บัตรกรุงไทย KTC ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 999
- ผู้ติดตาม: 0
บัตรกรุงไทย KTC ครับ
โพสต์ที่ 1
ผลประกอบการไตรมาส 1
Reviewed Quater 1/49
2006 2005
Net profit 135,148 167,248
EPS 0.53 0.66
Reviewed Quater 1/49 Consolidated
2006 2005
Net profit 0 167,248
EPS 0.00 0.66
ทำไมงบ Consolidated ถึงมี Net profit เป็นศูนย์ ใครทราบบ้างครับ
Reviewed Quater 1/49
2006 2005
Net profit 135,148 167,248
EPS 0.53 0.66
Reviewed Quater 1/49 Consolidated
2006 2005
Net profit 0 167,248
EPS 0.00 0.66
ทำไมงบ Consolidated ถึงมี Net profit เป็นศูนย์ ใครทราบบ้างครับ
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
-
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
บัตรกรุงไทย KTC ครับ
โพสต์ที่ 6
พูดถึง KTC นี่ มีหลายรายการที่รายได้เป็นของ KTC แต่รายจ่ายเป็นของ KTB
ทั้งนี้เพราะ KTB คิดไม่ถึงหรือว่าเพราะต้องการให้งบ KTC ออกมาดูดีไม่ทราบ
แต่หลังๆเริ่มแยกกันเด็ดขาด KTC คงรับรู้รายจ่ายจริงๆมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้เพราะ KTB คิดไม่ถึงหรือว่าเพราะต้องการให้งบ KTC ออกมาดูดีไม่ทราบ
แต่หลังๆเริ่มแยกกันเด็ดขาด KTC คงรับรู้รายจ่ายจริงๆมากขึ้นเรื่อยๆ
对不起,请问一下.
存货是什么意思 ?
存货是什么意思 ?
- Hero_man
- Verified User
- โพสต์: 270
- ผู้ติดตาม: 0
บัตรกรุงไทย KTC ครับ
โพสต์ที่ 7
ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่มีข้อมูลเป็นบทวิเคราะห์ของ บล. มาให้อ่านกันครับ
เริ่มจากเคจีไอ
บล.เคจีไอ : KTC แนะนำ ซื้อลงทุนระยะยาว ที่ราคาเป้าหมาย 24.5 บาท
คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวลดลง เป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญปรับตัวขึ้น
จากสัญญาณเชิงลบที่เราเห็นจากอัตราค้าชำระที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 1/49 โดยอัตราการ
ค้างชำระของธุรกิจเครดิตคาร์ต เท่ากับ 3.6% เพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในไตรมาส 4/48 และมากกว่า
เป้าที่ผู้บริหารตั้งไว้ที่ 3% ส่วนอัตราค้าชำระของสินเชื่อเจ้าของกิจการ ( KTC Million) เป็น
3.7% เพิ่มขึ้นจาก 2.4 % ในไตรมาส 4/48 และมากกว่าที่ผู้บริหารวางเป้าไว้ที่ 3% ด้วย และ
สำหรับอัตราค้าชำระของธุรกิจสินเชื่อบุคคลนั้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.8% ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าที่ผู้
บริหารกล่าวว่าอัตราค้างชำระควรจะผ่านจุดสูงสุดมาแล้วที่ 9% ซึ่งการปรับตัวขึ้นของอัตราค้าง
ชำระนี้ทำให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 1/49 เพิ่มสูงขึ้น 9% QoQ และ 37% YoY อย่าง
ไรก็ตามเราเชื่อว่าค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญนี้คงจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเรายังไม่เห็นว่า
ภาพรวมของเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นได้
ใช้กลยุทธ์แบบระมัดระวัง
KTC จะใช้กลยุทธ์แบบระมัดระวังในปีนี้ อัตราการอนุมัติสินเชื่อในช่วงปี 48 ซึ่งเป็นช่วงที่
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ปรับตัวลดลงมาที่ 30% จกที่ในปี 47 อัตราการอนุมัติสินเชื่อเคยสูงกว่า
50% ซึ่งเป็นเหตุให้การเติบโตของสินเชื่อในปี 48 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 30% ซึ่งลดลงครึ่งหนึ่ง
ของการเติบโตของปี 47 ซึ่งเมื่อเมื่อดูแล้วจากปัจจัยเชิงลบที่มากขึ้นในปีนี้ ทั้งทางการเมืองและ
ทางเศรษฐกิจ KTC คงปรับลดความเสี่ยงของบริษัทโดยการปรับลดอัตราการอนุมัติสินเชื่อมาอยู่
