หรือว่า เรือตู้จะแซงเรือเทกอง
- tom
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
หรือว่า เรือตู้จะแซงเรือเทกอง
โพสต์ที่ 5
ผมเคยอ่านบทความหนึ่งนานมาแล้ว หาไม่เจออีก เขาว่าหลักการ 3 ประการในการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือในปีนี้ คือ
(1) อัตราค่าระวาง (Freight Rate หรือ TC Rate)
(2) อัตราการทำสัญญาเช่าระยะยาวที่มีสัดส่วนมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา
(3) ขนาดกองเรือที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากได้ประโยชน์จากต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง (economies of scale)
แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทที่แนะนำไม่ว่าจะเป็น TTA, PSL และ RCL ยังคงมีความโดดเด่นในเชิงกำไรสุทธิ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังซื้อขายกันโดยใช้ดัชนี BDI เป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจ ส่งผลให้ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง
แนวโน้มผลประกอบการเชิงบวกของผู้ประกอบการขนส่งทางเรือสำหรับปี 2548 เนื่องจาก
(1) ขนาดกองเรือที่ใหญ่ขึ้นและอัตราค่าระวางที่ได้รับจริงอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับอดีต (แต่ไม่มีความสัมพันธ์ที่เด่นชัดกับดัชนี BDI)
(2) ความมั่นคงของรายได้ของบริษัทมีสูงขึ้นมากในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ได้ทำสัญญาระยะยาวกับกองเรือเพิ่มขึ้น
(3) ผลตอบแทนจาก dividend yield ที่สูงโดดเด่นเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในขณะนี้
(4) ราคาหุ้นยังคงมี P/E ต่ำกว่า 5 เท่า แต่ earnings growth สูงถึงประมาณ 50-90%
จุดด้อยของการลงทุนอยู่ที่ความผันผวนของอุตสาหกรรม ความผันผวนของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นการตอบสนองกับดัชนี BDI โดยที่์ไม่ถือว่ามีนัยสำคัญอย่างแท้จริงต่อผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการ เนื่องจากสัญญาระยะยาวที่มีอยู่ ได้ลดผลกระทบต่ออัตราเช่าที่มีความผันผวนลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอดีตที่มีการทำสัญญาระยะยาวในกองเรือที่น้อยมาก ดังนั้น นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้จริงๆ ควรจะยอมรับกับประเด็นความผันผวนของ BDI ได้
(1) อัตราค่าระวาง (Freight Rate หรือ TC Rate)
(2) อัตราการทำสัญญาเช่าระยะยาวที่มีสัดส่วนมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา
(3) ขนาดกองเรือที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากได้ประโยชน์จากต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง (economies of scale)
แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทที่แนะนำไม่ว่าจะเป็น TTA, PSL และ RCL ยังคงมีความโดดเด่นในเชิงกำไรสุทธิ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังซื้อขายกันโดยใช้ดัชนี BDI เป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจ ส่งผลให้ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง
แนวโน้มผลประกอบการเชิงบวกของผู้ประกอบการขนส่งทางเรือสำหรับปี 2548 เนื่องจาก
(1) ขนาดกองเรือที่ใหญ่ขึ้นและอัตราค่าระวางที่ได้รับจริงอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับอดีต (แต่ไม่มีความสัมพันธ์ที่เด่นชัดกับดัชนี BDI)
(2) ความมั่นคงของรายได้ของบริษัทมีสูงขึ้นมากในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ได้ทำสัญญาระยะยาวกับกองเรือเพิ่มขึ้น
(3) ผลตอบแทนจาก dividend yield ที่สูงโดดเด่นเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในขณะนี้
(4) ราคาหุ้นยังคงมี P/E ต่ำกว่า 5 เท่า แต่ earnings growth สูงถึงประมาณ 50-90%
จุดด้อยของการลงทุนอยู่ที่ความผันผวนของอุตสาหกรรม ความผันผวนของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นการตอบสนองกับดัชนี BDI โดยที่์ไม่ถือว่ามีนัยสำคัญอย่างแท้จริงต่อผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการ เนื่องจากสัญญาระยะยาวที่มีอยู่ ได้ลดผลกระทบต่ออัตราเช่าที่มีความผันผวนลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอดีตที่มีการทำสัญญาระยะยาวในกองเรือที่น้อยมาก ดังนั้น นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้จริงๆ ควรจะยอมรับกับประเด็นความผันผวนของ BDI ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
หรือว่า เรือตู้จะแซงเรือเทกอง
โพสต์ที่ 6
RCL ทำสัญญาระยะสั้นครับ ประมาณ3เดือน
และนั่นเป็นสิ่งที่ผมยินดีครับ
เพราะมีการปรับค่าระวางขึ้นเมื่อกรกฏา และจะมีการปรับอีกในช่วงHIgh season
แล้วก็ยังมีการปรับsurcharge ตามราคาน้ำมัน
ทำไมเรือตู้ยังทำสัญญาระยะสั้น
:lol:
และนั่นเป็นสิ่งที่ผมยินดีครับ
เพราะมีการปรับค่าระวางขึ้นเมื่อกรกฏา และจะมีการปรับอีกในช่วงHIgh season
แล้วก็ยังมีการปรับsurcharge ตามราคาน้ำมัน
ทำไมเรือตู้ยังทำสัญญาระยะสั้น
:lol:
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- Verified User
- โพสต์: 7
- ผู้ติดตาม: 0
หรือว่า เรือตู้จะแซงเรือเทกอง
โพสต์ที่ 7
ค่าระวางของเรือตู้เรียกว่าดัชนีอะไร แล้วตามดูได้ที่ไหนครับnanchan เขียน:RCL ทำสัญญาระยะสั้นครับ ประมาณ3เดือน
และนั่นเป็นสิ่งที่ผมยินดีครับ
เพราะมีการปรับค่าระวางขึ้นเมื่อกรกฏา และจะมีการปรับอีกในช่วงHIgh season
แล้วก็ยังมีการปรับsurcharge ตามราคาน้ำมัน
ทำไมเรือตู้ยังทำสัญญาระยะสั้น
:lol:
หรือมีค่าระวางเปรียบเทียบระหว่าง เรือเทกอง กับ เรือตู้ ให้ดูที่ไหนบ้างครับ