หน้า 1 จากทั้งหมด 2

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 08, 2008 8:32 pm
โดย SunShine@Night
บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ เท่าที่ผมดูคร่าวๆ ไม่ค่อยเห็นเลยครับ

อ่านในหนังสือของ ลินซ์ รู้สึกเขาจะชื่นชอบกับบริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เพื่อนๆพี่ๆ มีความคิดเห็นกันว่ายังไงบ้างครับ :)

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:06 pm
โดย Elessar
SE-ED

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:28 pm
โดย f.escape
EPCO

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:34 pm
โดย SunShine@Night
SE-ED เนี้ย ซื้อคืนไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ใช่ไหมครับ

แต่ยังมีบริษัทที่ซื้อคืนสม่ำเสมอหรือเปล่า

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:42 pm
โดย oatty
RPC

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:49 pm
โดย KB
CSL อีกตัว

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 12:42 pm
โดย sicll
AH ก็ซื้อคืนเมื่อปี 49  แต่รู้สึกกว่ายิ่งซื้อราคายิ่งลง

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 3:29 am
โดย Ryuga
ก็มีเยอะนะครับ แต่ขอตั้งข้อสังเกตเรื่องการซื้อหุ้นคืนชองบริษัทแถวบ้านเราบ้างว่า :8)

1. กฎเกณฑ์

- การซื้อหุ้นคืนบ้านเราติดเกณฑ์ 10% 3 ปี และต้องกันกำไรสะสมไว้เท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายซื้อหุ้นคืน การซื้อหุ้นคืนกว่าจะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นจึงกินเวลานาน หุ้นที่หายไป 10% สามารถทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีส่วนความเป็นเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้นได้ 11.11% แต่พอเอา 3 หาร คิดเป็นต่อปีมันก็ไม่มากไม่มายอะไรนัก

เรื่องนี้ต่างจากแถว NYSE เพราะไม่ติดกฎแบบเรา บริษัทขนาดใหญ่ของเขาประกอบกิจการมานาน มีรากฐานมั่นคงกระแสเงินสดแข็งแกร่ง และเพราะเขาโตมานานจึงอาจไม่ค่อยมีแนวคิดดีๆ สำหรับการลงทุนเพื่อขยายกิจการ การซื้อหุ้นคืนจึงทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เงินสดถูกจ่ายโครมๆๆ ดูแล้วบางทีก็ขนลุก ผ่านไป 3-4 ปี บางทีเขาจ่ายเงินสดรวมทั้งสิ้นออกไปพอๆ กับส่วนของผู้ถือหุ้นทีเดียว ผลดีต่อผู้ถือหุ้นจึงเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน

2. วัตถุประสงค์

- เวลาซื้อหุ้นคืนเขาก็ย่อมอ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ ว่ามันดี แต่ที่จริงหลายครั้งมันมีวาระซ่อนเร้น บางทีก็ทำเป็นแฟชั่นไปอย่างนั้นเอง แถวบ้านเรานี้มีหลายครั้งมากที่เกิดการซื้อหุ้นคืนแบบโง่ๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นความโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่

ลักษณะที่โดดเด่นอย่างหนึ่งคือการอุ้มหุ้นตัวเอง เวลาที่กิจการประสบกับปัญหาจนทำให้กำไรร่วง แน่นอนว่าราคาหุ้นก็มักร่วงตาม บางครั้งก็จะเกิดการซื้อหุ้นคืนขึ้น ราคาหุ้นอาจทรงตัวไประยะหนึ่งจากนั้นก็ร่วงลงอีก และพอถึงตอนนั้นบริษัทก็มักไม่ยอมซื้อหุ้นคืนเพิ่มแม้วงเงินจะเหลือ ทำแบบนี้เพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

3. ผลลัพธ์

- การซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นลดลง ถ้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่นั้นปัญหาเรื่องสภาพคล่องคงมีไม่มาก แต่กับบริษัทขนาดเล็กย่อมเกิดปัญหา หุ้นบ้านเรานั้นมักดัดจริต ปกติจะกลัวหุ้นขาดสภาพคล่องมากกว่า ซื้อหุ้นคืนแป๊บๆ ก็ขายคืนซะแล้ว กำไรบ้างขาดทุนบ้าง สร้างความสลดสมเพชให้คนที่นั่งดูอยู่เพราะมองย้อนไปย่อมเห็นชัดว่าเขาไม่จริงใจจะซื้อหุ้นคืนแต่แรก เพียงหวังอุ้มหุ้นชั่วครั้งชั่วคราวสบโอกาสเมื่อไหร่ก็จะขายคืนตลาด

