บริษัทประกันปาดเหงื่อ เคลมน้ำท่วมสูงกว่าที่คาด ชี้น้ำขังนานเป็นเดือน เครื่องจักรเสียหายทะลุเพดาน ยอมรับเคลมสินไหมยืดเยื้อถึงไตรมาส 3 วงในจับตารีอินชัวเรอร์รายใหม่ "เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์" ของมหาเศรษฐีโลก "วอร์เรน บัฟเฟตต์" บุกตลาดไทย ออกตัวแรงทุ่มค่าคอมฯปั๊มงานเข้าพอร์ต
นายอานนท์ วังวสุ ผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทน บมจ.กรุงเทพประกันภัย และในฐานะเลขาธิการสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความคืบหน้าการจ่ายสินไหมทดแทนจากกรณีภัยน้ำท่วมในปีที่ผ่านมาว่า ในส่วนของบริษัทถือว่าคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว ฐานลูกค้ารายย่อยดำเนินการจ่ายสินไหมไปมากกว่า 50% แล้ว ซึ่งตั้งเป้าหมายส่วนนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.
ขณะที่ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ หรือโรงงานต่าง ๆ บริษัทได้ทยอยจ่ายเงินสินไหมทดแทนระหว่างกาล (Interim Payment) ไปก่อนแล้วบางส่วน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อให้ธุรกิจสามารถฟื้นฟูและเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้เร็วที่สุด ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับการสำรวจความเสียหาย
นายอานนท์กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงสำหรับลูกค้ารายใหญ่นั้น ถือว่าเกินกว่าที่บริษัทประเมินเอาไว้ โดยเฉพาะในฝั่งเครื่องจักรที่เคยประเมินไว้น่าจะเสียหายประมาณ 50% แต่สำรวจแล้วเสียหายมากถึง 80%
"ที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์ความเสียหายน้ำท่วมแบบน้ำผ่าน คือท่วมไม่นาน 2-3 วัน แต่ครั้งนี้ท่วมขังเป็นเดือน ความเสียหายจึงพุ่งขึ้นสูงมาก รวมถึงต้องรอธุรกิจสั่งซื้อเครื่องจักรชุดใหม่เข้ามาอีก เพื่อเช็กราคาและกำหนดทุนประกันใหม่ให้เหมาะสมไปด้วย ทำให้การจ่ายสินไหมส่วนนี้จะต้องใช้เวลาเยอะกว่ามาก ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกันที่บริษัทประกันภัยทุกแห่งกำลังเผชิญในเวลานี้" นายอานนท์กล่าว
แหล่งข่าวจากบริษัทประกันภัยรายใหญ่แห่งหนึ่งเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แนวโน้มความเสียหายที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วมนั้น หลายพื้นที่มีแนวโน้มที่จะมีความเสียหายสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น บางรายเสียหายเกินกว่าที่ประเมินไปถึง 20% แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ภายใต้สัญญาประกันภัยต่อที่ซื้อเอาไว้
"ความยุ่งยากของการเคลมตอนนี้อยู่ที่ฝั่งลูกค้าธุรกิจที่เสียหายค่อนข้างเยอะ และมีขั้นตอนการสำรวจความเสียหายค่อนข้างซับซ้อน ทั้งตัวโรงงาน เครื่องจักร สต๊อกสินค้า หลังจากนั้นส่วนที่กินเวลาเยอะก็คือ ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance) คาดว่าภายในไตรมาส 2 น่าจะดำเนินการได้ประมาณ 80% และถ้าจะให้จัดการสินไหมเสร็จ 100% จริง ๆ ก็น่าจะต้องกินเวลาไปถึงไตรมาส 3"
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ความเสียหายที่รับรู้ในเวลานี้จะเป็นเพียงส่วนที่บริษัทประกันภัยรับโดยตรง ยังไม่รวมมูลค่าความเสียหายที่ บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ (ไทยรี) ได้รับความเสี่ยงเอาไว้ ซึ่งจะเป็นส่วนบริษัทประกันภัยต้องมาแชร์ความเสี่ยงกันตามสัดส่วนงานที่รับมาจากไทยรีด้วย โดยต้องรอประเมินเป็นลำดับสุดท้าย จึงเชื่อว่าความเสียหายจะยังไม่จบเท่านี้
ด้านนายจิรวุฒิ บุญศิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้บริษัทซึ่งมีฐานลูกค้าสินเชื่อบ้านของธนาคารที่ทำประกันอัคคีภัย ซึ่งขยายความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเข้าไปด้วย ทำให้มีเคลมสำหรับลูกค้ารายย่อยแจ้งเข้ามาถึง 12,000-15,000 ราย ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ จากปกติที่จะเจอเคลมเหล่านี้น้อยกว่า 1,000 ราย/ปี หรือเฉลี่ยต่ำกว่า 100 ราย/เดือน