ที่ 20-30% และเรายังคาดว่าการเติบโตสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อเจ้าของกิจการจะปรับตัวลดลง
ในขณะที่สินเชื่อจาดเครดิตคาร์ตจะยังเติบโตได้
อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยปรับตัวลดลง
เงินกู้ยืมเดิมที่มีอยู่เริ่มหมดอายุ ในอดีตข้อดีอย่างหนึงของ KTC คือต้นทุนทางการเงินที่
อยู่ที่เพียง 3-4% เทียบกับอัตราดอกเบี้ยจาดสินเชื่อจากบัตรเครดิต และ 28% จากสินเชื่อบุคคล
ธรรมดา ในปัจจุบันหุ้นกู้ที่มีอยู่เดิมเริ่มหมดอายุ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินก้อนใหม่ปรับตัวสูง
ขึ้น หุ้นกู้ล่าสุดที่ KTC ออกมีต้นทุนทางการเงินสูงถึง 6.3% (Figure 2) และถ้าดูจากที่ในไตร
มาส 1/49 ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 92% การปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายนี้ก็จะยัง
คงมากขึ้นในไตรมาส 2/49 (ตารางหุ้นกู้ดูใน Figure 2) ดังนั้นเราเชื่อว่าในปีนี้ต้นทุนทางการเงิน
ของ KTC คงปรับตังเพิ่มขึ้น 141bps จาก 4.8% ของปีที่ผ่านมา
ปรับกำไรสุทธิลง 20-30%
เนื่องจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เราปรับประมาณการกำไรสุทธิของ KTC ลง 32% ในปี
นี้ และ 23% ในปีหน้าซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 49 ลดลง 27% จากปี 48
การประมาณการและคำแนะนำ
หลังจากที่เราปรับลดประมาณการลง เราก็ปรับลดราคาเป้าหมายเราลง 16% มาอยู่ที่
24.5 บาท (เดิมอยู่ที่ 29.2 บาท) จากวิธี DDM ( ใน Figure 4) บริษัทเทรดอยุ่ที่ 0.93 เท่า
P/BV แต่เราก็ยังไม่เห็น ปัจจับเชิงบวกที่จะมาหนุน และอนาคตก็ยังไม่ค่อยสดใสอีกด้วย และจาก
ที่ราคาปัจจุบันมี upside อยู่ 17% เราปรับลดคำแนะนำลงจาก ซื้อ เป็น ซื้อลงทุนระยะยาว
เริ่มจากเคจีไอ
บล.เคจีไอ : KTC แนะนำ ซื้อลงทุนระยะยาว ที่ราคาเป้าหมาย 24.5 บาท
คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวลดลง เป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญปรับตัวขึ้น
จากสัญญาณเชิงลบที่เราเห็นจากอัตราค้าชำระที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 1/49 โดยอัตราการ
ค้างชำระของธุรกิจเครดิตคาร์ต เท่ากับ 3.6% เพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในไตรมาส 4/48 และมากกว่า
เป้าที่ผู้บริหารตั้งไว้ที่ 3% ส่วนอัตราค้าชำระของสินเชื่อเจ้าของกิจการ ( KTC Million) เป็น
3.7% เพิ่มขึ้นจาก 2.4 % ในไตรมาส 4/48 และมากกว่าที่ผู้บริหารวางเป้าไว้ที่ 3% ด้วย และ
สำหรับอัตราค้าชำระของธุรกิจสินเชื่อบุคคลนั้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.8% ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าที่ผู้
บริหารกล่าวว่าอัตราค้างชำระควรจะผ่านจุดสูงสุดมาแล้วที่ 9% ซึ่งการปรับตัวขึ้นของอัตราค้าง
ชำระนี้ทำให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 1/49 เพิ่มสูงขึ้น 9% QoQ และ 37% YoY อย่าง
ไรก็ตามเราเชื่อว่าค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญนี้คงจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเรายังไม่เห็นว่า
ภาพรวมของเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นได้
ใช้กลยุทธ์แบบระมัดระวัง
KTC จะใช้กลยุทธ์แบบระมัดระวังในปีนี้ อัตราการอนุมัติสินเชื่อในช่วงปี 48 ซึ่งเป็นช่วงที่
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ปรับตัวลดลงมาที่ 30% จกที่ในปี 47 อัตราการอนุมัติสินเชื่อเคยสูงกว่า
50% ซึ่งเป็นเหตุให้การเติบโตของสินเชื่อในปี 48 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 30% ซึ่งลดลงครึ่งหนึ่ง
ของการเติบโตของปี 47 ซึ่งเมื่อเมื่อดูแล้วจากปัจจัยเชิงลบที่มากขึ้นในปีนี้ ทั้งทางการเมืองและ