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 3:33 am
โดย Ryuga
สมัยก่อนยังเห็นหุ้น พาร์ 100 เดี๋ยวนี้ พาร์ 10 พาร์ 5 ก็หายาก อีกหน่อยคงได้เห็นแข่งกันแตกเป็นพาร์ 10 สตางค์ 1 สตางค์ บางบริษัทเขาก็ไม่อายฟ้าไม่อายดิน รวมหุ้นมาหมาดๆ ได้ปีหนึ่งก็แตกหุ้นเป็นพาร์ 10 สตางค์ เป็นต้น

ดูอย่าง PSL ที่ซื้อหุ้นคืน พอราคาหุ้นวิ่งขึ้นตามกระแสหุ้นเรืออีกครั้ง ก็ขายมาทำกำไรซะ ได้มา 172 ล้าน ซึ่งก็ยังดี แม้ความเป็นเจ้าของกิจการของผู้ถือหุ้นจะไม่เพิ่มแต่ส่วนของผู้ถือหุ้นก็มากขึ้น

ดูอย่าง LST มั่ง ทำท่าเป็นซื้อหุ้นคืน แต่พอจะครบ 3 ปี เป็นตะครั่นตะครอ กลัวจำนวนหุ้นจะลดเลยชิงขายหุ้นคืนตลาดหมด ตอนซื้อคืนใช้เงินไป 127 ล้าน ลงท้ายได้กำไรมา 5 ล้าน สร้างความอนาถสมเพชได้ตามสมควร

อย่าง SE-ED ก็ใช่ย่อย ซื้อหุ้นคืนหุ้นละ 6.20 บาท แต่พอราคาร่วงลงมาเหลือ 4 บาทกว่าๆ ก็ไม่ยอมซื้อคืนเพิ่มทั้งๆ ที่ยังไม่เต็ม 10% จะบอกว่าในขณะเดียวกันเขาก็ออก ESOP ต่างๆ แจกกรรมการและผู้บริหารไปพร้อมกัน เมื่อมองดูจึงรู้สึกเหมือนเขาซื้อหุ้นคืนเพราะไม่อยากให้เกิด dilution เท่านั้นเอง ไม่ได้หวังประโยชน์จริงจังอะไรกับผู้ถือหุ้น

น้อง SUSCO ก็ดูเหมือนจะเค้าข่ายสำคัญตัวเองผิด อาจเพราะราคาหุ้นร่วงเยอะทั้งๆ ที่กิจการเขาไม่ได้มีกระแสเงินสดที่น่าชื่นชมอะไรเลยแต่ก็ยังซื้อหุ้นคืนไปราคาหุ้นละ 70 สตางค์ ราคาตลาดตอนนี้เหลือครึ่งเดียวจากตอนที่ซื้อหุ้นคืน อยากรู้ว่าทำไมไม่ซื้อหุ้นคืนต่ออีก

CVD ก็น่าสนใจ ปี 41-45 เขาขาดทุนรวมกัน 684 ล้าน พอปี 47 รึว่าอดอยากปากแห้งมานานก็อ้างกันซื่อๆ ว่ากระแสเงินสดข้าพเจ้าเหลือเยอะ ประกาศซื้อหุ้นคืนหุ้นละ 50 บาท ก่อนหน้านั้นเห็นหุ้นวิ่ง 8 บาท 10 บาท จะซื้อแพงหา lance อะไรตั้ง 50 บาท ซื้อคืนแล้วก็เห็นหุ้นวิ่งอยู่แถว 10 กว่า 20 กว่า ยังดีนะที่สุดท้ายก็ยอมตัดหุ้นซื้อคืนทิ้ง

กรณีที่คลาสสิกมากต้องยกให้ GMMM เข้ามา IPO ปลายปี 45 หุ้นละ 30 บาท เข้าปี 46 ได้ไม่กี่เดือน ประกาศซื้อหุ้นคืนซะงั้น (แล้วจะเข้าตลาดมาหาอะไรฟะ :? ) ราคาซื้อคืนเฉลี่ยก็ 30 บาท ดูเหมือนตั้งใจพยุงหุ้นตัวเองที่ร่วงไปแถว 20 กว่าๆ แต่มันเด็ดที่สุดก็เพราะตอนปี 48 อากู๋แกอยากซื้อ MATI แต่เงินไม่พอ เลยเอาหุ้นที่ซื้อคืนมา 7.7 ล้านหุ้น ขายไปราคา 12.20 บาท เบ็ดเสร็จจึงเกิดผลขาดทุนราว 137 ล้านบาท ผมนั่งดูแล้วก็สลดลังเวชแทนผู้ถือหุ้น GMMM จริงๆ :?

