หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 8:05 am
โดย Skyforever
ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

ถ้าจะถามคนที่มีประสบการณ์การลงทุนมายาวนาน คงจะไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่เคยเลือกหุ้นผิด การเลือกหุ้นผิดของแต่ละคน ก็แตกต่างกันไปตามความสามารถ ลักษณะนิสัยของคนนั้นๆ เท่าที่ผมได้สังเกต ความผิดพลาดในการเลือกหุ้นน่าจะแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ ประการที่หนึ่ง ความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการเลือกซื้อหุ้นที่คิดว่าดีไว้ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ดีอย่างที่คิด เมื่อเวลาผ่านไปจึงจะรู้ความจริง ซึ่งอาการที่มักจะสังเกตุได้ของความผิดพลาดประเภทนี้คือ "ติดดอย" และประการที่สอง ความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการเลือกที่จะไม่ซื้อหุ้น หรือขายหุ้นที่คิดว่าไม่ดี แต่แท้ที่จริงแล้วหุ้นตัวนั้นกลับกลายเป็นหุ้นที่ดีมาก ซึ่งอาการที่มักจะสังเกตุเห็นได้คือ "ตกรถ"
ความผิดพลาดทั้งสองอย่างนั้นล้วนไม่ส่งผลดีต่อผลการลงทุนของเรา หลายๆคนพยายามที่จะไม่ให้เกิดความผิดพลาดทั้งสองอย่าง จนไม่ได้ตระหนักว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทั้งสองอย่างพร้อมๆกันได้ ในชีวิตจริงเราจะต้องเลือกว่าเรายอมจะเกิดความผิดพลาดแบบไหนขึ้น แต่ความผิดพลาดอันไหนล่ะที่รุนแรงกว่า และเราจะทำอย่างไรเพื่อลดความผิดพลาดนั้น

ในความเป็นจริงแล้ว ความผิดพลาดจากการเลือก หรือตัดสินใจ มีให้พบเห็นกันทั่วไปในชีวิตประจำวัน ถ้าจะยกตัวอย่างให้ชัดเจน ก็คงเป็นการพิพากษาตัดสินในศาล หากเราลองเปรียบเทียบการเลือกหุ้นกับการตัดสินพิพากษาในศาล การเลือกซื้อหุ้นที่คิดว่าดี แต่ที่จริงเป็นหุ้นที่ไม่ดี ก็คงเปรียบได้กับการตัดสินว่าคนที่มีความผิดจริงนั้นบริสุทธิ์ และความผิดพลาดจากการเลือกที่จะไม่ซื้อหุ้นที่ดีไว้ ก็คงเปรียบได้กับการตัดสินจำคุกคนบริสุทธิ์

ข้อเสียของการติดสินผิดทำให้คนดีต้องติดคุกคือ มีคนบริสุทธิ์ต้องมาถูกลงโทษทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง ครอบครัวของเขาก็อาจจะต้องลำบากหรือทุกข์ใจไปด้วย ส่วนการตัดสินให้คนชั่วหลุดพ้นความผิดนั้น ก็มีข้อเสียเช่นกัน คือคนที่ทำชั่วไม่ถูกลงโทษ และอาจจะออกไปสร้างความชั่วให้กับคนในสังคมภายนอกได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก ในสังคมเรานั้นยอมรับ เห็นพ้องต้องกันว่าการตัดสินผิด ทำให้คนที่บริสุทธิ์ต้องได้รับโทษความผิดนั้นเป็นเรื่องที่รุนแรงกว่าการปล่อยคนชั่วลอยนวล จึงเป็นที่มาของรูปแบบการพิจารณาคดีทุกวันนี้ ที่ในเบื้องต้นจะถือว่าจำเลยทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากความผิด และหากไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาชัดเจนพอ ก็จะไม่สามารถเอาผิดกับจำเลยได้ ในทางตรงกันข้ามกัน หากสังคมใดเห็นว่าการปล่อยคนชั่วออกมาลอยนวลนั้นร้ายแรงกว่าการลงโทษคนดีแล้ว สังคมนั้นก็จะใช้หลักการพิจารณาความผิด โดยมีสมมุติฐานเบื้องต้นว่าทุกคนที่โดนกล่าวหาว่าผิดนั้นมีความผิดจริง และหากต้องการพ้นข้อกล่าวหา จะต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ถ้าหลักฐานนั้นไม่เพียงพอ ก็จะต้องได้รับโทษ