ทางเศรษฐกิจ KTC คงปรับลดความเสี่ยงของบริษัทโดยการปรับลดอัตราการอนุมัติสินเชื่อมาอยู่
ที่ 20-30% และเรายังคาดว่าการเติบโตสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อเจ้าของกิจการจะปรับตัวลดลง
ในขณะที่สินเชื่อจาดเครดิตคาร์ตจะยังเติบโตได้
อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยปรับตัวลดลง
เงินกู้ยืมเดิมที่มีอยู่เริ่มหมดอายุ ในอดีตข้อดีอย่างหนึงของ KTC คือต้นทุนทางการเงินที่
อยู่ที่เพียง 3-4% เทียบกับอัตราดอกเบี้ยจาดสินเชื่อจากบัตรเครดิต และ 28% จากสินเชื่อบุคคล
ธรรมดา ในปัจจุบันหุ้นกู้ที่มีอยู่เดิมเริ่มหมดอายุ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินก้อนใหม่ปรับตัวสูง
ขึ้น หุ้นกู้ล่าสุดที่ KTC ออกมีต้นทุนทางการเงินสูงถึง 6.3% (Figure 2) และถ้าดูจากที่ในไตร
มาส 1/49 ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 92% การปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายนี้ก็จะยัง
คงมากขึ้นในไตรมาส 2/49 (ตารางหุ้นกู้ดูใน Figure 2) ดังนั้นเราเชื่อว่าในปีนี้ต้นทุนทางการเงิน
ของ KTC คงปรับตังเพิ่มขึ้น 141bps จาก 4.8% ของปีที่ผ่านมา
ปรับกำไรสุทธิลง 20-30%
เนื่องจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เราปรับประมาณการกำไรสุทธิของ KTC ลง 32% ในปี
นี้ และ 23% ในปีหน้าซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 49 ลดลง 27% จากปี 48
การประมาณการและคำแนะนำ
หลังจากที่เราปรับลดประมาณการลง เราก็ปรับลดราคาเป้าหมายเราลง 16% มาอยู่ที่
24.5 บาท (เดิมอยู่ที่ 29.2 บาท) จากวิธี DDM ( ใน Figure 4) บริษัทเทรดอยุ่ที่ 0.93 เท่า
P/BV แต่เราก็ยังไม่เห็น ปัจจับเชิงบวกที่จะมาหนุน และอนาคตก็ยังไม่ค่อยสดใสอีกด้วย และจาก
ที่ราคาปัจจุบันมี upside อยู่ 17% เราปรับลดคำแนะนำลงจาก ซื้อ เป็น ซื้อลงทุนระยะยาว
กระแสน้ำเปลี่ยนใจปลา..
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
- Hero_man
- Verified User
- โพสต์: 270
- ผู้ติดตาม: 0
บัตรกรุงไทย KTC ครับ
โพสต์ที่ 8
ตามด้วยกิมเอ็ง
บล.กิมเอ็ง : KTC แนะนำ 'ถือ' โดยมีราคาเป้าหมายที่เท่ากับ 24.0 บาท/หุ้น
ผู้บริหาร บมจ. บัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) ออกมาชี้แจงว่า แนวโน้มผลประกอบการ
กำไรสุทธิปี 2549 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2548 ที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักเกิด
จากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวในครึ่งปีหลังทั้งจากปัจจัยลบในเรื่องราคาน้ำมันและ อัตรา
ดอกเบี้ยที่ยังปรับเพิ่มขึ้นสูง ทำให้บริษัทฯ มีแนวโน้มในการทำธุรกิจที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
โดยจะเน้นในเรื่องคุณภาพของสินทรัพย์และปรับลดเป้าบัตรเครดิตใหม่ลดลงต่ำกว่า 250,000
บัตรในปีนี้ อย่างไรก็ตามจะเน้นในเรื่องรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มมากขึ้นโดยคาดว่า
จะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้รวม
เราเชื่อว่า KTC จะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ ซึ่งจะส่งผล
ให้อัตราส่วนกำไรสุทธิ (net profit margin) ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 7.8% ในปี 49 จาก
11.1% ในปี 48 โดยคาดว่า ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นสูงเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/49
เป็นต้นไปจากเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นสูง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดยังมีแนวโน้ม
ปรับตัวสูงต่อเนื่องจากการขยายฐานสินเชื่อในส่วนของสินเชื่อบุคคล (KTC cash revolve) รวม
