หน้า 1 จากทั้งหมด 1

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 11:52 pm
โดย คัดท้าย
วันนี้อ่านหนังสือ Keysian Economics เศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ - ปรีชา ทิวะหุต หน้า 143

"เทคนิคในการซื้อขายหุ้นนั้น ไม่ผิดอะไรกับการประกวดประขันที่หนังสือพิมพ์จัด โดยที่ให้ผู้ร่วมเข้าแข่งขัน เลือกภาพถ่ายสตรีที่ตัวเห็นว่าสวยหกภาพขึ้นมาจากกองภาพถ่ายกองโตนับร้อยภาพ หนังสือพิมพ์ฉบับนั้น จะมอบรางวัลให้แก่ผู้เข้าร่วมแข่งขันที่เลือกภาพถ่ายคนสวย ได้ใกล้เคียงกับภาพที่คนหมู่มากเลือกแล้วว่าสวย

ดังนั้น เพื่อให้ชนะการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันก็จะเลือกภาพสตรีที่ตนเองคิดว่าคนหมู่มากจะเห็นว่าสวย ไม่ใช่ภาพที่ตนเองเห็นว่าสวย และ คนแต่ละคนในบรรดาคนหมู่มากนั้น ก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้ในการเลือกภาพ

ในที่สุด ก็ไม่มีใครมองหาภาพคนสวยที่สุดในอุดมคติตน แต่ต่างมองหาภาพคนสวย ที่ตัวเองคาดว่าคนหมู่มากจะเห็นว่าคนนี้สวย"

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 11:54 pm
โดย Jeng
ไม่เห็นด้วยครับ

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 11:55 pm
โดย CK
คิดว่าเป็น Human Nature ครับ

แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่

The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 12:03 am
โดย CK
อืมม์ ทำให้โยงไปถึง Game Theory ที่คุณอะไรน๊า ยกขึ้นมา

หนึ่งใน Game Theory คือเกมที่ชื่อว่า Prisoner's Dilemma Game

วิธีการเล่นง่ายๆ คือ

มีนักโทษสองคน A กับ B ซึ่งกำลังโดนสอบสวนแบบแยกห้อง

โดยให้นักโทษแต่ละคนเลือกเอา ว่าจะสารภาพและกล่าวโทษเพื่อน
หรือจะเงียบ ไม่ยอมปริปาก

กฎคือ ถ้านักโทษคนนึงยอมสารภาพและกล่าวโทษเพื่อน
แต่เพื่อนปิดปากเงียบ คนที่ยอมเปิดปาก จะไม่ต้องติดคุก
ในขณะที่เพื่อนต้องติดคุกนาน 10 ปี

แต่ถ้านักโทษทั้งสองคนต่างก็กล่าวโทษซึ่งกันและกัน
จะต้องติดคุกกันคนละ 2 ปี

และถ้านักโทษทั้งสองคน ไม่เปิดปากทั้งคู่
จะโดนขังคุกกันคนละแค่ 6 เดือน


คิดว่า นักโทษส่วนใหญ่ จะเลือกแบบไหนครับ
เปิดปากกล่าวโทษเพื่อน หรือปิดปากไม่พูด


แล้วไอเดียนี้ เอามาใช้กับการเล่นหุ้นได้ไหมครับ

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 12:12 am
โดย MarginofSafety
ไม่เห็นด้วยครับ

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 3:42 am
โดย 2 dogs
เห็นด้วยครับ
วิธีการเลือกหุ้นของผมช่วงแรกคือเลือกหุ้นที่มั่นใจว่ากำไรจะคงที่ไม่ลดลง
และปันผลหนักๆ   ถ้าทุกคนเชื่อหลักการนี้จะไม่มีหุ้นpeต่ำกว่า8แน่ๆ
และหุ้นที่ไม่ปันผลจะไม่ได้รับการเหลียวแล

แต่ความจริงในตลาด
คนเลือกที่จะซื้ออนาคตด้วยpe 30 เพราะเชื่อว่ากำไรจะโตกว่า3เท่า
จากปัจจุบันและเชื่อว่าจะปันผลมากขึ้นในอนาคต  แม้ปัจจุบันจะไม่มีปันผล

คนเลือกที่จะซื้ออนาคตมากกว่าที่จะอยู่กับปัจจุบัน

ผมเองก็ต้องปรับตัวตามสภาพ

ในอดีต คนเลือกที่จะซื้อหุ้นไฟแนนซ์ ที่ดิน เพราะมันวิ่ง
บัดนี้ความเชื่อเปลี่ยนไป หุ้นกำไรโตมี growth ได้รับความนิยม
อนาคตจะเกิดความเชื่อใหม่ๆแนวคิดใหม่ๆหรือไม่

ก็สุดจะคาดเดา...

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 4:00 am
โดย 2 dogs
ปัจจุบัน หุ้นที่ผมเลือกก็เลยรวมทั้งความเชื่อส่วนตัวของผม
และความเชื่อของตลาดไว้ด้วยกัน

หุ้นหนี้สินน้อย ปันผลหนัก  กำไรโตบ้างแต่ไม่โตสุดๆ
peต่ำ ความมั่นคงค่อนข้างสูง โอกาสเสียส่วนแบ่งตลาดน้อย
คู่แข่งใหญ่เกินไปและทุ่มตลาดมานานแล้ว ถ้าจะเจ๊งคงดับไปนานแล้ว
สินค้าทดแทนยาก  ภัยคุกคามภายนอกน้อยมากด้วยmarginที่ต่ำของธุรกิจ
เพียงค่าขนส่งคู่แข่งจากต่างประเทศก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน
การขายมีการพ่วงบริการแถม ทำให้มีฐานลูกค้า
ลูกค้าอำนาจต่อรองต่ำ

ข้อเสียคือ มันเรื่อยๆไปหน่อย อยู่ไปวันๆ

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 9:16 am
โดย +++
:lol:  :lol:
เห็นด้วยครับ
มีส่วนจริง   ตรงกับ ทฤษฎีเกม เลยครับ  

แต่ในระยะยาว อาจไม่จริงครับ
Fact  (ผลประกอบการ) จะเข้ามาเป็นตัวแปร
ซึ่งจะมากำหนด ตัวแปรในเกมส์ใหม่
:lol:  :lol:

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 9:24 am
โดย อาฮุย
ผมขอวงร่วมด้วยนะครับ...ผมเห็นว่า
ถ้ากติกาว่าไว้อย่างนั้น  หากผมอยากเล่นเกมส์นี้ให้ชนะ ผมก็ต้องทำแบบนั้น...
แต่การเลือกหุ้น ไม่มีกติกานี้กติกาเดียวนะครับ ชนะหรือแพ้....
อยู่ที่ความคิด... :?:   :wink:

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 9:56 am
โดย chatchai
ความคิดเช่นนี้  อาจจะเป็นความคิดของคนส่วนใหญ่ที่เขามาพนันในตลาดหลักทรัพย์

แต่สำหรับความคิดของผม  ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่สำหรับลงทุนครับ  ลงทุนโดยหวังผลตอบแทนจากกิจการเป็นหลัก  ถึงแม้ผู้อื่นจะไม่สนใจ

ผู้ทำธุรกิจโดยบริษัทไม่ได้จดทะเบียนในตลาด  ไม่เห็นเดือดร้อนเลยครับ

การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์  ต่างกับการซื้องานศิลปะ

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 9:59 am
โดย สุมาอี้
Sir John Maynard Keynes เป็นหนึ่งในสองนักเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้ที่สามารถเอาความรู้ที่ตัวเองมีมาใช้สร้างฐานะให้ตัวเองกลายเป็นเศรษฐีได้ด้วย (อีกคนคือ David Ricardo) ท่านที่เหลือจนกรอบแทบทั้งนั้น ต้องนับว่า JMK ไม่ได้เก่งแต่ทฤษฎี แต่รู้จักใช้ชีวิตด้วยครับ

JMK ผู้นี้มีประวัติส่วนตัวที่น่าสนใจเพราะ ในชีวิตของเขานั้น เขากลายเป็นมหาเศรษฐีถึงสองครั้ง (จะมีคนในโลกนี้สักกี่คนที่กลายเป็นมหาเศรษฐีสองครั้ง) ที่กล่าวเช่นนั้นก็เพราะว่า JMK กลายเป็นเศรษฐีได้ด้วยการลงทุนในตลาดโภคภัณฑ์และตลาดค้าเงินตรา เสร็จแล้วเขาก็พลาดจนสิ้นเนื้อประดาตัว

แต่เขาก็ไม่หยุดแค่นั้น ยังกลับเข้าไปเล่นใหม่ แล้วก็กลายเป็นเศรษฐีอีก ครั้งหลังนี้รวยกว่าเดิมเสียด้วย

JMK คงมีสไตล์การลงทุนเฉพาะของเขาครับ ซึ่งจะดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่จะมองในมุมไหน แต่ถ้าดูจากผลสำเร็จจากการลงทุนของเขาแล้วคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นวิธีการที่ดีมากทีเดียว

เห็น JMK เป็นตัวอย่างแล้ว ก็อย่ายอมแพ้นะครับ หนทางที่ผ่านมาคืนการเรียนรู้ อาจเสียเงินบ้างแต่เราก็ได้รับประสบการณ์มาด้วย สักวันหนึ่งก็คงต้องเป็นวันของเรา

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 10:13 am
โดย miracle
ผมมองมุมกลับกันครับ
มันใช้ทางด้านจิตวิทยามวลชนครับ
ทุกคนอาจจะมองสิ่งเดียวกันไม่เหมือนกัน
แต่ว่าคนส่วนใหญ่จะเห็นคล้อยตามกัน

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 10:17 am
โดย nanakorn
ผมเห็นด้วยเพียงครึ่งเดียว

ผมเลือกหุ้นที่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะเห็นว่าสวยในอนาคต
ผมต้องพยายามหาบริษัทที่ผมคิดว่าในอนาคต คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าสวย  
ผมคิดว่าบริษัทที่คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าสวยในอนาคต จะต้องเป็นบริษัทที่มีคุณภาพตามที่ผมเห็นว่าจำเป็น โดยคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นว่าสวยในตอนนี้ก็ยิ่งดี

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 10:42 am
โดย สามัญชน
+++ posted
เห็นด้วยครับ
มีส่วนจริง   ตรงกับ ทฤษฎีเกม เลยครับ  

แต่ในระยะยาว อาจไม่จริงครับ
Fact  (ผลประกอบการ) จะเข้ามาเป็นตัวแปร
ซึ่งจะมากำหนด ตัวแปรในเกมส์ใหม่


เห็นด้วยกับคุณ+++ครับ

mr.market อาจจะฉุนเฉียวหงุดหงิดในระยะสั้น เข้าทำนอง EQ ต่ำ

แต่ในระยะยาวราคาหุ้นก็วิ่งไปหาผลประกอบการจริง เข้าทำนอง IQ สูง

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 10:46 am
โดย nanakorn
ขอพูดเรื่อง Game Theory ที่คุณคัดท้ายตั้งไว้อีกสักหน่อยครับ แต่่ขอเปลี่ยนตัวอย่างให้จินตนาการได้ง่ายขึ้นสักนิด

มีรายการ game ของญี่ปุ่นรายการหนึ่งที่ผู้เข้าเล่นจะต้องเลือกอาหารหนึ่งอย่าง จากตัวเลือกสองอย่าง ถ้าตนเองเลือกอาหารที่ผู้เข้าเล่นส่วนใหญ่เลือก ก็จะได้กินอาหารนั้น  ถ้าเลือกอาหารที่คนส่วนน้อยเลือก ก็จะไม่ได้กินอะไรเลย  ก่อนการเลือก ก็จะมีการแสดงการทำอาหารทั้งสองชนิด โดยมีพิธีกรสองฝ่ายที่พยายามแย่งผู้เล่นให้มาเลือกอาหารฝ่ายตน
คนเข้าเล่่นทุกคน แน่นอนมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือต้องการที่จะได้กิน
ดังนั้นตามเหตุผลที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือ ผู้เล่นทุกคน ไม่มียกเว้น ต้องพยายามเลือกอาหารที่คิดว่าจะได้รับการเลือกมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างกันได้คือ เหตุผลที่ผู้เล่นนำมาใช้ในการเดาว่าอาหารไหนจะได้รับการเลือกมากกว่า
ถ้าไม่มีข้อมูลพิเศษอะไร ผู้เล่นก็ต้องเดาว่า อาหารที่ดูน่าจะอร่อยกว่า น่าจะได้รับการเลือกมากกว่า  ก็คือผู้เล่นกลับมาใช้ ตัวอาหารในการตัดสินใจในที่่สุด

หุ้นก็เหมือนกัน ถึงแม้ว่าผู้ซื้อจะมีวัตถูประสงค์เบื้องต้นในการเดาใจผู้ซื้ออื่นๆ  แต่วิธีที่ใช้ในการเดาใจนี้มีได้หลายวิธีที่ไม่เหมือนกัน  บางท่านดูกราฟ  บางท่านมั่นใจว่าถ้าบริษัทดีมีคุณภาพ ในที่สุดผู้ซื้ออื่นๆก็จะให้ราคาที่สูงเอง

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 11:09 am
โดย คัดท้าย
ไม่มีผิดหรือถูกครับ แค่ยกมาให้อ่านเฉยๆ ก็ลองคิดๆกันดูครับ เห็นว่าคนนี้เค้าเป็นนักเศรษฐศาสตร์ในตำนานคนนึงเลย เห็นเค้าพูดแบบนี้เลยยกมาให้อ่านครับ

ผมก็เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วยในเวลาเดียวกันครับ สำหรับผม ต้องมีคำว่าดักทางก่อนเพิ่มเข้าไปด้วยครับ ถ้าคิดแบบนี มาทีหลังก็ดอยตุงครับ

แต่ต้องคิดแบบนี้ก่อน Mass 1 step เสมอ ....


ซึ่งผมก็มองว่าแนวแบบนี้ ไม่น่าใช้แนวทาง VI ครับ แต่ก็เอามาฝากกันแค่นั้นเอง

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 11:20 am
โดย tech
เห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์ครับ .... ถ้าคุณ คือ นักเก็งกำไร

แต่ไม่เห็นด้วยครับ  ถ้าคุณเป็นนักลงทุน

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 11:28 am
โดย คัดท้าย
[quote="tech"]เห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์ครับ .... ถ้าคุณ คือ นักเก็งกำไร

แต่ไม่เห็นด้วยครับ

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 11:49 am
โดย jaychou
ผมเชื่อว่า Value Investing เป็น trend ที่มาแรงในไทย และต้องยอมรับว่ารายใหญ่หลายค่าย ใช้การคัดหุ้นแบบ Value Investing เหมือนกัน นี่คือวิวัฒนาการของการลงทุนในเมืองไทย

สังเกตุหุ้นพื้นฐานดีและ undervalue หลายตัว จะถูกรายใหญ่เข้าซื้ออย่างดุเดือด และไล่ราคาอย่างร้อนแรงไม่แพ้หุ้นปั่นขนานแท้หลายๆตัว

ดร.นิเวศน์เคยเขียนเรื่องหุ้นพรรค์นี้ไว้ในบทความของท่านครับ(ถ้าหาเจอจะเอามาใส่ให้อ่าน)

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 11:50 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมเชื่อว่า Value Investing เป็น trend ที่มาแรงในไทย และต้องยอมรับว่ารายใหญ่หลายค่าย ใช้การคัดหุ้นแบบ Value Investing เหมือนกัน นี่คือวิวัฒนาการของการลงทุนในเมืองไทย 

สังเกตุหุ้นพื้นฐานดีและ undervalue หลายตัว จะถูกรายใหญ่เข้าซื้ออย่างดุเดือด และไล่ราคาอย่างร้อนแรงไม่แพ้หุ้นปั่นขนานแท้หลายๆตัว 

ดร.นิเวศน์เคยเขียนเรื่องหุ้นพรรค์นี้ไว้ในบทความของท่านครับ(ถ้าหาเจอจะเอามาใส่ให้อ่าน)
เห็นด้วยครับ การยกย่องพวกเดียวกันเป็นเรืองที่น่าสรรเสริญอย่างยิ่ง สู้ๆ VI

.......... เห็นด้วยกับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบนี้มั้ยครับ ???

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 5:36 pm
โดย pongto
ผมสงสัยในตัวเองเหมือนกันว่า
ถ้าผมกับเพื่อนยืนที่ชายหาดแล้วมีคนตะโกนว่า ซูนามิมา แล้วคนทั้งหมดก็วิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิต
ผมกับเพื่อนควรจะทำยังไงดี
1.วิ่งตามคนอื่นไว้ก่อน พอปลอดภัย แล้วค่อยหยุดดู ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็กลับมาใหม่
2.เอาห่วงยางมาใส่ไว้(ให้มีความน่าจะรอดมากขึ้นถ้ามาจริง) รอดูสักพัก ให้แน่ใจก่อนว่า ซูนามิมาแน่มั้ย  ถ้ามาแน่ๆค่อยวิ่งแต่อาจจะทำให้วิ่งหนีไม่ทัน

หรือเปลี่ยนเป็นมีคนตะโกนว่าไฟไหม้ที่ข้างบ้าน
1.เก็บของมีค่าก่อน แลววิ่งออกมา
2.วิ่งออกมาดูก่อน ถ้าไหม้จริง วิ่งกลับไปเก็บของมีค่าอีกที

ผมว่าการตัดสินใจงังไงก็ไม่ผิด
ขึ้นกับว่าประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมา สอนให้เราตัดสินใจแบบไหนด้วยความมั่นใจแค่ไหน แค่นั้นเอง
แต่ตัวผมเองขอตามคนส่วนใหญ๋ไว้ก่อน ยกเว้นบางครั้งที่มั่นใจจริงๆ ก็ขอแตกต่างบ้าง