กลับมาสู่เรื่องการลงทุน และการตัดสินใจเลือกซื้อหุ้น โดยถ้าจะพิจารณาความผิดพลาดทั้งสองลักษณะคือ การซื้อหุ้นไม่ดี กับการไม่ได้ซื้อหุ้นดีนั้น จะพบว่าในทุกๆการตัดสินใจซื้อหุ้นนั้นเราจำเป็นต้องเลือกว่ายอมที่จะเกิดความผิดพลาดแบบไหนขึ้น เช่นเราอาจจะพบหุ้นตัวหนึ่งซึ่งเราพบว่ามี Upside มากเหลือเกิน ในขณะเดียวกันเราก็เห็นว่ามีความไม่แน่นอนบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับผลประกอบการของบริษัทได้และทำให้เสียหายมากมายได้ เมื่อเราพิจารณาหุ้นตัวนี้ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี เราก็ต้องเลือกระหว่างยอมซื้อผิด หรือยอมเสียโอกาสซื้อหุ้นที่ดี การซื้อหุ้นไม่ดีมีข้อเสียคือเราอาจจะขาดทุนได้จากราคาที่ตกต่ำลงไป ส่วนการพลาดไม่ได้ซื้อหุ้นที่ดีไว้นั้น มีข้อเสียคือเราจะไม่ได้กำไรจากการขึ้นแรงๆของหุ้นตัวนั้น

ถ้าถามนักลงทุนทั่วไป ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงจะมองเหมือนกันคือ เสียดายดีกว่าเสียใจ นั่นคือ ไม่ได้กำไรไม่ว่า แต่ขออย่าให้ขาดทุนเลย เหมือนกับกฎการลงทุนที่สำคัญที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เคยบอกไว้ว่า "จงอย่าขาดทุน"
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว หลักการนี้ไม่ได้ทำง่ายๆอย่างที่คิด เพราะถ้ามองหุ้นอยู่ 2 กลุ่ม คือ หนึ่ง หุ้นที่เป็นที่นิยม ธุรกิจกำลังโตอย่างรวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้กับธุรกิจ ที่ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากนัก แต่ถ้าเกิดแล้วก็จะกระทบกับมูลค่าของบริษัทอย่างรุนแรง หรือเป็นบริษัทที่เรามองอนาคตไปอีก 3-5 ปีข้างหน้าไม่ชัดเจน มีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และบางทีหุ้นของบริษัทเหล่านี้ก็ประเมินหามูลค่าที่เหมาะสมยากจนบางทีเราก็กะประมาณ P/E ตามความรู้สึกของเราเอง และหลายๆครั้ง ด้วยความรักหุ้นเป็นทุน เราก็มักจะให้ P/E ที่สูงเกินไปโดยไม่รู้ตัว
ส่วนหุ้นกลุ่มที่สอง เป็นหุ้นที่คนไม่ค่อยนิยมซื้อขายกันมากนัก ปริมาณซื้อขายต่อวันมักจะไม่ติดหนึ่งในสิบของตลาด แต่ว่ามีการเติบโตสม่ำเสมอเกือบทุกปี มีประวัติที่ดีอย่างยาวนาน อาจจะไม่ก้าวกระโดดมากนัก แต่ก็เติบโตไม่น้อยกว่า 15% ต่อปี ธุรกิจมีความแน่นอนสูง และคาดการณ์อนาคตของธุรกิจได้ค่อนข้างชัดเจน ผู้บริหารไว้ใจได้ และสามารถประเมินมูลค่าของกิจการได้ไม่ยากนัก

