แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
- BIG87
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 371
- ผู้ติดตาม: 0
แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 1
คือหลังจากที่ผมได้อ่านกระทู้นึง ที่มีคนขุดขึ้นมาในปี 2008 (ขออภัยผมหากระทู้ดังกล่าวไม่เจอแล้ว)
มีการพูดคุยในทำนองว่า "VI ก็ต้องรู้จัด cut loss และจะจำไว้เป็นบทเรียน" มีมีการบ่นว่าจากพอร์ทกำไร +40% เป็น -40%
ทีนี้ผมขอถามนิดนึงครับ
ในกรณีที่สถานะการณ์ดังกล่าวมาถึงในปัจจุบัน สมมุตินะครับว่า
1.ถ้าเราวิเคราะห์แล้วกำไรของบริษัทที่เราลงทุนยังดีอยู่ เรายังวิเคราะห์ไม่ผิด ตามหลักแล้วเราไม่ควรจะขายเพราะพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน
แต่สภาพตลาดนี่ไปแล้ว รู้ได้จากกราฟ จากเงินของต่างชาติ แล้วก็ตัวแดงๆที่วิ่งเอา วิ่งเอาทุกวันๆ
ในกรณีนี้เราควรจะขายหรือไม่ ? แล้วกลับมาซื้อในเวลาอื่น
2.หากตัดสินใจขายในข้อที่ 1. ก็จะกลายเป็นการเดาภาวะตลาด ซึ่งก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นการเดาที่ถูกต้องหรือไม่
หรือ VI ที่แท้จริงก็ควรเดาสภาพตลาดควบคู่กันไปด้วย ? (คำถามนี้รวมทั้งการตัดสินใจลดพอร์ท การลงทุน)
หากเป็นดังนั้นรบกวนเสนอแนะวิธีคิดด้วยครับ
3.หากตัดสินใจไม่ขาย แล้วพอร์ทติดลบลงเรื่อยๆ ทำให้ไม่มีเงินไปซื้อหุ้นในราคาที่ถูก ทำให้ผมสงสัยว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้วจริงๆหรือ ?
และที่สำคัญ หากท่านใดที่ผ่านวิกฤตปี 2008 มาแล้วรบกวนแชร์ให้ฟังทีครับ
จะเป็นพระคุณมาก ขอบคุณครับ
มีการพูดคุยในทำนองว่า "VI ก็ต้องรู้จัด cut loss และจะจำไว้เป็นบทเรียน" มีมีการบ่นว่าจากพอร์ทกำไร +40% เป็น -40%
ทีนี้ผมขอถามนิดนึงครับ
ในกรณีที่สถานะการณ์ดังกล่าวมาถึงในปัจจุบัน สมมุตินะครับว่า
1.ถ้าเราวิเคราะห์แล้วกำไรของบริษัทที่เราลงทุนยังดีอยู่ เรายังวิเคราะห์ไม่ผิด ตามหลักแล้วเราไม่ควรจะขายเพราะพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน
แต่สภาพตลาดนี่ไปแล้ว รู้ได้จากกราฟ จากเงินของต่างชาติ แล้วก็ตัวแดงๆที่วิ่งเอา วิ่งเอาทุกวันๆ
ในกรณีนี้เราควรจะขายหรือไม่ ? แล้วกลับมาซื้อในเวลาอื่น
2.หากตัดสินใจขายในข้อที่ 1. ก็จะกลายเป็นการเดาภาวะตลาด ซึ่งก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นการเดาที่ถูกต้องหรือไม่
หรือ VI ที่แท้จริงก็ควรเดาสภาพตลาดควบคู่กันไปด้วย ? (คำถามนี้รวมทั้งการตัดสินใจลดพอร์ท การลงทุน)
หากเป็นดังนั้นรบกวนเสนอแนะวิธีคิดด้วยครับ
3.หากตัดสินใจไม่ขาย แล้วพอร์ทติดลบลงเรื่อยๆ ทำให้ไม่มีเงินไปซื้อหุ้นในราคาที่ถูก ทำให้ผมสงสัยว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้วจริงๆหรือ ?
และที่สำคัญ หากท่านใดที่ผ่านวิกฤตปี 2008 มาแล้วรบกวนแชร์ให้ฟังทีครับ
จะเป็นพระคุณมาก ขอบคุณครับ
- BIG87
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 371
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 2
ปล. กระทู้นี้ต่อยอดมาจาก
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=48928
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=48928
-
- Verified User
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 3
เคยอ่านในหนังสือของ ดร.
