัวจะมีเราคนเดียว..... )

จัดไปครับ ไม่ใช่ ก็ใกล้เคียงละ

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:ขอเสียงคนถือหุ้น 100% ตลอดการโดยไม่สน market noise ใดๆทั้งสิ้นหน่อยครับ !!!!! (หาแนวร่วมก่อน กลัวจะมีเราคนเดียว..... )

กระพ้ม ใจไม่กล้าพอคร้าบ

Green เขียน:

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:ขอเสียงคนถือหุ้น 100% ตลอดการโดยไม่สน market noise ใดๆทั้งสิ้นหน่อยครับ !!!!! (หาแนวร่วมก่อน กลัวจะมีเราคนเดียว..... )

กระพ้ม ใจไม่กล้าพอคร้าบ

อิอิ

-ขอบคุณ คุณซาอิ มาตั้งกระทู้ในยามนี้

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:ขอเสียงคนถือหุ้น 100% ตลอดการโดยไม่สน market noise ใดๆทั้งสิ้นหน่อยครับ !!!!! (หาแนวร่วมก่อน กลัวจะมีเราคนเดียว..... )

ลงชื่อครับ :lol:

เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ ระยะสั้นๆเราอาจแพ้อาจเจ็บบ้างดูคนอื่นถือเงินสด ซื้อของได้ถูก ก็เศร้าใจ แต่เชื่อว่าในระยะยาวเราต้องประสบความสำเร็จ

สุภาษิต หมากล้อมบอกไว้ว่า " เราไม่อาจชนะในทุกสนามรบ แต่เราต้องชนะสงคราม" ดอยบ้าง ขาดทุนบ้าง ขายหมูบ้าง ซื้อควายบ้าง แต่ถ้าเรามีแผนลงทุนที่ดี ที่ถูก ต้องปลายทางเราต้องเป็นผู้ชนะในการลงทุนแน่นอน



ขอบคุรพี่sai ที่ค่อยให้กำลังใจนักลงทุนทุกคนครับ

ไม่รู้เป็นไง...ตั้งแต่ต้นปี 54 ที่ผ่านมานี้
ความคิดของผม เริ่มเปลี่ยนไปนะ
ผมเริ่มมองว่า..."หุ้นในพอร์ตของผม คือ Asset" อ่ะนะครับ

มากกว่านั้น ในสมองผม ไม่ได้จัดกลุ่มให้ "หุ้นของผม" เป็น "CASH AND CASH EQUIVALENTS"
ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ "CURRENT ASSETS" ซะด้วยซิ!!!

แต่สมองของผม สั่งการให้คิดว่า...
"หุ้นในพอร์ตของผม" จัดอยู่ในกลุ่ม "INVESTMENT IN ASSOCIATES AND/OR JOINT VENTURES COMPANIES"
ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ "NON-CURRENT ASSETS" อ่ะนะครับ

ดังนั้น เมื่อหุ้นเป็น Asset ที่อยู่ในหมวด Non-Current Assets
มันจึงไม่ต้องมานั่งกังวลกับการเปลี่ยนแปลงราคารายวัน
แต่เราเพียงแค่ "ใส่ใจในคุณภาพของสินทรัพย์ของเรา" เท่านั้นเอง
Quality ครับ...ไม่ใช่ Price

ดังนั้น จะมองว่า...หุ้นในพอร์ตของผม จะเป็นอะไรสักอย่างก็ได้ ไม่ว่ากัน
แต่ที่แน่ๆ จะต้องไม่ใช่ "สิ่งของ" ที่จะโยนกันไปโยนกันมา เพื่อการเก็งกำไรครับผม!!!

