Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เวลาคำนวณอัตราการเติบโตของบริษัท เพื่อนๆคำนวณจากอะไรครับ

- book value
- EPS ===>>> paid up Capital คงที่
- Equity
ต้องเพิ่มขึ้น
-------------------------------------------------
Liabilities ลดลง

ยอดขาย กับ FCF ครับ

เดาล้วนๆ ครับ

เดา + ดู Growth ในอดีตประกอบด้วยไม่ให้หลุดโลก

ผมดู EPS กับยอดขาย ย้อนหลังหลายปีแล้วหาค่าเฉลี่ยนะครับ แล้วดูว่าไปในทิศทางเดียวกันไหม
เอ ผิด ไหมเนี่ย

กะๆเอาครับ :lol:
เช่น 5% 8% 10% 12% สูงสุดก็15%
เอามาหารตัวPE

ของผมใช้ sales, EPS หลายๆปีมาเขียนกราฟดูแนวโน้ม

บริษัท A ดำเนินธุรกิจ

โดยมีต้นทุน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) ที่ 50% ของราคาขาย
มีค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) ที่ 50 ล้านบาท โตขึ้นปีละ 5%
ค่าเสื่อมราคาปีละ 30 ล้านบาท
ภาษีที่ 25%

ถ้าบริษัทมียอดขาย 200 ล้านบาท
ต้นทุนก็จะเท่ากับ 100 ล้านบาท
กำไรก่อนภาษีจะเท่ากับ 20 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 15 ล้านบาท
กระแสเงินสดอิสระอย่างง่าย (กำไร + ค่าเสื่อมราคา) 45 ล้านบาท

ปีต่อมา บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 240 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20%)
ต้นทุนก็จะเป็น 120 ล้านบาท
กำไรก่อนภาษีจะเท่ากับ 40 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 30 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 100% )
กระแสเงินสดอิสระอย่างง่าย 60 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 33.33%)

เราควรใช้ ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือกระแสเงินสดอิสระ ในการคิดอัตราการเติบโตของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนจริงครับ

ทั้งสามค่ามีความแตกต่ากันมากทีเดียว ดังนั้นราคาหุ้นที่เราคำนวณก็จะได้แตกต่างกันมาก

ขอบคุณครับพี่ฉัตรชัย
มาเรียน จดจดจด..

คุณ ต.หยวนเปียว ผมอายุ 37 เองนะครับ

chatchai เขียน:คุณ ต.หยวนเปียว ผมอายุ 37 เองนะครับ

เรียกจนติดมือ(พิมพ์)แล้วครับพี่ฉัตรชัย
เปลี่ยนสรรพนามอีกทีขอเรียกครูได้ไหมครับ :lol:

ห้ามเรียกผมเป็นครู หรืออาจารย์นะครับ ความรู้ความสามารถของผมยังไม่ถึงขั้นเป็นครูหรืออาจารย์ได้หรอกครับ

เรียกผมว่าน้องก็ได้ครับ เป็นพี่ๆน้องๆกันครับ

เดาครับ

เราควรใช้ ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือกระแสเงินสดอิสระ ในการคิดอัตราการเติบโตของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนจริงครับ

คงต้องใช้อย่างระวังทั้ง3อย่าง

ยอดขาย ให้ระวัง%ของ net profit margin ของยอดขาย
หากยอดขายเพิ่ม แต่% npm ลด

กำไรสุทธิ ให้ระวังเรื่องคุณภาพของกำไร ที่อาจกลายเป็นแค่ลูกหนี้ทางการค้าที่ตามเก็บได้ยากหรือหนี้สูญ

กระแสเงินสด ให้ระวัง วิธีคิดค่าเสื่อม

อะไรที่ก้าวกระโดด เวลาตกมักเจ็บตัวหนัก
ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยน่าสนใจกว่า

ห้ามเรียกผมเป็นครู หรืออาจารย์นะครับ ความรู้ความสามารถของผมยังไม่ถึงขั้นเป็นครูหรืออาจารย์ได้หรอกครับ