การซื้อหุ้น MATI ครั้งนั้นก็ไม่ได้เป็นการลงทุนในราคาที่เฉลียวฉลาดอะไรเลย เห็นราคาจากที่เคยเฟื่องฟูแถว 40 บาท ในที่สุดลงไปเหลือ 6 บาท กว่าๆ ยอมรับจริงๆ ครับว่าผม สม water face แกมาก  :la:   แต่ตอนนี้ก็ฟื้นมาบ้างแล้วละนะ แต่คงต้องรออีกสักพักล่ะกว่าจะวิ่งได้มากๆ เพราะนักลงทุนคงเข็ดอุจจาระอ่อนอุจจาระแก่ฤทธิ์เดชอากู๋อยู่ ยังไม่ลืมกันง่ายๆ ว่างั้น  :?

ทิ้งท้ายกรณีดีๆ สักนิดคือ SCCC เพราะรู้สึกว่าเขาซื้อหุ้นคืนคล้ายๆ บริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ชมซะหน่อย  :8)

เรื่องในทฤษฎีฟังดูสวยหรูก็จริง แต่สำหรับตลาดหุ้นบ้านเรา ส่วนใหญ่ต้องไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งครับ  :8)

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 4:09 am
โดย MindTrick
Ryuga เขียน: ทิ้งท้ายกรณีดีๆ สักนิดคือ SCCC เพราะรู้สึกว่าเขาซื้อหุ้นคืนคล้ายๆ บริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ชมซะหน่อย  :8)
รบกวนเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานหน่อยได้ไหมครับ  :D

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 9:07 am
โดย tanate@man
MindTrick เขียน: รบกวนเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานหน่อยได้ไหมครับ  :D
SCCC เป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดอิสระสูงมาก (หลังจากปรับโครงสร้างหนี้ได้กลุ่งทุนจากสวิซ คือโฮลซิม) นอกจากปันผลต่อหุ้นในปริมาณสูงแล้วยังมีการซื้อหุ้นคืนอีกด้วย

จนถึงปัจจุบันมีการซื้อหุ้นคืน 2 ครั้ง
ครั้งแรก ครึ่งปีแรก 47        12.5 ล้านหุ้น
ครั้งที่สอง ครึ่งปีหลัง 49     7.5 ล้านหุ้น

ที่สำคัญคือ การซื้อหุ้นคืน ของ sccc ซื้อที่ราคาดีครับ ไม่ได้ซื้อที่ราคาแพงสุดโต่ง หรือซื้อเล่นเพื่อให้ข่าวสร้างราคาหุ้น  แล้วไปขายเวลาต้องการใช้เงิน แต่การซื้อหุ้นคืนเพราะมีสภาพคล่องส่วนเกินสูง แล้วก็ไม่ได้ไปขายคืนเมื่อครบสามปีตามกฎ กลต

ล่าสุดครับ 3 พฤษภาคม 2550 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ลดทุนชำระแล้วโดยวิธีตัดหุ้นทุนที่ซื้อคืนและยังไม่ได้จำหน่ายออกไปภายใต้โครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่ 1 จำนวน 12.5 ล้านหุ้น

เท่ากับหุ้นในบริษัทเหลือ 237.5 ล้านหุ้น จาก 250 ล้านหุ้น  เท่ากับตัวหารน้อยลง  :D

ผิดถูกอย่างไรพี่ริวแก้ไขให้ด้วยครับ

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 12:15 pm
โดย Ryuga
พี่ tanate@man แจ๋วมากเลยครับ  :cool:  :cool:

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 12:27 pm
โดย beammy
ตัวหารน้อยลง ว้าวววว  :8)  ...

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 10:34 pm
โดย mambo
IBM

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 1:44 am
โดย InSaNiTeRz
MBK ก็ซื้อหุ้นคืนนะครับ

ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 10:06 am
โดย SEHJU
โอ้โห.. ความรู้มหาศาล ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ

คุณริวกะสุดยอดจริงๆ..

ใครก็ได้ครับ ช่วยมาเอาคุณริวกะไปออกมันนี่ทอล์กทีเหอะ

อยากเห็นหน้าแกอ่ะครับ............

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:34 pm
โดย mambo
พี่ริวกะไปออกรายการแฟนพันธุ์แท้น่าจะเจิดจรัสกว่านะครับ ระดับ living encyclopedia เลยนะเนี่ย

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 12, 2008 9:57 pm
โดย NeoRicherz
คุณ Ryuga พอจะรู้ข้อมูลหรือช่วยวิเคราะห์ EPCO ได้ไหมครับ
เนื่องจากมีโครงการจะซื้อหุ้นคืนเร็วๆนี้ โดยเข้าที่ประชุมวันที่ 27 มี.ค. 08

http://www.settrade.com/simsImg/news/2008/08004003.t08

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 14, 2008 12:47 am
โดย TB
ถ้าจำไม่ผิด AIS ก็มีรายการนี้เหมือนกัน ซื้อแถวราคาประมาณ 30 บาท หลังจากนั้นไม่นาน ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดขายกลับลงกระดานหรือลดทุน

ขอโทษที่เขียนขึ้นมาลอยๆ เพราะไม่ทราบว่าช่วงปีไหน วานผู้รู้ช่วยวิจารณ์ตัวนี้ด้วยครับ

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 14, 2008 2:57 am
โดย akkhapon
mambo เขียน:พี่ริวกะไปออกรายการแฟนพันธุ์แท้น่าจะเจิดจรัสกว่านะครับ ระดับ living encyclopedia เลยนะเนี่ย
เห็นด้วยอยู่แล้วครับ สำหรับ คุณ L-Ryuga ของพวกเรา  :D

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 14, 2008 5:36 am
โดย Ryuga
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาเสมอครับ ตอนจะซื้อหุ้นคืนก็พูดดีหมดแหละ แต่หลังฉากซ่อนอะไรไว้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

โดยส่วนใหญ่แล้วการซื้อหุ้นคืนบ้านเราต่างมีจุดประสงค์เคลือบแฝงกัน เขาอาจใช้คำพูดหรูๆ ว่าการบริหารทางการเงินหรืออะไรทำนองนั้น ทั้งที่จริงอาจต้องเรียกว่าเล่นหุ้นตัวเอง ลองสังเกตนะครับว่าการซื้อหุ้นคืนสามารถทำให้เกิด demand เทียมต่อราคาหุ้นได้ หมายความว่ามันไปบิดเบือนราคาหุ้นที่ควรจะเป็นจากอารมณ์ตลาด หลังจากซื้อหุ้นคืนไปแล้วจึงมีโอกาสที่ต่อมาราคาหุ้นจะร่วงเพราะราคารับซื้อสูงกว่าราคาที่ตลาดให้

หากบริษัทแห่งใดๆ ก็ตามประกาศซื้อหุ้นคืนนั้น โดยทฤษฎีที่เราได้ยินได้ฟังมาเขาจะถือเป็นข่าวดี แต่นั่นไม่จริงสำหรับตลาดบ้านเราหรอก ผมพอได้ฟังก็เฉยๆ เพราะมันต้องดูกันต่อว่าเขาตั้งใจจริงอย่างที่ว่าไหมซึ่งบางครั้งมันก็ต้องดูนานกว่าจะออกลาย

เมื่อซื้อหุ้นคืนสมมุติว่าซื้อจนเต็มเพดาน 10% ส่วนความเป็นเจ้าของกิจการของผู้ถือหุ้นเดิมจะเพิ่มขึ้นทันที 11.11% แต่ที่ผมบอกว่าต้องเอา 3 หารก็เพราะแถวบ้านเรานั้นไม่ค่อยจะจริงใจกันแต่แรก หนำซ้ำการซื้อหุ้นคืนมันทำขณะที่ผลการดำเนินงานแย่ลง ราคาหุ้นตกต่ำ การมีส่วนเป็นของเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น 11.11% ในขณะที่กำไรของบริษัทร่วงลงครึ่งหนึ่งหรือไม่แน่อาจพลิกไปขาดทุนเลยนั้นไม่นับเป็นศิริมงคลอันใด เงินปันผลต่อหุ้นแทนที่จะเพิ่มอาจกลายเป็นลดลงหรืออาจไม่จ่ายก็เป็นได้ แย่ไปกว่านั้นเพราะหากราคาหุ้นฟื้น ความไม่จริงใจในการซื้อหุ้นคืนก็จะสำแดงเดชโดยการขายหุ้นต้านออกมาเพราะเขาสะบัดร้อนสะบัดหนาวกลัวจำนวนหุ้นจะลดเมื่อครบ 3 ปี ลงท้าย นักลงทุนที่ถือหุ้นผ่านเวลามายาวนานก็เพียงมีชื่อว่า ได้มีส่วนเป็นเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น 11.11% เป็นการชั่วคราว  :lol:

การซื้อหุ้นคืนอาจเป็นการอุ้มหุ้นตัวเองไม่ให้ร่วงด้วยการต้านอารมณ์ตลาดไว้ และในทางกลับกันมันก็จะเป็นแรงกดดันราคาหุ้นเมื่อขาขึ้นกลับมาอีกครั้งหากเขาขายต้าน ความจริงใจในการซื้อหุ้นคืนจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันเป็นอันดับหนึ่ง

EPCO นี่ ผมจะไม่วิจารณ์ครับ ต่างคนต่างพิจารณาได้ โดยทั่วไปเขาก็นับว่าอยู่ในฐานะที่ซื้อหุ้นคืนได้ครับ จำได้ว่าปีที่แล้วเห็นพี่นริศกับพี่ลูกอิสานคุยกันสองต่อสองด้วยนี่ครับ :wink: เรื่อง CSL เห็นพูดเรื่องซื้อหุ้นคืนด้วย อย่างที่กล่าวว่าพอได้ยินเรื่องซื้อหุ้นคืนปกติผมจะเฉยๆ กรณี CSL นี่ ซื้อหุ้นคืนเสร็จแล้วเป็นร่วงเลยทีเดียวแม้ 3 ไตรมาสหลังนี้จะประกาศผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตลอดแต่ตลาดไม่ค่อยตอบสนอง ยิ่งตอนนี้บริษัทถูกครอบงำโดย คุณก็รู้ว่าใคร เลยถึงขั้นลดพาร์มาจ่ายปันผลพิเศษกันเลยทีเดียวเชียว :P

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 14, 2008 2:20 pm
โดย Vangogh
ช่วงนี้เห็น RPC ก็ซื้อห้นคืนเยอะเหมือนกันครับ

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 16, 2008 3:00 am
โดย Huang007
สุดยอดครับ k.Ryuga ข้อมูลแน่นปึ๊ก
อยากรู้จัง k.Ryuga อายุเทาไหร่แล้วครับ ความจำต้องดีมาก จำรายละเอียดได้หมด
ขอบคุณ ที่แชร์ประสบการณ์ดีๆ

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 16, 2008 8:43 am
โดย Ryuga
กรณี ADVANC นี่ผมก็คุ้นๆ ว่ามีเหมือนกันแต่จำรายละเอียดไม่ได้ ย้อนดูรู้สึกว่ามีมติตั้งแต่ปี 45 ปี 46 ก็เริ่มซื้อคืนซึ่งมันก็จิ๊บจริงๆ แค่ 83 ล้านบาท 2.54 ล้านหุ้น (เฉลี่ยหุ้นละ 32 บาทกว่าๆ ) จากหุ้นทั้งหมดที่มีมากกว่า 2,900 ล้านหุ้น ถึงปี 49 ก็ตัดทุนจดทะเบียนลงไปเรียบร้อย ก็ไม่ค่อยจะมีผลอะไรครับเพราะเขาเล่นออกสารพัด ESOP มาตลอดทาง

ปีนี้ผมก็รอลุ้นอยู่ว่าเสี่ยประยุทธ์แกจะเอาไง เป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจเหล็กนั้นมีกระแสเงินสดรับจากการดำเนินงานห่วยๆ เป็นปกติ แต่เพราะปี 48 ราคาเหล็กร่วงแรง หุ้น IKNOCK ของเสี่ยแกพึ่งเข้ามา IPO ก็ร่วงระเนระนาดไปกะเขาด้วย แต่นัยว่าคนใหญ่คนโตที่หลวมตัวไปซื้อหุ้นแกก็เยอะอยู่ อาจจะทนเสียงก่นด่าไม่ไหวหรืออะไรทำนองนั้นแกก็เลยซื้อหุ้นคืนเมื่อปลาย 48 ช่วยฉุดราคาหุ้นที่ร่วงต่ำกว่าบาท ขึ้นมายืนแถว 1.20 บาท ได้พักหนึ่ง พอเลิกซื้อก็ร่วงกลับลงไปใหม่