ช่วงนี้ผมคิดแบบนี้จริงๆนะครับ
(^_^)

สิ่งที่เอาชนะความกลัวได้คือ ความจริง
หุ้นลงจากจุดสูงสุด1050จุด ลงมาเหลือประมาณ960
ลงมาประมาณ90จุดหรือ9%
ถือเป็นการปรับฐานเล็กๆ
หุ้นขาลงจริงๆควรลงอย่างน้อย15-20%
ตั้งแต่หลังsubprimeปี08มา
หุ้นไทยเป็นขาขึ้นมาตลอด
ปีที่แล้วหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นที่3ของโลก
หุ้นลงเที่ยวนี้พอร์ทผมจากกำไรล้านกว่ากลับมาขาดทุน2ล้าน
แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
เสียดายแต่มีเงินสดไว้ข้อนหุ้นไม่มากพอ

พวกเราที่เป็นนักลงทุนมีหน้าที่สำคัญที่สุดคือ
สร้างระบบการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา
ให้ผลตอบแทนในระดับที่เราพอใจและมีความเสี่ยงต่า
ลงทุนไปเรื่อยๆอย่างยาวนาน
จนเรามีกำไรสะสมจำนวนมากและประสบการณ์สุกงอม
ถึงเวลานั้นแล้วต่อให้ตลาดหุ้นจะบ้าคลั่งขนาดไหน
ก็ไม่มีผลกับจิตใจเรา เพราะเราลงทุนตามระบบที่เรามั่นใจ
ตลาดยิ่งผันผวนกลับเป็นโอกาสให้เราทำกำไรได้มากขึ้น
จนบางครั้งอาจรู้สึกว่าการลงทุนสนุกน้อยลง
เพราะไม่มีอะไรทำให้ตื่นเต้น
ไม่เชื่อใครพบดร.นิเวศน์ลองถามแกดูว่า
หุ้นตกเที่ยวนี้รู้สึกอย่างไร
ผมรับรองว่าแกตอบว่า “เฉยๆ”


การพยายามคาดเดาหรือพยากรณ์ดัชนีหรือราคาหุ้น
ไม่ว่าจะดูกราฟใช้สูตรหรือโปรแกรม
เป็นเรื่องเสียเวลาและไร้สาระ
ถ้าจะมีอะไรพยากรณ์ตลาดได้จริง
ต่อให้ราคาเป็นแสนล้านก็มีคนซื้อ
แต่ความจริงคือมันไม่มี

แมงเม่าชอบคาดเดาตลาดหุ้นและลงทุนตามการคาดเดา
เซียนหุ้นไม่คาดเดาตลาดแต่มีแผนในใจอยู่แล้วว่า
จะตอบสนองอย่างไรในแต่ละภาวะของตลาดหุ้น

คนที่พูดมากรู้น้อยแบบผมไม่ใช่เซียน
เซียนจริงๆส่วนใหญ่รู้มากพูดน้อยหรือไม่พูดเลย
ยกเว้นเซียนใจดีหลายท่านในเวปviนี้

dome@perth เขียน:ความสนุก กำลังเริ่ม อีกรอบ.....ไม่เห็นจะท้อแท้เลย น้องเสอิ

ความสนุกเริ่มต้นอีกแล้วครับ น้องซาอิ

ความสนุก คือ ส่วนหนึงของความสูข

ลงทุนอย่างมีความสูขครับ

dome@perth เขียน:

dome@perth เขียน:ความสนุก กำลังเริ่ม อีกรอบ.....ไม่เห็นจะท้อแท้เลย น้องเสอิ

ความสนุกเริ่มต้นอีกแล้วครับ น้องซาอิ

ความสนุก คือ ส่วนหนึงของความสูข

ลงทุนอย่างมีความสูขครับ

เคยดูรายการนี้ไหมครับ ตอนลูกผม 2-3 ขวบ ชอบมากเลย เจ้า 4 ตัวนี้ชอบออกมาร้องว่า

"ถึงเวลา "ปรับพอร์ต" แล้วสิ" :lol: :lol:

drsp เขียน:สิ่งที่เอาชนะความกลัวได้คือ ความจริง
หุ้นลงจากจุดสูงสุด1050จุด ลงมาเหลือประมาณ960
ลงมาประมาณ90จุดหรือ9%
ถือเป็นการปรับฐานเล็กๆ
หุ้นขาลงจริงๆควรลงอย่างน้อย15-20%
ตั้งแต่หลังsubprimeปี08มา
หุ้นไทยเป็นขาขึ้นมาตลอด
ปีที่แล้วหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นที่3ของโลก
หุ้นลงเที่ยวนี้พอร์ทผมจากกำไรล้านกว่ากลับมาขาดทุน2ล้าน
แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
เสียดายแต่มีเงินสดไว้ข้อนหุ้นไม่มากพอ