ราคาหุ้นในระยะสั้น สะท้อนอารมณ์ของนักลงทุน
แต่ระยะยาว สะท้อนออกมาจากผลประกอบการ
ส่วนตัวผมเองจึงเห็นว่าถ้าผมคาดเดาอารมณ์ระยะสั้นได้ว่า จะตกแน่
ผมก็ขาย และรอซื้อใหม่ เพื่อลดต้นทุนในการถือหุ้นตัวนั้น แม้ว่าพื้นฐานยังดีไม่เปลี่ยน
ราคาหุ้นในระยะสั้น สะท้อนอารมณ์ของนักลงทุน
แต่ระยะยาว สะท้อนออกมาจากผลประกอบการ
ส่วนตัวผมเองจึงเห็นว่าถ้าผมคาดเดาอารมณ์ระยะสั้นได้ว่า จะตกแน่
ผมก็ขาย และรอซื้อใหม่ เพื่อลดต้นทุนในการถือหุ้นตัวนั้น แม้ว่าพื้นฐานยังดีไม่เปลี่ยน
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 4
วิธีที่ดีที่สุด หมายความว่า
มีแต่ ถูก และ ผิด
แค่นั้นหรือเปล่า ?
การลงทุนเป็นศิลปะครับ
มันไม่มีถูก 100%
หรือผิด 100%
และที่สำคัญ
คุณไม่จำเป็นต้องคิด
หรือต้องทำตามใคร
การขาดทุนไม่ใช่เรื่องไม่ดีครับ
ทำไมถึงกลัวกันจัง
ตอนที่เราเกิดมา
มีตังค์ติดตัวมากี่บาทกันครับ
ในมุมกลับ
การที่เรามีกำไร
ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้
เป็นตัวของตัวเองครับ
ใช้เหตุผล
ไม่ใช้อารมณ์
นั่นแหละที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด
มีแต่ ถูก และ ผิด
แค่นั้นหรือเปล่า ?
การลงทุนเป็นศิลปะครับ
มันไม่มีถูก 100%
หรือผิด 100%
และที่สำคัญ
คุณไม่จำเป็นต้องคิด
หรือต้องทำตามใคร
การขาดทุนไม่ใช่เรื่องไม่ดีครับ
ทำไมถึงกลัวกันจัง
ตอนที่เราเกิดมา
มีตังค์ติดตัวมากี่บาทกันครับ
ในมุมกลับ
การที่เรามีกำไร
ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้
เป็นตัวของตัวเองครับ
ใช้เหตุผล
ไม่ใช้อารมณ์
นั่นแหละที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 5
เท่าที่ผมเข้าใจ
ถ้ารู้แล้วแน่นอน ๑๐๐% ว่าหุ้นตกแน่นอน ก็ขายทำ SAP
ถ้าเป็น ๕๐/๕๐ ไม่รู้ว่าหุ้นจะไม่ลงหรือลง ก็อยู่เฉย ๆ ครับ อย่างน้อยไม่เสียค่าคอม
เพราะโอกาสเป็นได้ทั้งสองอย่างพอ ๆ กัน
ถ้าราคาหุ้นตกไปมาก ๆ กว่าราคาทุน โดยที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน แสดงว่าเราผิดตั้งแต่ตอนเลือกหุ้นแล้วครับ แต่ถ้าเราเลือกหุ้นถูกแล้ว และมี MOS พอสมควร การที่ราคาหุ้นตกลงไป ๔๐% จากที่เราตั้ง MOS ไว้อีก ก็แสดงว่าตอนนั้นหุ้นถูกมาก ๆ มีของถูก ๆ มาให้ค่อย ๆ เก็บ น่าจะดีใจนะครับ
ถ้ารู้แล้วแน่นอน ๑๐๐% ว่าหุ้นตกแน่นอน ก็ขายทำ SAP
ถ้าเป็น ๕๐/๕๐ ไม่รู้ว่าหุ้นจะไม่ลงหรือลง ก็อยู่เฉย ๆ ครับ อย่างน้อยไม่เสียค่าคอม
เพราะโอกาสเป็นได้ทั้งสองอย่างพอ ๆ กัน
ถ้าราคาหุ้นตกไปมาก ๆ กว่าราคาทุน โดยที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน แสดงว่าเราผิดตั้งแต่ตอนเลือกหุ้นแล้วครับ แต่ถ้าเราเลือกหุ้นถูกแล้ว และมี MOS พอสมควร การที่ราคาหุ้นตกลงไป ๔๐% จากที่เราตั้ง MOS ไว้อีก ก็แสดงว่าตอนนั้นหุ้นถูกมาก ๆ มีของถูก ๆ มาให้ค่อย ๆ เก็บ น่าจะดีใจนะครับ
Go within, be at peace.
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 6
ถ้าเราเลือกหุ้น โดยมีทางออกไว้สองทางเสมอ
คือถ้าราคาตกไป แต่ปันผล หรือ การพัฒนามูลค่าของกิจการจริง ๆ
คุ้มค่ากับราคาต้นทุนที่เราจ่ายไป ผมว่าน่าจะพอรับได้นะครับ
คือถ้าราคาตกไป แต่ปันผล หรือ การพัฒนามูลค่าของกิจการจริง ๆ
คุ้มค่ากับราคาต้นทุนที่เราจ่ายไป ผมว่าน่าจะพอรับได้นะครับ
Go within, be at peace.
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 8
ซื้อหุ้นเหมือนทำธุรกิจ คิดเหมือนเจ้าของกิจการ
เอาหละ เจ้าของกิจการเขาขายบริษัททิ้งไหมเวลามีข่าวว่าหุ้นจะลง?
หากไปถามเจ้าของกิจการบริษัทนอกตลาด เขาก็จะตอบว่า "จะบร้าหรือ กิจการอั๊วดีๆ ขายทิ้งทำไม"
หากไปถามเจ้าของกิจการในตลาดบริษัทที่มีผลประกอบการดี คนที่เล่นหุ้น
"จะบร้าหรือ มันลงก็ซื้อคืนดิ ลากๆทุบๆสนุกสนาน"
หากไปถามเจ้าของกิจการที่ไม่สนหุ้น
"หุ้นก็ส่วนหุ้น ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ ลองลงแบบปี2008ดิ จะซื้อให้ให้ใจ ลง3%นี่เด็กๆ"
สรุป
ผมมองว่า ถ้ามันลงสนั่นหวั่นไหวจริงๆ ตรงนั้นก็มาจิ้นได้ไม่กลัว
ถ้ากลัวก็ไม่ต้องใส่เงินลงไปเพิ่ม ตลาดถล่มเป็นเวลาเอาเงินญาติๆทั้งหลายมาใส่ลงไป
แล้วคืนให้พวกเขาตาโตในอีกสองปี ตอนนี้ทำกำไรโชว์ไปก่อน
เอาหละ เจ้าของกิจการเขาขายบริษัททิ้งไหมเวลามีข่าวว่าหุ้นจะลง?
หากไปถามเจ้าของกิจการบริษัทนอกตลาด เขาก็จะตอบว่า "จะบร้าหรือ กิจการอั๊วดีๆ ขายทิ้งทำไม"
หากไปถามเจ้าของกิจการในตลาดบริษัทที่มีผลประกอบการดี คนที่เล่นหุ้น
"จะบร้าหรือ มันลงก็ซื้อคืนดิ ลากๆทุบๆสนุกสนาน"
หากไปถามเจ้าของกิจการที่ไม่สนหุ้น
"หุ้นก็ส่วนหุ้น ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ ลองลงแบบปี2008ดิ จะซื้อให้ให้ใจ ลง3%นี่เด็กๆ"
สรุป
ผมมองว่า ถ้ามันลงสนั่นหวั่นไหวจริงๆ ตรงนั้นก็มาจิ้นได้ไม่กลัว
ถ้ากลัวก็ไม่ต้องใส่เงินลงไปเพิ่ม ตลาดถล่มเป็นเวลาเอาเงินญาติๆทั้งหลายมาใส่ลงไป
แล้วคืนให้พวกเขาตาโตในอีกสองปี ตอนนี้ทำกำไรโชว์ไปก่อน
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 9
อะไรคือความแน่นอนครับsarawut_p เขียน:เท่าที่ผมเข้าใจ
ถ้ารู้แล้วแน่นอน ๑๐๐% ว่าหุ้นตกแน่นอน ก็ขายทำ SAP
ถ้าเป็น ๕๐/๕๐ ไม่รู้ว่าหุ้นจะไม่ลงหรือลง ก็อยู่เฉย ๆ ครับ อย่างน้อยไม่เสียค่าคอม
เพราะโอกาสเป็นได้ทั้งสองอย่างพอ ๆ กัน
...
เพราะถ้าเรารู้ว่าหุ้นต้องตก
แสดงว่าเราก็ต้องรู้ว่าหุ้นจะขึ้นเมื่อไหร่ด้วย
หรือเปล่า ?
ปล.
แม้ว่าหุ้นจะตก หุ้นก็ไม่ได้ตกทั้งหมด
บางตัวมันลงน้อย บางตัวมันลงเยอะ
แถมมีบางตัวขึ้นสวนตลาดก็มี
ตกลงเรากำลังทำอะไรอยู่ในตลาดครับ
เก็งกำไรหรือเปล่า ?
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
- BIG87
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 371
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 10
แหะๆ ไหนๆ กระทู้นี้ก็ถูกตั้งขึ้นมาแล้ว รบกวน แชร์ความเห็นกันต่อเลยก็แล้วกันครับ
เพื่อจะได้อะไรใหม่ๆ ที่อาจนำไปต่อยอดได้เพิ่มขึ้น
ผมขอแชร์ของผมก่อนก็แล้วกัน
โดยส่วนตัวผม คิดว่า อาจต้องดู ภาวะตลาด และ ภาวะเศษฐกิจ โดยรวมด้วยอ่ะครับ
ถ้าตลาดมันตกใจ พร้องกับค่าทางเศรษฐกิจที่ลดลง เช่นค่า GDP , LEI ลดลงด้วย
ผมว่าถ้าถึงเวลานั้น ก็คงจะตัดสินใจลด พอร์ท และนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อ รอ.. รอ.. เวลาที่ฝุ่นหายตลบ
แล้วก็กลับเข้ามาใหม่ โดยฝุ่นหายตลบหมายถึง (ตลาดกลับมา side way ในกลับเวลา Month)
ผมคิดเช่นนี้ ท่านอื่นมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?
ปล.แต่ในภาวะปัจจุบัน ผมยังไม่เห็นว่า ค่าเศรษฐกิจต่างๆจะลดลงแต่อย่างไร
จึงไม่ตัดสินใจลดพอร์ท ครับ
เพื่อจะได้อะไรใหม่ๆ ที่อาจนำไปต่อยอดได้เพิ่มขึ้น
ผมขอแชร์ของผมก่อนก็แล้วกัน
โดยส่วนตัวผม คิดว่า อาจต้องดู ภาวะตลาด และ ภาวะเศษฐกิจ โดยรวมด้วยอ่ะครับ
ถ้าตลาดมันตกใจ พร้องกับค่าทางเศรษฐกิจที่ลดลง เช่นค่า GDP , LEI ลดลงด้วย
ผมว่าถ้าถึงเวลานั้น ก็คงจะตัดสินใจลด พอร์ท และนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อ รอ.. รอ.. เวลาที่ฝุ่นหายตลบ
แล้วก็กลับเข้ามาใหม่ โดยฝุ่นหายตลบหมายถึง (ตลาดกลับมา side way ในกลับเวลา Month)
ผมคิดเช่นนี้ ท่านอื่นมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?
ปล.แต่ในภาวะปัจจุบัน ผมยังไม่เห็นว่า ค่าเศรษฐกิจต่างๆจะลดลงแต่อย่างไร
จึงไม่ตัดสินใจลดพอร์ท ครับ
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 12
ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนมุมมองของคนเราได้ครับ เรียกว่าเป็นอคติในการวินิจฉัย
ถ้ามือใหม่แค่2-3ช่องก็ทำให้เปลี่ยนมุมมองได้แล้ว
ถ้า VI ก็อาจจะทนได้ถึง -10% -20% -30% หรือบางคนบอกว่าต้องทนได้ -50% แบบบัฟเฟต
นี่คือสิ่งที่พูดกันในช่วงปกติ
แต่ผมลองค้นกระทู้ช่วงปี 2008 ที่ปกคลุมไปด้วย"ความกลัว" หลายคนขาดทุนหนัก
ก็ได้ความเห็นต่างออกไปที่น่าสนใจมาก
เพราะตอนนั้นหลายๆคนบอกว่าต้องมีระบบ cut lose ป้องกันความเสี่ยงด้วย
บางคนก็บอกต้องหัดใช้ technical ช่วยซะแล้ว ถึงจะดี
...ผลกระทบจากราคาหุ้นเปลี่ยนมุมมมองได้ อาจจะไม่ทุกคนแต่ก็ไม่ใช่ส่วนน้อย
ผิดมั้ยก็ไม่ผิดนะ ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติๆ
แต่บางทีเราลองมาทำความเข้าใจในความลำเอียงของตัวเองบ้างก็คงจะดีไม่น้อย
ถ้ามือใหม่แค่2-3ช่องก็ทำให้เปลี่ยนมุมมองได้แล้ว
ถ้า VI ก็อาจจะทนได้ถึง -10% -20% -30% หรือบางคนบอกว่าต้องทนได้ -50% แบบบัฟเฟต
นี่คือสิ่งที่พูดกันในช่วงปกติ
แต่ผมลองค้นกระทู้ช่วงปี 2008 ที่ปกคลุมไปด้วย"ความกลัว" หลายคนขาดทุนหนัก
ก็ได้ความเห็นต่างออกไปที่น่าสนใจมาก
เพราะตอนนั้นหลายๆคนบอกว่าต้องมีระบบ cut lose ป้องกันความเสี่ยงด้วย
บางคนก็บอกต้องหัดใช้ technical ช่วยซะแล้ว ถึงจะดี
...ผลกระทบจากราคาหุ้นเปลี่ยนมุมมมองได้ อาจจะไม่ทุกคนแต่ก็ไม่ใช่ส่วนน้อย
ผิดมั้ยก็ไม่ผิดนะ ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติๆ
แต่บางทีเราลองมาทำความเข้าใจในความลำเอียงของตัวเองบ้างก็คงจะดีไม่น้อย
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 13
ลองตอบคำถามจขกท ดูนะครับ
1.ถ้ากำไรของบริษัทยังดีอยู่
- อยู่ที่บริษัทพึ่งพิงเศรษฐกิจแค่ไหน และ วิกฤตนั้นมันวิกฤตจริงหรือป่าว,จะกระทบถึงบ้านเราได้มั้ย
เพราะถ้าแย่จริง กว่าผลเสียจะกระทบถึงคืออีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ไม่ใช่อดีต(งวดไตรมาสปัจจุบัน)
2.ยากครับ
3.นี่แหล่ะ paradox
ถือหุ้นไว้ไม่ขาย ไม่มีเงินสด แล้วจะหาโอกาสในช่วงวิกฤตได้อย่างไร?....paradox
1.ถ้ากำไรของบริษัทยังดีอยู่
- อยู่ที่บริษัทพึ่งพิงเศรษฐกิจแค่ไหน และ วิกฤตนั้นมันวิกฤตจริงหรือป่าว,จะกระทบถึงบ้านเราได้มั้ย
เพราะถ้าแย่จริง กว่าผลเสียจะกระทบถึงคืออีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ไม่ใช่อดีต(งวดไตรมาสปัจจุบัน)
2.ยากครับ
3.นี่แหล่ะ paradox
ถือหุ้นไว้ไม่ขาย ไม่มีเงินสด แล้วจะหาโอกาสในช่วงวิกฤตได้อย่างไร?....paradox
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 14
หนังสือ ลงทุนสวนกระแสแบบ แอนโทนี่ โบลตัน ที่พี่ WEB แปล ให้ข้อคิดไว้เยอะมากๆ
และทุกๆข้อสามารถนำมาใช้ได้ครับ
Mr.Market มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนอยู่แล้วครับ
เพียงแต่ว่า เราจะทำอย่างไร
จะทำตามที่ Mr.Market เสนอ
หรือเราจะใช้เค้าทำประโยชน์ให้ หรือบางครั้งเราก็ไม่สนใจเค้า
การลงทุนของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงเกิดการ ซื้อ และขายหุ้นครับ
หาแนวทางที่เหมาะกับตัวเรา
แบ่งเงินลงทุน
และลองคิดว่า เราคิดผิดได้
และถ้าเราคิดผิด เราจะทำอย่างไร
มันเป็นเสน่ห์ของ"การลงทุน"ครับ
และทุกๆข้อสามารถนำมาใช้ได้ครับ
Mr.Market มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนอยู่แล้วครับ
เพียงแต่ว่า เราจะทำอย่างไร
จะทำตามที่ Mr.Market เสนอ
หรือเราจะใช้เค้าทำประโยชน์ให้ หรือบางครั้งเราก็ไม่สนใจเค้า
การลงทุนของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงเกิดการ ซื้อ และขายหุ้นครับ
หาแนวทางที่เหมาะกับตัวเรา
แบ่งเงินลงทุน
และลองคิดว่า เราคิดผิดได้
และถ้าเราคิดผิด เราจะทำอย่างไร
มันเป็นเสน่ห์ของ"การลงทุน"ครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 15
ใช่ครับ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ในเมื่อเราไม่มีทางรู้ได้ ๑๐๐% ว่าหุ้นตก หรือ หุ้นขึ้นส.สลึง เขียน:อะไรคือความแน่นอนครับsarawut_p เขียน:เท่าที่ผมเข้าใจ
ถ้ารู้แล้วแน่นอน ๑๐๐% ว่าหุ้นตกแน่นอน ก็ขายทำ SAP
ถ้าเป็น ๕๐/๕๐ ไม่รู้ว่าหุ้นจะไม่ลงหรือลง ก็อยู่เฉย ๆ ครับ อย่างน้อยไม่เสียค่าคอม
เพราะโอกาสเป็นได้ทั้งสองอย่างพอ ๆ กัน
...
เพราะถ้าเรารู้ว่าหุ้นต้องตก
แสดงว่าเราก็ต้องรู้ว่าหุ้นจะขึ้นเมื่อไหร่ด้วย
หรือเปล่า ?
ปล.
แม้ว่าหุ้นจะตก หุ้นก็ไม่ได้ตกทั้งหมด
บางตัวมันลงน้อย บางตัวมันลงเยอะ
แถมมีบางตัวขึ้นสวนตลาดก็มี
ตกลงเรากำลังทำอะไรอยู่ในตลาดครับ
เก็งกำไรหรือเปล่า ?
ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรครับ ทำตามพื้นฐานอย่างเดียว
Go within, be at peace.
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณมากครับ เตือนสติผมได้ดีมากๆเลยครับส.สลึง เขียน:วิธีที่ดีที่สุด หมายความว่า
มีแต่ ถูก และ ผิด
แค่นั้นหรือเปล่า ?
การลงทุนเป็นศิลปะครับ
มันไม่มีถูก 100%
หรือผิด 100%
และที่สำคัญ
คุณไม่จำเป็นต้องคิด
หรือต้องทำตามใคร
การขาดทุนไม่ใช่เรื่องไม่ดีครับ
ทำไมถึงกลัวกันจัง
ตอนที่เราเกิดมา
มีตังค์ติดตัวมากี่บาทกันครับ
ในมุมกลับ
การที่เรามีกำไร
ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้
เป็นตัวของตัวเองครับ
ใช้เหตุผล
ไม่ใช้อารมณ์
นั่นแหละที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 46
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวคิดที่ Paradox ของ VI (ขอความเห็นจากพวกเราด้วยครับ)
โพสต์ที่ 17
โดนมากเลยครับ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไรกับพอร์ตดีsarawut_p เขียน:เท่าที่ผมเข้าใจ
ถ้ารู้แล้วแน่นอน ๑๐๐% ว่าหุ้นตกแน่นอน ก็ขายทำ SAP
ถ้าเป็น ๕๐/๕๐ ไม่รู้ว่าหุ้นจะไม่ลงหรือลง ก็อยู่เฉย ๆ ครับ อย่างน้อยไม่เสียค่าคอม
เพราะโอกาสเป็นได้ทั้งสองอย่างพอ ๆ กัน
ถ้าราคาหุ้นตกไปมาก ๆ กว่าราคาทุน โดยที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน แสดงว่าเราผิดตั้งแต่ตอนเลือกหุ้นแล้วครับ แต่ถ้าเราเลือกหุ้นถูกแล้ว และมี MOS พอสมควร การที่ราคาหุ้นตกลงไป ๔๐% จากที่เราตั้ง MOS ไว้อีก ก็แสดงว่าตอนนั้นหุ้นถูกมาก ๆ มีของถูก ๆ มาให้ค่อย ๆ เก็บ น่าจะดีใจนะครับ