คนที่ให้ความรู้คนอื่นได้ และยินดีให้ แบบพี่ ก็ถือเป็นครู อาจารย์ แล้วครับ

คนที่ให้ความรู้คนอื่นได้ และยินดีให้ แบบพี่ ก็ถือเป็นครู อาจารย์ แล้วครับ

ใช่ครับ ได้เรียนรู้วันเดียว นับถือเป็นครู อาจารย์แล้วครับ

ผมก็เข้ามาเรียนรู้อะไรอีกมากมายจากหลายๆคนครับ

เรียกว่าเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์กันดีกว่าครับ

สวัสดีครับ น้องฉัตรชัย :lovl: ขอบคุณเช่นกันครับ

ด้วยความยินดีครับพี่ CK

วันนี้ลูกกวนไหมครับ

ถามผู้บริหาร + เดาครับ

๊FCF คือ Utimate return ของผู้ถือหุ้นครับ ดังนั้น g คือต้องเป็นของ FCF

แต่ในทางปฏิบัติ FCF มักจะขึ้นลงไม่แน่นอนในแต่ละปีทำให้ทำนายยากมาก การประมาณ FCF จาก accrual-based parameters จะมีคุณภาพมากกว่า

แต่ก็มีปัญหาอีก เพราะ net profit ของหลายๆ บริษัทก็ผันผวนมาก เพราะ operating leverage, financial leverage อีกทั้งมีปัจจัุยหลายตัวมากส่งผลต่อ net profit อย่างรุนแรง เช่น non-recuring expenses ต่างๆ อาจทำให้ กำไรสุทธิเปลี่ยน 50% หรือ 100% qoq ได้สบายๆ

ดังนั้นส่วนตัวผมจะมอง revenue growth มากกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยที่สุด และตกแต่งได้ยาก และยังทำให้เรา conservative อีกต่างหาก เพราะ g ของ FCF มักจะสูงกว่า g ของ revenue เพราะบริษัทส่วนใหญ่มี fixed cost

ดังนั้นส่วนตัวผมจะมอง revenue growth มากกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยที่สุด และตกแต่งได้ยาก
รบกวนถามคุณสุมาอี้หน่อย ไอ้เจ้า revenue growth หามาได้อย่างไรและประเมิน g อย่างไร

โดยการศึกษาโครงการในอนาคตของบริษัทว่าเขาเอา retained earnings ไปทำอะไร ตรงนี้เป็นศิลปะเหมือนกัน เพราะเป็นการทำนายอนาคต ยิ่งเข้าใจธุรกิจของเขาดีเท่าไรก็จะยิ่งทำนายได้แม่นยำมากเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น BH ผมรู้ว่าเขากำลังสร้างตึก 22 ชั้นอยู่ เสร็จปีหน้า ผมก็ไปดูว่ามีกี่เตียง แล้วตึกเก่ามีกี่เตียง ลองเทียบบัญญัติไตรยางค์ดูก็จะรู้พอประมาณได้ว่ารายได้เขาน่าเพิ่มขึ้นจากการมีตึกใหม่สัก 60 เปอร์เซนต์ ดังนั้นปีหน้าอาจเพิ่มสัก 30% ปีต่อไปอีก 30% หลังจากนั้นก็เพิ่มปีละนิดหน่อยสัก 15% อะไรแบบนี้

แต่ถ้าเราไม่มีข้อมูลเลย (หุ้นไม่มี story) จะประเมิน g ได้ยากมาก หรือธุรกิจบางอย่างมีรายได้ไ่ม่แน่นอน ก็จะยิ่งประ้เมินยาก (เช่น รับเหมาก่อสร้าง) อย่างนี้ผมจะหันไปพึ่งอดีต คือดูว่าอดีตโตได้ประมาณเท่าไร ก็ไม่ควรจะให้หนีจากอดีตมากนัก

เดาครับ เอแต่เดานี่ยากจัง เพิ่อนๆ+พี่ๆ+น้องๆท่านใดมีประสบการณ์การเดาที่แม่นๆ ว่าไปดูหมอที่ไหน โปรดชี้แนะประสบกาณ์ด้วยครับ

เดาครับ เอแต่เดานี่ยากจัง เพิ่อนๆ+พี่ๆ+น้องๆท่านใดมีประสบการณ์การเดาที่แม่นๆ ว่าไปดูหมอที่ไหน โปรดชี้แนะประสบกาณ์ด้วยครับ

ตกลงเดาหุ้น หรือถามหาหมอดูครับ งง ถ้าสนใจดูดวง บอกได้นะครับ

asset ครับ asset generates growth

สำหรับผม ดูกำไรสุทธิเป็นอันดับแรก จากนั้นดูงบกระแสเงินสดครับว่าที่มาของเงินมาจากแหล่งไหน แล้วดูยอดขาย/รายได้ ปิดท้าย

แต่การคำนวณ การเติบโตของบริษัท ผมใช้อัตราเติบโตของกำไรสุทธิเป็นเกณฑ์ครับ

ยอดขาย กับ EBITDA ครับ

EBITDA คำนวณไว้เพื่อวิเคราะห์อะไรครับ มีประโยชน์อย่างไร