พวกเราที่เป็นนักลงทุนมีหน้าที่สำคัญที่สุดคือ
สร้างระบบการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา
ให้ผลตอบแทนในระดับที่เราพอใจและมีความเสี่ยงต่า
ลงทุนไปเรื่อยๆอย่างยาวนาน
จนเรามีกำไรสะสมจำนวนมากและประสบการณ์สุกงอม
ถึงเวลานั้นแล้วต่อให้ตลาดหุ้นจะบ้าคลั่งขนาดไหน
ก็ไม่มีผลกับจิตใจเรา เพราะเราลงทุนตามระบบที่เรามั่นใจ
ตลาดยิ่งผันผวนกลับเป็นโอกาสให้เราทำกำไรได้มากขึ้น
จนบางครั้งอาจรู้สึกว่าการลงทุนสนุกน้อยลง
เพราะไม่มีอะไรทำให้ตื่นเต้น
ไม่เชื่อใครพบดร.นิเวศน์ลองถามแกดูว่า
หุ้นตกเที่ยวนี้รู้สึกอย่างไร
ผมรับรองว่าแกตอบว่า “เฉยๆ”


การพยายามคาดเดาหรือพยากรณ์ดัชนีหรือราคาหุ้น
ไม่ว่าจะดูกราฟใช้สูตรหรือโปรแกรม
เป็นเรื่องเสียเวลาและไร้สาระ

ถ้าจะมีอะไรพยากรณ์ตลาดได้จริง
ต่อให้ราคาเป็นแสนล้านก็มีคนซื้อ
แต่ความจริงคือมันไม่มี

แมงเม่าชอบคาดเดาตลาดหุ้นและลงทุนตามการคาดเดา
เซียนหุ้นไม่คาดเดาตลาดแต่มีแผนในใจอยู่แล้วว่า
จะตอบสนองอย่างไรในแต่ละภาวะของตลาดหุ้น

คนที่พูดมากรู้น้อยแบบผมไม่ใช่เซียน
เซียนจริงๆส่วนใหญ่รู้มากพูดน้อยหรือไม่พูดเลย
ยกเว้นเซียนใจดีหลายท่านในเวปviนี้

ชอบแนวคิดมากครับ สุดยอดจริงๆ
โพสท์บ่อยๆนะครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน
เห็นสมัครตั้งแต่ปี 05 แต่เพิ่งโพสท์ไป 50+ ครั้งเอง

ขอบคุณครับ พี่ drsp

.............................


หุ้นลงเที่ยวนี้ผมดีใจจริง ๆ สิ่งที่ค้างคาในใจได้ทำจริง ๆเสียที

ผมตั้งใจที่จะลดจำนวนหุ้นที่ถือครองลง ตอนนี้เหลือ 6 ตัวแล้ว อยากให้พอร์ตโฟกัสขึ้น เพิ่งทำได้ครั้งนี้ครับ

ใส่ความตั้งใจลงไป สมัยก่อนมีหุ้นที่เรารู้ไม่จริง ไม่รู้จักอยู่ ก็ไล่ออกไปหมด เหลือแต่หุ้นที่เราใช้เวลากับมันจริง ๆ

อย่างน้อยก็จะได้พิสูจน์วิธีการของเราแบบเน้น ๆ ไปเลย

เวิร์คไม่เวิร์คได้รู้กัน

[quote="unnop.t"][quote="วรันศ์ บัฟเฟต"]ขอเสียงคนถือหุ้น 100% ตลอดการโดยไม่สน market noise ใดๆทั้งสิ้นหน่อยครับ !!!!! (หาแนวร่วมก่อน กลัวจะมีเราคนเดียว..... )[/quote]

ลงชื่อครับ :lol:[/quote]

ผมด้วยคน
บัฟเฟต บอกว่าถ้าคุณทนเห็นมูลค่าหุ้นของคุณลงมาเหลือ ครึ่งหนึ่งไม่ได้คุณต้องเลิกเล่นหุ้น
แต่ผมรอบที่แล้ว Hamberger crisis ถืออยู่ 2 ตัว PTTAR จาก 39 บาท เหลือ 8 บาท PTTCH จาก 102 บาทเหลือ 28 บาท ยังถือได้หน้าตาเฉยครบทุกเม็ด
หุ้นลงงวดนี้ ยังฮาอยู่ครับ

pak เขียน:ไม่รู้เป็นไง...ตั้งแต่ต้นปี 54 ที่ผ่านมานี้
ความคิดของผม เริ่มเปลี่ยนไปนะ
ผมเริ่มมองว่า..."หุ้นในพอร์ตของผม คือ Asset" อ่ะนะครับ

มากกว่านั้น ในสมองผม ไม่ได้จัดกลุ่มให้ "หุ้นของผม" เป็น "CASH AND CASH EQUIVALENTS"
ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ "CURRENT ASSETS" ซะด้วยซิ!!!

แต่สมองของผม สั่งการให้คิดว่า...
"หุ้นในพอร์ตของผม" จัดอยู่ในกลุ่ม "INVESTMENT IN ASSOCIATES AND/OR JOINT VENTURES COMPANIES"
ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ "NON-CURRENT ASSETS" อ่ะนะครับ

ดังนั้น เมื่อหุ้นเป็น Asset ที่อยู่ในหมวด Non-Current Assets
มันจึงไม่ต้องมานั่งกังวลกับการเปลี่ยนแปลงราคารายวัน
แต่เราเพียงแค่ "ใส่ใจในคุณภาพของสินทรัพย์ของเรา" เท่านั้นเอง
Quality ครับ...ไม่ใช่ Price

ดังนั้น จะมองว่า...หุ้นในพอร์ตของผม จะเป็นอะไรสักอย่างก็ได้ ไม่ว่ากัน
แต่ที่แน่ๆ จะต้องไม่ใช่ "สิ่งของ" ที่จะโยนกันไปโยนกันมา เพื่อการเก็งกำไรครับผม!!!

ช่วงนี้ผมคิดแบบนี้จริงๆนะครับ
(^_^)

อ่านแล้วนึกว่าผมกำลังส่องกระจกอยู่

สำหรับผมแล้ว ผมยึดหลักความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ทำให้ผมไม่เคยถือหุ้น 100% อย่างน้อย ตัองมีเงินสดเผื่อไว้เสมอ กรณีเกิด panic sale ทำให้ได้เก็บหุ้นดีๆในราคาถูกๆ ที่จะถือยาว เพิ่มเข้าพอร์ตเสมอ ช่วงที่ผ่านมาก็ได้เก็บเข้าพอร์ตเพิ่มไปอีกพอสมควร โอกาสดีๆไม่ได้มีบ่อยๆครับ ถ้าเราไม่ได้เผื่อไว้ก็จะพลาดโอกาสไป