ผมสังเกตุเห็นว่า คนจำนวนมากมักจะเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มที่หนึ่งมากกว่า เพราะมักจะเลือกมองไปที่ Upside มากกว่าที่จะมอง Downside ถึงแม้ว่าหุ้นในกลุ่มที่สองจะสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอนกว่า แต่ก็ไม่ดึงดูดใจมากพอ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะเสี่ยงมากขึ้นแลกกับผลตอบแทนคาดหวังที่สูงขึ้น และในที่สุดก็จะมีคนจำนวนมากที่ขาดทุน ทั้งๆที่ได้ศึกษาข้อมูลบริษัทมาอย่างดี แต่ผิดพลาดจากการเลือกตัดสินใจ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 8:56 am
โดย o-bo-ja-ma
ขอบคุณพี่ skyforever มากครับ คงเป็นความผิดพลาด แบบ type I หรือ type II เป็นผม ผมขอแบบ type I แล้วกัน

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 8:59 am
โดย picatos
ผมแก้ปัญหาด้วยการลงทุนในสัดส่วนที่น้อย สำหรับหุ้น Upside สูง ความเสี่ยงสูง ประเมินมูลค่ากิจการได้ยาก

สัดส่วนการลงทุนนี่... พูดยากมาก... มันเป็นศาสตร์และศิลป์ในการลงทุนเลยทีเดียว... เวลามันจะออกมาเป็นตัวเลข...

สรุปว่า... การเลือกสัดส่วนนี่ จะมั่วๆ แล้วแต่บุญแต่กรรมยังไงไม่รู้... รู้แค่ว่าให้น้ำหนักมาก น้ำหนักน้อย ต้องระวัง หรือลุยได้สุดตัวก็พอ...

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 9:09 am
โดย ส.สลึง
เรื่องสัดส่วนลงทุนนี่
ผมก็ยอมรับว่าตัวเองทำไปแบบเทาๆ
แต่อย่างน้อย
ก็จะเรียงลำดับสัดส่วนได้
ตามระดับความมั่นใจครับ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 10:17 am
โดย todto
ขอบคุณครับพี่ เป็นบทความที่ดีมากครับ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 3:52 pm
โดย Murphy.Bkk
Skyforever เขียน:ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น
ความผิดพลาดในการเลือกหุ้นน่าจะแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ ประการที่หนึ่ง ความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการเลือกซื้อหุ้นที่คิดว่าดีไว้ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ดีอย่างที่คิด เมื่อเวลาผ่านไปจึงจะรู้ความจริง ซึ่งอาการที่มักจะสังเกตุได้ของความผิดพลาดประเภทนี้คือ "ติดดอย" และประการที่สอง ความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการเลือกที่จะไม่ซื้อหุ้น หรือขายหุ้นที่คิดว่าไม่ดี แต่แท้ที่จริงแล้วหุ้นตัวนั้นกลับกลายเป็นหุ้นที่ดีมาก ซึ่งอาการที่มักจะสังเกตุเห็นได้คือ "ตกรถ"
ความผิดพลาดแบบที่ 1 ที่เลือกซื้อหุ้นผิด คิดว่าดีแต่จริงๆแล้วไม่ใช่
อันนี้เราสามารถจำกัดผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ โดยรีบขายหุ้นนั้นทิ้งโดยเร็ว เมื่อรู้ว่าเราซื้อหุ้นหรือดูธุรกิจผิดพลาด "อย่าเก็บวัชพืชไว้" ครับ ถึงขาดทุนก็รีบขายโดยเร็ว

ส่วนความผิดพลาดแบบที่ 2 ประเภทที่ไม่ซื้อหุ้นที่ดี (ไม่นับรวมขายหุ้นที่คิดว่าไม่ดี)
อันนี้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆครับ เพราะหุ้นที่ดีมีอยู่จำนวนมาก เราไม่สามารถซื้อหุ้นทุกตัวที่ดี ที่ราคาขึ้นมากๆ ได้ ผมคิดว่าสิ่งที่เราทำได้และผมก็ยึดถือเป็นคติประจำตัวก็คือ "เราไม่สามารถซื้อหุ้นทุกตัวที่ดีได้ แต่หุ้นทุกตัวที่เราซื้อต้องดีแน่ๆ"

ดังนั้นก่อนเราจะซื้อหุ้นเราต้องทำการบ้านให้ดีที่สุดทุ่มเทแรงเพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นที่จะซื้อมันเป็นธุรกิจที่ดีสุดๆและเราอยากเป็นเจ้าของจริงๆ และเราก็ไม่ต้องเสียดายถ้าเห็นหุ้นที่ไม่ได้ซื้อกำลังวิ่งขึ้น :D

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 4:44 pm
โดย KGYF
ขอบคุณมากครับ


:bow: :bow: :bow:

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 10:20 pm
โดย yoyoeffect
"ส่วนหุ้นกลุ่มที่สอง เป็นหุ้นที่คนไม่ค่อยนิยมซื้อขายกันมากนัก ปริมาณซื้อขายต่อวันมักจะไม่ติดหนึ่งในสิบของตลาด แต่ว่ามีการเติบโตสม่ำเสมอเกือบทุกปี มีประวัติที่ดีอย่างยาวนาน อาจจะไม่ก้าวกระโดดมากนัก แต่ก็เติบโตไม่น้อยกว่า 15% ต่อปี ธุรกิจมีความแน่นอนสูง และคาดการณ์อนาคตของธุรกิจได้ค่อนข้างชัดเจน ผู้บริหารไว้ใจได้ และสามารถประเมินมูลค่าของกิจการได้ไม่ยากนัก"

ในบางครั้ง หุ้นกลุ่มที่สอง พอนานไป คนเริ่มเห็นคุณค่า กลายมาเป็นที่นิยม มีstory มากมายจน PE มาสูงได้ จนกลายไปเป็นกลุ่มที่หนึ่ง ได้เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ คนที่มองเห็นก่อนต้นทุนจะต่ำมาก และราคาก็สะท้อนอนาคตไปอีกพอสมควรด้วยครับ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2011 11:40 pm
โดย ซากคน
บทความนี้เข้ามาได้ถูกเวลาที่สุด :bow:
ผมกำลังพิพากษาความผิดทางการลงทุน ที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นเลยครับ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 11:51 am
โดย Saran
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ พออ่านแล้วกลับไปย้อนดูข้อมูลหุ้นเก่าๆที่อยู่ในกรอบที่จะซื้อขายดู พบว่าผมเป็น
พวกที่ตกรถ กับ ขายหมู มากกว่าซื้อหุ้นติดดอยแหะ

พอวิเคราะห์ตัวเองต่อ พบว่าเป็นพวกกลัวขาดทุน ไม่กล้ารีบเข้าซื้อ ต้องหาข้อมูลมาอ่านเยอะๆก่อน สุดท้ายก็ตกรถไป
ซะหลายตัว (พอวิเคราะห์เสร็จ เห็นราคาขึ้นมา 10-20% จากวันที่เริ่มสนใจ ก็ไปต่อราคากับ Mr.Market อีกว่า
ถ้ากลับมาที่ราคาเดิม อั้วจะซื้อจริงๆ ล่ะนะ ... แล้วก็ไม่ได้ซื้ออีกเลย T_T )
ส่วนตัวที่มั่นใจแล้วจริงๆ เนื่องจากกลัวจะมั่นใจตัวเองมากจนเกินไป จึงตั้ง Limit ลงทุนไม่ให้เกิน 30% ของพอร์ตมาโดยตลอด
สุดท้ายสถิติตั้งแต่ลงทุนมา ประมาณได้ว่าซื้อ 10 ตัว กำไรซะ 7 เป็นปานกลาง 5 ดีเว่อร์ๆหน่อยอีก 2 หักกับส่วนที่
ขาดทุนแล้ว ได้ผลตอบแทนกลางๆ ไม่เทพเหมือนคนอื่นๆเค้าซักที :wink:

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 1:04 pm
โดย chukieat30
yoyoeffect เขียน:"ส่วนหุ้นกลุ่มที่สอง เป็นหุ้นที่คนไม่ค่อยนิยมซื้อขายกันมากนัก ปริมาณซื้อขายต่อวันมักจะไม่ติดหนึ่งในสิบของตลาด แต่ว่ามีการเติบโตสม่ำเสมอเกือบทุกปี มีประวัติที่ดีอย่างยาวนาน อาจจะไม่ก้าวกระโดดมากนัก แต่ก็เติบโตไม่น้อยกว่า 15% ต่อปี ธุรกิจมีความแน่นอนสูง และคาดการณ์อนาคตของธุรกิจได้ค่อนข้างชัดเจน ผู้บริหารไว้ใจได้ และสามารถประเมินมูลค่าของกิจการได้ไม่ยากนัก"

ในบางครั้ง หุ้นกลุ่มที่สอง พอนานไป คนเริ่มเห็นคุณค่า กลายมาเป็นที่นิยม มีstory มากมายจน PE มาสูงได้ จนกลายไปเป็นกลุ่มที่หนึ่ง ได้เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ คนที่มองเห็นก่อนต้นทุนจะต่ำมาก และราคาก็สะท้อนอนาคตไปอีกพอสมควรด้วยครับ



like+

ชอบครับ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 1:29 pm
โดย ^^
กระทู้นี้ต้องLog in มาชมเชยครับ ^^

สัดส่วนการลงทุนสำคัญมากเลยครับ
ซื้อหุ้น 10 ตัว มีตัวเดียว-50%ก็ชิลๆ
แต่ถ้าซื้อ 3 ตัว แค่ตัวเดียว พอร์ตหายไปเยอะ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 2:42 pm
โดย jo7393
ขอบคุณครับ :D :D

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 6:13 pm
โดย unnop.t
ต้องมอง downside ให้ละเอียดกว่า upside มาก ๆ

เสียดายดีกว่าเสียใจครับ พยายามทำอยู่ :)

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 7:10 pm
โดย เด็กเลี้ยงไม้
เปรียบเหมือนหุ้นเป็นจำเลย
บางครั้งจำเลยก็ดีจริงให้ข้อมูลถูกต้อง แต่แบบพวกให้การเท็จก็มีอันนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ

ส่วนตัวเจอ type I มากว่า typeII ขอบข่ายความรุ้ยังไม่เพียงพอครับ หุๆ

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2011 7:25 pm
โดย multipleceilings
ลืมเรื่องสำคัญมากเรื่องนึงนะครับ

investment time horizon ครับ

เพราะทุกอย่างคือ percetion ที่มี limit เท่า ความสามารถในการ measure และ assess ของนักลงุทน

ดังนั้น what seems to be a bad investment ในระยะเวลา t period อาจเป็น excellent investment ในระยะเวลา t+2 ..... etc. etc.

พูดยากเหมือนกันว่า อะไรคือ "พลาด" :D

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 21, 2011 7:32 am
โดย PANMAN
ขอบคุณ สำหรับบทความดีๆ ในเวลาที่เหมาสมจริงๆ ครับ :D

เมื่อก่อนผมก็รู้สึกเหมือนตกรถไฟ เวลาเห็นบางตัววิ่งเอาๆ และเคยทำผิดพลาดมา โดยซื้อตามเซียน หรือ ตามความนิยม
โดยที่ยังไม่เข้าใจธุรกิจนั้น หรือ มีความเสี่ยงที่จะเสียใจ
ตอนนี้ ผมเริ่มทำได้แล้วครับ กับการเลือกหุ้นที่เราเข้าใจ และ สอดคล้องกับ "กฎการลงทุนที่สำคัญข้อ 1 ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เคยบอกไว้ว่า "จงอย่าขาดทุน""

ตอนนี้ ชอบมากเลย กับหุ้นที่ผมตีแตก และ ยังไม่ค่อยมีใครสนใจ แล้ว ค่อยๆ เก็บหุ้น และ ฝึกที่จะไม่ให้ อารมณ์ตลาดพาไป
ผมเคร่งครัดกับกฎ ทั้ง 2 ข้อของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มากขึ้น (ข้อ 2 คือให้ไปดู ข้อ 1 "จงอย่าขาดทุน")

เขียนบทความดีๆ มาเรื่อยๆ นะครับ รอติดตามอยู่เรื่อยไป

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 21, 2011 8:18 am
โดย kabu
ถ้าเชื่อว่าวิเคราะห์ดีแล้ว ผมเลือกที่จะให้เวลากับมันอีกหน่อย ครับ :D

Re: ความผิดพลาดในการเลือกหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 25, 2021 5:22 pm
โดย RnD-VI
ขอบคุณครับ