ธุรกิจที่กระแสเงินสดรับแย่ ไม่เพิ่มทุนก็บุญนักหนาแล้วจะมาซื้อหุ้นคืนอะไรกัน หากสิ้นท่ากันจริงๆ ก็ต้องขายหุ้นทิ้งเพื่อคืนเงินสดกลับเข้าบริษัท TYCN ก็น่าสนใจนะครับ
Q4/48 ซื้อหุ้นคืน 2.2157 ล้านหุ้น ต้นทุนเฉลี่ย 7.14 บาท ก็ยังไม่มีอะไรแปลก
Q1/49 ซื้อเพิ่มอีก 7.1168 ล้านหุ้น เฉลี่ย 8.09 บาท ก็ยังไม่มีอะไรแปลก
แต่ Q2/49 ซื้อเพิ่มอีก 13.4479 ล้านหุ้น เฉลี่ย 10.12 บาท ทั้งๆ ที่ราคาตลาดอยู่แถว 8.50 บาท ถึง 7.00 บาท ต้นทุนที่ 10 บาท มันมาได้ยังไงน้า :wink:

กระทู้ชักจะมีสาระมากไปแล้ว เพราะพี่พอใจไม่อยู่ ไม่รู้จะคุยไร้สาระกับใคร ว่าจะลากพี่นริศเจ้าพ่อคุณไสยมาคุยด้วยน่ะครับ  :mrgreen:  ว่างๆ สอนวิชาคุณไสยให้ผมบ้างซิครับ  :oops:  :oops:  จะเอาไว้สาปแช่งพวกซื้อหุ้นคืนโดยมีวาระซ่อนเร้นให้อุจจาระราดน่ะครับ  :lol:

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 16, 2008 11:50 am
โดย artvr4
พี่ ryuga คร้าบ  

tycn นี่ตั้งแต่ เข้า มา ไม่เคย ทะลุipo หรือเปล่าครับ จำไม่ผิด ลงมาตลอด
ของเค้าดี จริงๆนะคร้าบ

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 16, 2008 12:03 pm
โดย กระทิงแดง
Ryuga เขียน:เรื่อง CSL เห็นพูดเรื่องซื้อหุ้นคืนด้วย อย่างที่กล่าวว่าพอได้ยินเรื่องซื้อหุ้นคืนปกติผมจะเฉยๆ กรณี CSL นี่ ซื้อหุ้นคืนเสร็จแล้วเป็นร่วงเลยทีเดียวแม้ 3 ไตรมาสหลังนี้จะประกาศผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตลอดแต่ตลาดไม่ค่อยตอบสนอง ยิ่งตอนนี้บริษัทถูกครอบงำโดย คุณก็รู้ว่าใคร เลยถึงขั้นลดพาร์มาจ่ายปันผลพิเศษกันเลยทีเดียวเชียว :P
ธุรกิจ CSL มาจาก 2 หลักก็คือการให้บริการ internet และ yellow page ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนต่ำ และ growth ก็ไม่มากด้วย
ส่วนตัวผมว่า ถ้า บมจ. มี free cash flow เยอะ ก็ควรปันผลออกมา ไม่ทางใด ก็ทางนึงนะครับ (เพื่อผู้ถือหุ้นโดยรวม เพราะใครๆก็ยากได้เงินลงทุนคืนครับ)

ถ้าให้ผมมองในฐานะนักลงทุน ก็สมควรคืนเงินครับ... :lol:  :lol:  :lol:

ส่วนเรื่องราคาหุ้น ไม่รับข่าวการซื้อหุ้นคืน อาจเป็นเพราะ
1. สภาพคล่องต่ำครับ
2. นักลงทุนบางส่วน ไม่ใช่ประเภท เน้นปันผลครับ พอบริษัทไม่น่าจะมี growth ก็ไม่คิดลงทุน
3. นักลงทุนบางส่วน อาจมองว่าหุ้นอย่างเช่น EMC, LIVE, BLISS น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าครับ... :lol:  :lol:  :lol:

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 16, 2008 2:21 pm
โดย zolomon
CSL ตอนแรกก็เหมือนจะดูดี แต่รู้สึกเดือนสองเดือนที่ผ่านมาผู้บริหารให้สัมภาษณ์ว่า ถ้ามีโอกาส ก็คงขายหุ้นที่ซื้อไปคืน ทำเอาผมงง ไปว่าแล้วจะซื้อคืนทำ_อก อะไร ถ้ากำไรก็โอเค แต่ถ้าขายขาดทุนนี่ ฮึ่ม  :evil:
แต่การจ่ายปันผลออกมาเยอะ ๆ นี่ผมเห็นด้วยนะครับ เพราะถ้าไม่รู้จะไปขยายกิจการอะไร จ่ายออกมาแบบนี้ดีกว่า ดีกว่า GMMM ที่เอาเงินไปละลายทิ้งกับ MATI, POST ที่จนบัดนี้ขาดทุนไปเท่าไหร่แล้ว

อีกบริษั่ทหนึ่งที่น่าชื่นชมคือ MBK ซื้อหุ้นคืนไปสามปีกว่าได้แล้วมั๊ง จนป่านนี้ยังไม่มีทีท่าจะขายคืน และคงไม่ขายแล้ว

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 19, 2008 5:55 am
โดย Ryuga
ลองสำรวจดู บริษัทที่ปัจจุบันนี้มีหุ้นซื้อคืนหรือหุ้นบริษัทที่ถือโดยบริษัทย่อยนอกเหนือจากที่ระบุในกระทู้มาแล้ว ประกอบไปด้วย :8)

CPF, MINT, PAF, SUC, MODERN, SITHAI, SUN, JCT, FNS, AH, TPIPL, CNT, M-CHAI, RAM, MATI, MEDIAS, P-FCB, ASIA, DTC, KCE, JAS, PT

สำหรับตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างบ้านเรา เขาต้องการให้เกิดการระดมทุนกันเยอะๆ มากกว่าที่จะมานั่งซื้อหุ้นคืนซึ่งเป็นเรื่องของกิจการที่โตเต็มที่จนเหลือกระแสเงินสดส่วนเกินมากมาย เรื่องตามทฤษฎีจากหนังสือหนังหาก็ไม่ได้ผิดพลาดอันใดเพียงแต่เขากล่าวถึงตลาดทุนที่โตมากแล้วแถวบ้านเขา ซึ่งไม่เหมือนกับบ้านเรา

ลองพิจารณาตามความเป็นจริง ตลาดบ้านเรานั้นอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ซึ่งผมยกไว้เป็นข้อสังเกตข้อแรกด้วยเรื่องซื้อคืนได้แค่ 10% และต้องถือไป 3 ปี หากบริษัทซื้อหุ้นคืนอย่างสม่ำเสมอแล้ว
สิ้นปีที่ 3 จะเหลือหุ้น 90% จากเริ่มต้น
สิ้นปีที่ 6 จะเหลือหุ้น 81% จากเริ่มต้น
สิ้นปีที่ 9 จะเหลือหุ้น 72.9% จากเริ่มต้น
สิ้นปีที่ 12 จะเหลือหุ้น 65.61% จากเริ่มต้น
สิ้นปีที่ 15 จะเหลือหุ้น 59.05% จากเริ่มต้น
สิ้นปีที่ 18 จะเหลือหุ้น 53.14% จากเริ่มต้น
เพื่อความง่าย อนุโลมว่าเมื่อสิ้นปีที่ 18 หุ้นจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง

การมีส่วนเป็นเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น 100% ภายในเวลา 18 ปี คิดเป็นอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีได้แค่ 3.93% เท่านั้น ห่วยแตกเสียไม่มี ลองนึกว่าหากกิจการนี้ไม่โต เพราะแกไม่ได้เอาเงินไปขยายกิจการแต่เอามาซื้อหุ้นคืน ผลก็จะออกมาแบบนี้

เรื่องนี้ต่างกับฟาก USA มาก เพราะเขาไม่มีกฎถ่วงความเจริญเหมือนบ้านเรา อยากซื้อหุ้นคืนท่าไหร่ ถ้ามีปัญญาพอก็ซื้อไปเลย นั่นสามารถทำให้จำนวนหุ้นลดลงไปได้ครึ่งหนึ่งภายในเวลาไม่กี่ปีและราคาหุ้นก็จะสูงขึ้นมาก จากนั้นเขาก็จะแตกหุ้นเพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ค่อนข้างแพร่หลายใน wall street ที่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ไม่อยากเห็นราคาหุ้นของตัวเองยืนสูงกว่า 100 เหรียญ ทำให้จำนวนหุ้นไม่ลดลงแต่ความเป็นเจ้าของกิจการของผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มขึ้น