สำหรับ ผม ผ่านตลาดมาเยอะมาก ผมเข้าตลาดตอนปี 48-49ยังไม่ได้ศึกษา VI เล่นหุ้น Blue shipก็ โดนปฎิวัติสะ ทันทีหุ้นลงเหมือนกำลังอยู่บนรถไฟเหาะแล้วก็ลงมาที่พื้น50-100 จุด
49-50 หม่อม..อุ๋X ก็มาออกมาตรการกันสำรอง 30 % สุดยอด ลงเครื่องเล่นซุปเบอร์สแป๊ด dream world อีกรอบ แฮมเบอร์เกอร์ไคซิส 50-51 set -380- แม่เจ้า Port เหลือ 28-32 % เลิกดูสะ จำได้ Pttar ทุน 30 เหลือ 7 บาท SCC 215 เหลือ 110 Amata 9 บาท เหลือ 2 บาทlanna 15 เหลือ 4 บาท ประมาณเนี่ย สุดยอด ถือทนมาถึง 52 -53 เริ่มศึกษา VI ไป หลายตัวมีกำไร ผมถือว่า port 48-49 เป็น port เตรียมอนุบาล สำหรับคนที่ยังไม่เข้าโรงเรียน VI
จนต้นปี 53 ผมเพิ่ง มาศึกษา VI ก็ลองปรับport ดู พอดีตอนนั้น set 700-------> 1000 จุด
หุ้นหลายตัว ที่ถือมาปี 48-49 มีกำไร ลงดอยจริงๆ และก็ผมก็ยังไม่ได้ขาย ผมเพิ่งล้าง port ต้น ธค. set 1020-1030 จุด ลองมาคำนวณ รวมปันผล ปี 48-53 ได้ กำไร มา 53 % คิดเป็น 9 % ทบต้น โดยที่ไม่ได้นำเงินปันผลไปลงทุนต่อ (เพิ่งคิดเเบทบต้นเป้นตอนที่มาเป็น Vi เนี่ย ) ในใจก็หูคุ้มหวะ
ตอนนี้เป็น VI ขั้นอนุบาลอยู่ กลางปี 53 ก็ได้ลงทุนนำเงินใหม่ลงเมื่อกลางปีที่แล้ว ตอน เด็กสีแดง กำลังถล่มเมืองset 730 พค- มิย. พอมาปลายปี port ใหม่ +++ 41 % หูเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก เงินที่ลงก็เยอะกว่า port เก่า 3 เท่า ประมาณว่า ++เท่าตลาดแต่เพิ่งลงตอนกลางปี
ปี 54 เอง บริหารได้10- 12 % ก็เก่งแล้วครับเพราะปีนี้หวัง 10-12 % เพราะจะหวังขึ้นตาม set ไป 1200 ยากมาก


ก็อยากให้กำลังใจเพื่อนๆทุนคน ให้ยึดหลัก VI ให้แม่นแล้วจะประสบความสำเร้จในการลงทุนครับ

nattapon_wai เขียน: ตอนนี้เป็น VI ขั้นอนุบาลอยู่ กลางปี 53 ก็ได้ลงทุนนำเงินใหม่ลงเมื่อกลางปีที่แล้ว ตอน เด็กสีแดง กำลังถล่มเมืองset 730 พค- มิย. พอมาปลายปี port ใหม่ +++ 41 % หูเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก เงินที่ลงก็เยอะกว่า port เก่า 3 เท่า ประมาณว่า ++เท่าตลาดแต่เพิ่งลงตอนกลางปี
ปี 54 เอง บริหารได้10- 12 % ก็เก่งแล้วครับเพราะปีนี้หวัง 10-12 % เพราะจะหวังขึ้นตาม set ไป 1200 ยากมาก

ก็อยากให้กำลังใจเพื่อนๆทุนคน ให้ยึดหลัก VI ให้แม่นแล้วจะประสบความสำเร้จในการลงทุนครับ

ขอบคุณครับพี่ที่แชร์ อ่านแล้วเพลินดี^^ แต่มะค่อยเข้าใจที่ละบายสีแดงนะครับ?หมายถึงSETขึ้นไป1200ยาก หรือว่าพอร์ทพี่น่าจะโตน้อยกว่าSETหรอครับ???

janont เขียน:สำหรับผมแล้ว ผมยึดหลักความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ทำให้ผมไม่เคยถือหุ้น 100% อย่างน้อย ตัองมีเงินสดเผื่อไว้เสมอ กรณีเกิด panic sale ทำให้ได้เก็บหุ้นดีๆในราคาถูกๆ ที่จะถือยาว เพิ่มเข้าพอร์ตเสมอ ช่วงที่ผ่านมาก็ได้เก็บเข้าพอร์ตเพิ่มไปอีกพอสมควร โอกาสดีๆไม่ได้มีบ่อยๆครับ ถ้าเราไม่ได้เผื่อไว้ก็จะพลาดโอกาสไป

ไม่เคยถือ100%เลยหรอครับพี่???

พี่ลองทำModel +20%ติดต่อกัน4ปี ปีที่5-50%(ปล.ปีที่-50%เป็นปีไหนก็ได้นะครับ1-5ปลายทางเหมือนกัน)
แล้วลองดูว่า Port 25% 50% 75% 100% 125% 150% 175% 200% ณ.ปีที่5พอร์ไหนโตสุด^^