ถึงค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้ฯที่อาจเพิ่มขึ้นจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่เสื่อมลงตามสภาพ
เศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ในปี 2549 เราประมาณการว่า KTC จะมีผลประกอบการกำไรสุทธิที่เท่ากับ 591
ล้านบาท ลดลง 9.4% เมื่อเทียบกับปี 48 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลประกอบการจะ
ดีขึ้นในปีถัดไปจากฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้รายได้ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ในระยะยาว
ราคาหุ้น KTC ปรับตัวลดลง 10.3% ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน KTC
มีการซื้อขายที่เพียงระดับ 0.9 เท่าของมูลค่าทางบัญชีในปี 49 อย่างไรก็ตาม จากผลประกอบ
การที่เหลือของปีมีแนวโน้มชะลอตัว ดังนั้นยังคงคำแนะนำ 'ถือ' สำหรับ KTC โดยมีราคา
เป้าหมายที่เท่ากับ 24.0 บาท/หุ้น หรือเท่ากับ 10.0x ของ 2006F PER
บล.กิมเอ็ง : KTC แนะนำ 'ถือ' โดยมีราคาเป้าหมายที่เท่ากับ 24.0 บาท/หุ้น
ผู้บริหาร บมจ. บัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) ออกมาชี้แจงว่า แนวโน้มผลประกอบการ
กำไรสุทธิปี 2549 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2548 ที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักเกิด
จากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวในครึ่งปีหลังทั้งจากปัจจัยลบในเรื่องราคาน้ำมันและ อัตรา
ดอกเบี้ยที่ยังปรับเพิ่มขึ้นสูง ทำให้บริษัทฯ มีแนวโน้มในการทำธุรกิจที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
โดยจะเน้นในเรื่องคุณภาพของสินทรัพย์และปรับลดเป้าบัตรเครดิตใหม่ลดลงต่ำกว่า 250,000
บัตรในปีนี้ อย่างไรก็ตามจะเน้นในเรื่องรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มมากขึ้นโดยคาดว่า
จะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้รวม
เราเชื่อว่า KTC จะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ ซึ่งจะส่งผล
ให้อัตราส่วนกำไรสุทธิ (net profit margin) ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 7.8% ในปี 49 จาก
11.1% ในปี 48 โดยคาดว่า ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นสูงเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/49
เป็นต้นไปจากเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นสูง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดยังมีแนวโน้ม
ปรับตัวสูงต่อเนื่องจากการขยายฐานสินเชื่อในส่วนของสินเชื่อบุคคล (KTC cash revolve) รวม
ถึงค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้ฯที่อาจเพิ่มขึ้นจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่เสื่อมลงตามสภาพ
เศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ในปี 2549 เราประมาณการว่า KTC จะมีผลประกอบการกำไรสุทธิที่เท่ากับ 591
ล้านบาท ลดลง 9.4% เมื่อเทียบกับปี 48 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลประกอบการจะ
ดีขึ้นในปีถัดไปจากฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้รายได้ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ในระยะยาว
ราคาหุ้น KTC ปรับตัวลดลง 10.3% ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน KTC
มีการซื้อขายที่เพียงระดับ 0.9 เท่าของมูลค่าทางบัญชีในปี 49 อย่างไรก็ตาม จากผลประกอบ
การที่เหลือของปีมีแนวโน้มชะลอตัว ดังนั้นยังคงคำแนะนำ 'ถือ' สำหรับ KTC โดยมีราคา
เป้าหมายที่เท่ากับ 24.0 บาท/หุ้น หรือเท่ากับ 10.0x ของ 2006F PER
กระแสน้ำเปลี่ยนใจปลา..
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
- Hero_man
- Verified User
- โพสต์: 270
- ผู้ติดตาม: 0
บัตรกรุงไทย KTC ครับ
โพสต์ที่ 9
สุดท้ายละกันครับ
บล.เอเซียพลัส
บล.เอเซียพลัส : KTC แนะนำ ขาย Fair Value 20.23 บาท
กำไรสุทธิลด จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
KTC ประกาศกำไรสุทธิงวด 1Q49 เท่ากับ 135 ล้านบาท ลดลง 19%yoy โดยรายได้รวม
เพิ่มขึ้น 36%yoy ตามการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยพอร์ตสินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อ
บุคคล (KTC Cash) และ สินเชื่อผู้ประกอบการ เติบโต 32%yoy, 15%yoy และ 37%yoy ตาม
ลำดับ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในระดับสูงกดดันเป็นตัวกดดันกำไรสุทธิให้ลดลง กล่าว
คือ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นถึง 37.4%yoy เนื่องจากการตั้งสำรองตามพอร์ตสินเชื่อที่ขยาย
ตัวขึ้น และการตัดหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัว
เพิ่มขึ้น 92%yoy ตามภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานยังเพิ่มขึ้นเป็น 56%
ของรายได้รวม จาก 53% ของรายได้รวมในงวด 1Q48 ทั้งนี้เมื่อเทียบกับงวด 4Q48 กำไรสุทธิ
ลดลง 15%qoq ตามค่าใช้จ่ายระดับสูงดังกล่าว โดยผลดำเนินงานงวด 1Q49 คิดเป็นเพียง
18% ของประมาณการกำไรสุทธิ 2548 ทั้งปีของฝ่ายวิจัยเท่านั้น
งวด 2Q49 คาดยังทรงตัวจากงวด 1Q49
แนวโน้มงวด 2Q49 คาดว่าผลประกอบการจะยังคงชะลอตัวเช่นเดียวกับงวด 1Q49 เนื่อง
จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กระเตื้องขึ้น และการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อ แม้ว่าการขยายสินเชื่อจะยัง
ทำได้ต่อเนื่อง แต่คาดยังมีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและดอกเบี้ยจ่ายที่จะยังกดดันกำไรต่อเนื่อง
ปรับลดประมาณการ แนะนำ ขาย
ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการปี 2549-50 ของ KTC ลงประมาณ 30% ให้สะท้อนค่าใช้
จ่ายสำรองหนี้สูญที่สูงกว่าคาดไว้มาก มูลค่าพื้นฐานอิง PBV 0.9 เท่า (จากเดิม 1.08 เท่า
สะท้อน ROE ที่ลดลง) เท่ากับ 20.23 บาท ราคาเกินมูลค่าไปแล้ว และผลประกอบการปี 2549
มีแนวโน้มจะลดลงกว่า 20%yoy จึงปรับลดคำแนะนำเป็น ขาย
บล.เอเซียพลัส
บล.เอเซียพลัส : KTC แนะนำ ขาย Fair Value 20.23 บาท
กำไรสุทธิลด จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
KTC ประกาศกำไรสุทธิงวด 1Q49 เท่ากับ 135 ล้านบาท ลดลง 19%yoy โดยรายได้รวม
เพิ่มขึ้น 36%yoy ตามการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยพอร์ตสินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อ
บุคคล (KTC Cash) และ สินเชื่อผู้ประกอบการ เติบโต 32%yoy, 15%yoy และ 37%yoy ตาม
ลำดับ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในระดับสูงกดดันเป็นตัวกดดันกำไรสุทธิให้ลดลง กล่าว
คือ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นถึง 37.4%yoy เนื่องจากการตั้งสำรองตามพอร์ตสินเชื่อที่ขยาย
ตัวขึ้น และการตัดหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัว
เพิ่มขึ้น 92%yoy ตามภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานยังเพิ่มขึ้นเป็น 56%
ของรายได้รวม จาก 53% ของรายได้รวมในงวด 1Q48 ทั้งนี้เมื่อเทียบกับงวด 4Q48 กำไรสุทธิ
ลดลง 15%qoq ตามค่าใช้จ่ายระดับสูงดังกล่าว โดยผลดำเนินงานงวด 1Q49 คิดเป็นเพียง
18% ของประมาณการกำไรสุทธิ 2548 ทั้งปีของฝ่ายวิจัยเท่านั้น
งวด 2Q49 คาดยังทรงตัวจากงวด 1Q49
แนวโน้มงวด 2Q49 คาดว่าผลประกอบการจะยังคงชะลอตัวเช่นเดียวกับงวด 1Q49 เนื่อง
จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กระเตื้องขึ้น และการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อ แม้ว่าการขยายสินเชื่อจะยัง
ทำได้ต่อเนื่อง แต่คาดยังมีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและดอกเบี้ยจ่ายที่จะยังกดดันกำไรต่อเนื่อง
ปรับลดประมาณการ แนะนำ ขาย
ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการปี 2549-50 ของ KTC ลงประมาณ 30% ให้สะท้อนค่าใช้
จ่ายสำรองหนี้สูญที่สูงกว่าคาดไว้มาก มูลค่าพื้นฐานอิง PBV 0.9 เท่า (จากเดิม 1.08 เท่า
สะท้อน ROE ที่ลดลง) เท่ากับ 20.23 บาท ราคาเกินมูลค่าไปแล้ว และผลประกอบการปี 2549
มีแนวโน้มจะลดลงกว่า 20%yoy จึงปรับลดคำแนะนำเป็น ขาย
กระแสน้ำเปลี่ยนใจปลา..
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...