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 19, 2008 5:58 am
โดย Ryuga
นักลงทุนไม่ว่าจะที่ไหนก็มักเป็นพวกซื้อๆ ขายๆ VI นั้นถือเป็นชนกลุ่มน้อย คนที่ตอบสนองข่าวซื้อหุ้นคืนเชิงบวกหลักๆ ก็คงเป็นชาว VI แต่ตามความเป็นจริง หากจะพิจารณาว่าการซื้อหุ้นคืนนั้นสมควรทำหรือไม่ก็ต้องดูว่าบริษัทมีหนทางที่ดีกว่าในการนำเงินส่วนนั้นไปสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นหรือเปล่าด้วย การจ่ายปันผลตรงๆ มันอาจจะดูไม่สร้างสรรค์แต่หลายครั้งมันดีกว่าการซื้อหุ้นคืน

ด้วยกฎของตลาดบ้านเรา การซื้อหุ้นคืนไม่มีผลบวกในเชิงรูปธรรมที่น่าประทับใจเลย ผมจึงกล่าวว่าผมเฉยๆ กับข่าวซื้อหุ้นคืน ที่จริงผมจะระแวงหน่อยๆ เพราะมันอาจเป็นการซื้อหุ้นคืนแบบมีวาระซ่อนเร้นหรือเพียงแต่เพราะผู้บริหารเขาพยายามจะทำตัวเองให้ดูสร้างสรรค์ ลงท้ายหลายๆ ครั้งมันเป็นเพียงกันชนของราคาหุ้นทำให้ขาลงก็ลงไม่มาก ขาขึ้นก็ขึ้นไม่มาก คนอยากจะได้ซื้อหุ้นราคาถูกๆ ก็เซ็ง คนที่ซื้อไปแล้วคิดว่าหุ้นจะขึ้นเยอะที่ไหนได้ก็โดนบริษัทขายหุ้นคืนตลาดต้านไว้เลยเซ็งไม่แพ้กัน

ตั้งแต่เข้าตลาดมา CSL ลงทุนในระดับ 2.0-2.6 เท่า ของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย แต่ตั้งแต่ Q2/49 เป็นต้นมา งบลงทุนของบริษัทถูกหั่นลงทุกไตรมาสเหลือเพียง 0.5-0.8 เท่า ของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพราะเอาไปจ่ายปันผล กรณีนี้ไม่เหมือนกับ SAUCE ของอาจารย์แพรนดี้ (แอบพาดพิง เผื่อผู้รู้ตัวจริงจะเข้ามาชี้แนะ :lol: ) ซึ่งอยู่ในธุรกิจที่มั่นคง ไม่จำเป็นต้องลงทุนมาก แม้เขาจะอยู่ในตลาดที่โตช้าๆ แต่กระแสเงินสดรับจากการดำเนินงานของเขาสูงกว่ากำไรสุทธิพอๆ กับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นผลให้ SAUCE สามารถจ่ายปันผลด้วยเงินสดทั้งหมดของกำไรสุทธิได้โดยไม่กระทบกับความสามารถทางการแข่งขันของบริษัท เพราะเขายังสามารถลงทุนรักษาสถานภาพทางการแข่งขันภายในตลาดโตช้าๆ ของเขาได้ตลอดไป ต่างจาก CSL ที่สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนของเขาจะหดขนาดลงเรื่อยๆ

เมื่อก่อนเคยเห็นรายได้ขายและบริการโตเป็นเลข 2 หลัก มา 6 ไตรมาสหลัง ไม่มีไตรมาสใดโตถึง 6% และมีอยู่ 2 ไตรมาสที่ติดลบ ผมสงสัยในศักยภาพทางการแข่งขันในอนาคตของ CSL ดูอย่าง ADVANC กำไร 5.51 บาท แต่ปันผล 6.30 บาท นี่เรียกว่าเขาถอนทุนคืน  :8)

บริษัทที่มีเงินสดเหลือ หรือมีกระแสเงินสดแข็งแกร่งมากนั้น ควรจะจ่ายปันผลให้มากครับ เรื่องนี้เห็นด้วยเต็มๆ อาจารย์แพรนดี้อยากเห็น SAUCE ซื้อหุ้นคืนหรือเปล่าครับ  :mrgreen:

บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหมครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 19, 2008 9:10 pm
โดย กระบี่อยู่ที่ใจ
คุณ Ryuga นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ  :bow: