sakkaphan เขียน:ผมรู้สึกชื่นชม คนที่กล้าโพสต์ผลตอบแทนที่ติดลบของตัวเอง
ทีแรกผมคิดจะตั้งห้องแบบนี้เช่นกัน แล้วโพสต์ผลตอบแทนที่น่าพอใจของตัวเองลงไป
แต่ทำแบบนั้นแล้วจะได้อะไร
อยากให้โพสต์เชิงว่า ที่ได้ผลตอบแทนเยอะๆนี้ มีที่มายังไง เราคิดยังไง เราลงทุนแบบไหนในปีที่ผ่านมา จึงสำเร็จ
แล้วที่ขาดทุน หรือผลตอบแทนน้อย มีที่มายังไง เราคิดยังไง ลงทุนแบบไหน จึงขาดทุน
และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กล้าโพสต์ผลตอบแทนที่ไม่ดี ไม่เป็นดังหวัง หรือถึงขั้นติดลบ
การที่คุณกล้ายอมรับ ในสิ่งที่ไม่เป็นดังหวัง ในสิ่งที่ผิดคาด
เป็นขั้นแรกที่จะทำให้เราเติบโตต่อไป ผมเชื่อเช่นนั้น
เห็นด้วยกับหลักการนี้ ครับ
เริ่มเห็น คุณ ohiotour และคุณ vim ทำแบบหลักที่ว่า
เลยวิเคราะห์ตัวเอง เตือนใจตัวเองบ้าง
ส่วนตัว ของผม ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เมื่อเทียบกับตลาดที่ติดลบนิดๆ
แต่ปีที่ผ่านมา ได้บทเรียนสำคัญ
มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว
เมื่อหักล้างกัน สำเร็จมีมากกว่าผลตอบแทนจึงเป็นบวก
ดังนั้น คำถาม "เป็นอย่างไงกันบ้าง" เอาเป็นว่าเกินคาด แต่คำตอบ เพื่อเลี่ยงเรื่องการอวดอ้างแบบที่คุณโดมบอก ว่าได้ประโยชน์น้อยกว่า จึงไม่เน้นตัวเลขดีกว่า "เป็นอย่างไงกันบ้าง" จะเปลี่ยนเป็นชี้ว่าเล่นจริงเจ็บจริง พลาดยังไง และแก้ยังไง
ถัดมา พิจารณาตัวเอง ว่าปีนี้จะเริ่มอะไรใหม่ให้กับตัวเอง
- มีอยู่วันหนึ่งช่วงพ.ค. ทั้งที่รู้ตัวว่านี่เป็นการเก็งกำไรนะ เคยล้มเหลวด้วยวิธีนี้มาแล้วนะ แต่ก็ยังอยากลองนอกลู่นอกทาง ความโลภอยากรวยเร็วมาครอบงำ กำลังนอกลู่นอกทาง จากที่ท่านอาจารย์ทั้งหลายสอนไว้
ผลคือไปยุ่งกับกิจการหนึ่ง ที่ผมถือว่าเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย เพราะออกหุ้นเพิ่มทุนบังคับรายย่อยซื้อ ทำให้ราคา dilute มากมาย
แต่ก็ไม่วาย จะลองเก็งกำไร เพราะจะเล่นตามข่าว
ผลคือยิ่งกรรมสนองเร็วกว่าติดจรวด สำนวนป๋าหมัก (สุนทรเวช) ต้องเรียกว่ากรรม online ... ตอนแรกก็เขียว แต่ภายในไม่กี่นาทีขาดทุนเป็นเงิน 6 หลัก ที่ซื้อตั๋วเดินทางไปยุโรปได้สบาย ถือว่าตัดสินใจผิดอย่างจังและทราบผลทันตา
แต่ต่อมา (คิดบวกปลอบใจตัวเอง) ก็ถือว่าตัดสินใจถูกต้องเด็ดขาด เพราะหลังจากใคร่ครวญ ซื้อตอนเช้าทันทีตอนเปิดตลาด...แต่เมื่อพบว่าพลาดอย่างที่เคยเป็นเมื่อก่อน รีบขายทิ้งภายในวันเดียวกันทันทีตอนบ่าย ก่อนจะแย่มากกว่านั้น
ซึ่งก็เป็นความจริงตามคาด เพราะหลังจากนั้นไม่นานไม่ว่าผ่านวันผ่านเดือนผ่านไตรมาส ราคามันก็ไหลลง ถึงมีบางช่วงจะมีใครมากระชากขึ้นไปมาก็ตาม ถ้ายังถือต่อขาดทุนยับยิ่งตามนั้น เพราะกิจการจริงก็ยังขาดทุนยับอยู่ แล้วจะไปหวังกำไรจากการค้าหุ้นได้ไง
จึงซึ้งกับคำ buffet ที่ว่าให้ "ลงทุนแบบซื้อกิจการ" อย่า "เช่าซื้อหุ้นไว้รอขายต่อ"
จึงทำให้เป็นบทเรียนใหญ่ว่า...ถ้าอยากสำเร็จ อย่าริกลับไปเก็งกำไรอีก
จึงได้บทเรียนสำคัญ ว่าการ cut loss จริงๆ จะเกิดขึ้นกับกรณีเก็งกำไรแบบนี้เท่า่นั้น ถ้าลงทุน ไม่ต้องมานั่งกังวล มานั่ง cut
เสียไปแล้ว อย่าเสียใจ เก็บรอยแผลเป็นไว้เป็นบทเรียน
- มีอีกกิจการหนึ่ง ผู้บริหารที่มาจากผู้ถือหุ้นใหญ่สุดไม่น่าไว้วางใจ
ซื้อสนามกอล์ฟจากส่วนตัวของญาติผู้บริหาร ทั้งที่กิจการขาดทุน เอามาเข้า port บมจ. แต่อ้างมติกรรมการ ว่าให้ซื้อที่ดินและสินทรัพย์มีราคาดี
แม้จะปันผลดีเยี่ยม งบก็สวย หนี้ไม่รุงรังเกินไป กระแสเงินสดไม่เคยพร่อง อุตส่าห์ถือทดลองแค่ 100 หุ้นมานานจนแน่ใจ แต่เมื่อมาซื้อลงทุนจริงไม่นานแล้วเจอเรื่องนี้ เมื่อตริตรองแล้วไม่เอาดีกว่า ยอมขายขาดทุน (เล็กน้อย ~3%) ขายไปซื้อกิจการอื่นที่โปร่งใสกว่า และปันผลก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
ซึ่งถือว่าตัดสินใจถูกต้อง เพราะเห็นผลตอบแทนกลับ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทั้งปันผลและ capital gain
เพราะขนาดพลาดไม่ได้ดูข่าว ขายกิจการเก่าซื้อกิจการใหม่วันที่เกิดสึนามิที่ญี่ปุ่น ซื้อก่อนเที่ยงเพิ่งไปรู้ตอนกินข้าวดูทีวีข่าวเที่ยงที่ร้านอาหารว่ามันมีสึนามิ นึกตำหนิตัวเองว่าไม่ดูตลาดไม่ดูอะไรเลย แต่โชคดีที่ก่นรอซื้อดูกิจการที่ดียังทนทาน ร่วงไปนิดเดียวแล้วผงกหัวมาต่อ
ส่วนกิจการที่ขายออกไปนั้น ทุกวันนี้แม้จะยังดูมั่นคง แต่ตลาดก็ให้ราคาต่ำกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง
- มีอยู่ 2 กิจการ ทดลองกับกิจการ turn around แต่ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ กิจการไม่แข็งพอยังไม่เท่านั้น สภาวะอุตสาหกรรมนั้น มี NPM ต่ำ ทั้งตลาดโลกและตลาดบ้านเรา จึงผันผวนไปมา
แต่ทดลองด้วยจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย (รวมไม่ถึง 100k) แต่ถือไป แม้อาจจะยังมีเวลากลับมากำไร แต่ใช้เวลานานเกินไป ถือว่ามีค่าเสียโอกาส แม้จะไม่มาก แต่ก็เสียเวลาไปทำไม
จึงคชตัดสินใจขายไปลงทุนกิจการอื่นที่พบว่าดีกว่า ที่จริงก็เอาไปสมทบซื้อกิจการอื่นที่มีอยู่ใน port อยู่แล้ว
- มีอีกกิจการหนึ่ง ซื้อด้วยเงินเดือน 2-3 เดือนก่อนปลายปี
เป็นกิ๊กเก่า ที่รู้จักกันดี เป็นการดูแบบง่ายๆ ไม่ลึกซึ้ง คือต้องผลิตภัฑ์ต้องขายดี เมื่อมีความต้องการ เพราะน้ำลดคนซ่อมแซมบ้าน
- มีอีก 1 กิจการที่ตัวเลขยังแดงอยู่ กิจการเป็นกิ๊กเก่าเหมือนกัน (กิจการเข้าข่ายวัฏจักรบ้าง แต่แข็งแรงเชื่อได้)
ตัวเลขยังแดง แต่ไม่คิดว่านี่คือการขาดทุน
มันก็ไม่ต่างกับที่พอร์ตสูง แล้วตกลงมาต่ำ แค่กำไรจากการซื้อขายหุ้นเตี้ยลงชั่วคราว ถ้าขายตอนนี้
แต่เราซื้อกิจการซื้ออนาคต ถ้ามีเงินแบบนี้เพิ่มต้องซื้อเพิ่ม แปลว่าตลาดเปิดโอกาสให้เราซื้อได้ถูกลง เพราะเมื่อประเมินแล้ว กิจการไม่ล่มง่ายๆ แถมหาอะไรมาเข้าพอร์ตการลงทุนของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าเป็นของดี
เป็นมุมกลับ ที่คิดว่าซื้อของที่ดูมูลค่าไม่ได้ดูที่ราคา พลาดจังหวะซื้อตอนราคาสูงไปหน่อย แค่ก็ต้องรอหน่อยให้สะท้อนมูลค่ากลับมาเท่าทุน แล้วที่ประเมินเมื่อประเมินว่ามันมูลค่าสูงกว่านั้น ต่อไปมันคือกำไรเองอย่างที่เคยเป็นมาในกิจการอื่น เลยไม่ต้องมาคิดมากเรื่องราคาตก
คิดมากก็ตรงไม่มีเงินซื้อของถูกต่างหาก
- มีอยู่ 2 กิจการ ที่เป็นตัวเอกใน port
ตัวแรกถือจนได้เด้ง กิจการที่ขยายสาขาไปเรื่อยๆ เป็นกึ่ง modern trade ที่มีสาขามากทื่สุด แต่มีสินค้าเป็นเครื่องประดับราคาแพงอยู่ในตลาด mai
อีกกิจการเพิ่งมาซื้อปีนี้ เพราะกิจการผ่านการพิสูจน์ว่าฟื้นตัวแล้ว ผู้บริหารโปร่งใส เอาการเอางาน (ทั้งเก่งทั้งดี) น้ำท่วม ยังส่งทีมไปรับซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าซื้อใจคน
กิจการทั้งสอง มีความอ่อนไหว ต่อสภาพตลาดมากเหมือนกัน ต้องเรียกว่าค่าเบต้ามากกว่า 1
คือตอนช่วงสิงหา กันยา เคยทำให้พอร์ตโตไปมหาศาลเพราะรวมสองตัว ถือว่ามากพอควรใน port
แต่พอช่วงปลั๊กหลุด ห่วงว่าเศรษฐกิจจะเป็นเศรษฐกุด กิจการทั้งสองร่วงลงไปราว 40%
แต่ด้วยยึดมั่นว่า เราซื้อกิจการ ราคากับมูลค่้าคล้ายกันแต่ไม่เหมือน
มูลค่ากิจการยังไม่ลดจริง พื้นฐานยังไม่เปลี่ยน คนดำเนินกิจการยังโปร่งใส และมีหัวคิดมีกิจกกรรมที่สนับสนุนการเติบโตของกิจการอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าของกิจการก็เป็นภายในประเทศก็ยังอุดหนุนสม่ำเสมอ ไม่ได้ร่วงไปตามเศรษฐกิจโลกจริง
ภายในระยะเวลาไม่นาน จึงกลับมา แม้จะไม่เท่าเดิม แต่ก็สร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ และแน่ใจว่าเมื่อจ้าวตัวจริงออกโรง คือผลประกาศผลประกอบการไตรมาสประจำปี คนในตลาดจะหันมารุมตอมและมองเห็นคุณค่ามันเช่นเคย อย่างที่เป็นมาตลอดทุกไตรมาส
.... ถ้าตัดสินใจขายช่วงนั้น ตามแรงยุช่วงนั้น พอร์ตอาจไม่กลับมาเหมือนเดิมแล้วก็ได้
ปีทืผ่านมา รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างสวิทช์หุ้นไปมาบ่อยไปหน่อย แล้วเป็นพื้นที่ใหญ่ของพอร์ต ระยะยาวคงเป็นไปได้ยาก
ปีนี้คิดว่าจะแบ่งพอร์ตเป็นสองส่วน ... คือพื้นที่ใหญ่เป็นการลงทุนยาว และมีพื้นที่น้อยๆ เป็นพื้นที่ลองวิชาสวิทช์หุ้น
แต่จะไม่สวิทช์มั่วซั่ว แบบเก็งกำไรเป็นอันขาด (....เข็ดแล้วจ้า ) จะสวิทช์จากตัว upside ต่ำ ไปหา upside สูง กำลังทำ watch list valuation และ ranking พยายามให้ excel ช่วย
แล้วปีที่ผ่า่นมา จากที่เคยดูตัวเลขผ่านๆ การพยากรณ์ ยังมีพลาดไม่แม่นยำพอ เลยต้องลงรายละเอียดทางบัญชีให้มากขึ้น
ของผมเป็นตามที่ว่านี้ ของเพื่อนๆ ทั้งหลายอยากให้เอามาแชร์กันครับ