"สถานการณ์นี้เราไม่เคยเจอมาก่อน เรื่องทีมงานก็เป็นข้อจำกัดพอสมควร เราก็ต้องเร่งระดมคนมารองรับงานนี้อย่างเต็มที่ พร้อมกับหาบริษัทประเมินราคามาช่วย เพื่อดำเนินการจ่ายสินไหมให้ลูกค้าได้เร็วที่สุด ตอนนี้จ่ายสินไหมไปได้ประมาณ 20% แต่เราก็พยายามทำอย่างเต็มที่ บางรายเราต้องเข้าไปสำรวจความเสียหาย ไปติดต่อเรื่องสินไหมอยู่ถึงตี 2 ถ้าลูกค้าอยู่ เราก็อยู่เหมือนกัน เรียกว่าทำกันเต็มที่" นาย
จิรวุฒิกล่าว
ส่วนสถานการณ์ด้านประกันภัยต่อกับรีอินชัวเรอร์ในต่างประเทศนั้น นายจิรวุฒิกล่าวอีกว่า หลังจากที่ "ซีซีอาร์" ซึ่งเป็นรีอินชัวเรอร์รายใหญ่จากฝรั่งเศสถอนตัวจากการรับงานประกันภัยในไทย เพราะความเสียหายจากภัยธรรมชาติติดต่อกันรวมถึงน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้ก็เริ่มมีรีอินชัวเรอร์รายอื่น ๆ ที่ติดต่อเข้ามาแทน เพราะถือเป็นจังหวะเข้าทำตลาดได้ดีกว่า
เช่นกรณีของ "เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์" (Birkshire Hathaway) บริษัทรีอินชัวเรอร์ ของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก "วอร์เรน บัฟเฟตต์" ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เข้ามารุกตลาดไทยมากขึ้น จากเดิมที่เคยรับงานต่อจากรีอินชัวเรอร์อีกทอด ตอนนี้ก็ขยับมารับตรงมากขึ้น เพราะต้องการพิจารณาคัดเลือกความเสี่ยงเองมากกว่า
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทประกันภัยรายหนึ่งกล่าวว่า กรณีของเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์นั้น ถือได้ว่าเข้ามารุกตลาดประกันภัยต่อในไทยค่อนข้างหนัก โดยนอกจากการขายประกันภัยต่อเพื่อคุ้มครองความเสียหายส่วนเกิน (Excess of Loss) ซึ่งเป็นตลาดเดียวกับที่ซีซีอาร์เคยรับงานส่วนนี้แล้วยังเข้ามาในธุรกิจประกันภัยต่อแบบรายสัญญา (Treaty) ซึ่งจะเป็นการรับประกันภัยลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ เบิร์กไชร์ฯก็เข้ามาเป็นผู้นำ (Leader) ในการรับงานตรงจากบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในไทย ด้วยสัดส่วนสูงถึง 40-50%
"ปกติการรับความเสี่ยงในสัญญา แบบทรีตตี้ ผู้นำจะรับงานไว้ประมาณ 30% เท่านั้น ที่เหลือจะเป็นรีอินชัวเรอร์รายอื่น ๆ เข้ามาแชร์ความเสี่ยง ซึ่งกรณีของเบิร์กไชร์ฯที่รับไว้เองถึง 40-50% ถือว่าเสี่ยงมาก แต่ก็ถือเป็นจังหวะและโอกาสในการทำธุรกิจในไทย เพราะที่ผ่านมาเบิร์กไชร์ฯยังทำธุรกิจในไทยไม่มาก ทำให้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เท่าไหร่"
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของเบิร์กไชร์ฯก็ได้มีการปรับเพิ่มค่าเบี้ยตามระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นเดียวกับรีอินชัวเรอร์รายอื่น ๆ แต่เบิร์กไชร์ฯใช้วิธียืนอัตราค่านายหน้าที่จ่ายให้แก่บริษัทประกันที่ส่งงานให้ในระดับเดิม ในขณะที่รีอินชัวเรอร์รายอื่น ๆ จะปรับลดอัตราค่านายหน้าลง จึงเป็นเหตุให้เบิร์กไชร์ฯค่อนข้างถูกจับตามองในฐานะที่จะเข้ามาเป็นผู้นำการรับประกันต่อในตลาดไทยอย่างชัดเจนขึ้น
ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=
ประกันช็อกเคลมน้ำท่วมทะลุเพดาน กองทุน"บัฟเฟตต์"บุกไทยเพิ่มพอ
-
- Verified User
- โพสต์: 196
- ผู้ติดตาม: 0
ประกันช็อกเคลมน้ำท่วมทะลุเพดาน กองทุน"บัฟเฟตต์"บุกไทยเพิ่มพอ
โพสต์ที่ 1
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประกันช็อกเคลมน้ำท่วมทะลุเพดาน กองทุน"บัฟเฟตต์"บุกไทยเพิ
โพสต์ที่ 2
ผมว่ารัฐบาลไทยหารายได้เสริมได้นะครับ
ประกันกับปู่ แล้วปล่อยให้น้ำไหลมาอีกรอบ กำไรเน้นๆๆ
ขำๆๆนะครับ อันนี้แซวกันเล่นๆ
ประกันกับปู่ แล้วปล่อยให้น้ำไหลมาอีกรอบ กำไรเน้นๆๆ
ขำๆๆนะครับ อันนี้แซวกันเล่นๆ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด