MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 1
ผมมีโอกาสได้ไปพบ ฟังและพูดคุยกับเจ้าของบริษัท หรือ MD ของบริษัทจดทะเบียนหลายบริษัทในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
หรือฟังเพื่อนๆ ที่ได้ไปพบเจ้าของบริษัทต่างๆ และมาเล่าให้ฟัง
หรือจากการได้อ่านใน web นี้
ก็พบสิ่งที่คล้ายกันก็คือ รู้สึกว่า MD หรือเจ้าของบริษัทจำนวนมากหรือเกือบทั้งหมด เป็นผู้บริหารที่เก่ง ตอบคำถามดี พูดเก่ง มีวิสัยทัศน์ ฟังแล้วประทับใจ กลับมาอยากซื้อหุ้นทันที บางบริษัทไปฟังแล้วเคลิ้มน้ำตาแทบไหลออกมาและอยากจะลุกไปห้องน้ำเพื่อสั่งซื้อหุ้นทันที
ผลลัพธ์ก็คือ หลายบริษัทที่ไปฟัง ก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้เราได้รับประโยชน์จากการได้ไปพบบริษัท แต่มีบริษัทจำนวนไม่น้อย ที่ตรงกันข้าม คือ การไปคุยทำให้ยิ่งมั่นใจ ยิ่งซื้อเพิ่ม ก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้น
ทำให้ผมกลับมาคิดในสิ่งที่ผมเคยคิดไว้คือ ผมเชื่อว่าเจ้าของบริษัทที่สามารถสร้างบริษัทได้เติบใหญ่ในระดับพอที่จะนำเข้าตลาดหุ้นได้ ก็คงจะต้องมีความสามารถพอสมควร หรือ MD ที่เป็นลูกจ้าง ซึ่งหากสามารถไต่เต้าจากการเป็นลูกจ้างมาเป็น MD ก็คงจะต้องมีความสามารถพอสมควร จึงไม่แปลกว่าเราจะรู้สึกว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะเก่งกันทั้งนั้น
และเรื่องการพูด การตอบคำถาม คงต้องยอมรับว่าหลายธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่ลูกค้าไม่ใช่ end user เจ้าของหรือ MD เป็นคนติดต่อลูกค้าเอง หรืออย่างน้อยก็เคยทำมาก่อน ดังนั้นทักษะการพูด การเจรจาของคนเหล่านี้ กินขาดครับ
ผมเชื่อว่าหากเราได้ไปคุยกับ MD ของบริษัทที่เรารู้สึกว่าไม่ดี หรือไม่น่าลงทุน หากเราไปโดยความรู้เกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ เป็น 0 อาจจะรู้สึกว่าเค้าเก่ง มีวิสัยทัศน์ และน่าลงทุนในหุ้นตัวนั้นๆ แต่จริงๆ แล้วบริษัทนั้นๆ ก็ไม่น่าลงทุนอยู่ดี
ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากศึกษาก็คือ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัทที่เรารู้สึกว่าเก่ง มีวิสัยทัศน์ มีความแตกต่างกันในระยะยาวๆ
ผู้บริหารหลายคนอาจจะเก่งกับการสร้างธุรกิจจากเล็กมากลาง ซึ่งเพียงพอที่จะเข้าตลาดฯ ได้ แต่พอจะสร้างจากกลางมาเป็นขนาดใหญ่ หรือทำให้เติบโตสม่ำเสมอ กลับพบปัญหามากมาย และก็ไม่สามารถทำได้ และผู้บริหารหลายคนอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
การนำเข้าหุ้นเข้าตลาดฯ ยังไงก็ทำให้เจ้าของกำไรอยู่แล้ว เพราะทุกบริษัทก็ IPO สูงกว่าราคาพาร์ และหลายบริษัทก็ปันผลออกไปเยอะมากแล้วก่อน IPO ทำให้เจ้าของบริษัทไม่มีต้นทุนเหลือแล้ว ดังนั้นเข้าตลาดฯ มาแล้วหุ้นจะลง เจ้าของก็กำไรอยู่ดี แต่เราในฐานะผู้ถือหุ้น เข้ามาทีหลัง เราก็ต้องหวังว่ากำไรของบริษัทนั้นๆ จะต้องดีขึ้นหลัง IPO เพื่อผลักดันให้ราคาหุ้นขึ้นจากราคาจองหรือราคาปิดวันแรกได้ ดังนั้นหากผู้บริหารคนนั้นเก่งในลักษณะสร้างธุรกิจจากเล็กมากลางได้ แต่ไม่สามารถสร้างจากกลางมาใหญ่ได้ หรือไม่สามารถรักษาสถานภาพไม่ให้ตกต่ำได้ ผู้ถือหุ้นก็จะขาดทุนจากการลงทุน
เหตุผลที่ผมเชื่อว่าเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เคยฟังมาก็คือ ผู้บริหารหรือเจ้าของบางคนทำงานแบบ one man show คือ ทำทุกอย่างที่สำคัญในองค์กรเองเกือบหมด ไม่มอบหมายงานสำคัญให้ลูกน้อง หรือเจ้าของขาดทักษะการบริหารคนในองค์กรที่ดีพอ หรือขาดการสร้างระบบงานภายในบริษัทที่จะช่วยรองรับการขยายตัวขององค์กรได้ หรือการละเลยความสำคัญของ back office ทำให้องค์กรเกิดคอขวด
ผมจึงอยากให้เพื่อนๆ ช่วยให้ความเห็นในหัวข้อนี้นะครับจากประสบการณ์ที่เพื่อนๆ ได้พบเจอมาครับ ว่าอะไรที่ทำให้ผู้บริหารที่เราไปฟัง ไปคุยแล้วรู้สึกว่าเค้าเก่งมากไม่ประสบความสำเร็จหลังการนำหุ้นเข้าตลาดเท่าทีควร ขอบคุณมากครับ
หรือฟังเพื่อนๆ ที่ได้ไปพบเจ้าของบริษัทต่างๆ และมาเล่าให้ฟัง
หรือจากการได้อ่านใน web นี้
ก็พบสิ่งที่คล้ายกันก็คือ รู้สึกว่า MD หรือเจ้าของบริษัทจำนวนมากหรือเกือบทั้งหมด เป็นผู้บริหารที่เก่ง ตอบคำถามดี พูดเก่ง มีวิสัยทัศน์ ฟังแล้วประทับใจ กลับมาอยากซื้อหุ้นทันที บางบริษัทไปฟังแล้วเคลิ้มน้ำตาแทบไหลออกมาและอยากจะลุกไปห้องน้ำเพื่อสั่งซื้อหุ้นทันที
ผลลัพธ์ก็คือ หลายบริษัทที่ไปฟัง ก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้เราได้รับประโยชน์จากการได้ไปพบบริษัท แต่มีบริษัทจำนวนไม่น้อย ที่ตรงกันข้าม คือ การไปคุยทำให้ยิ่งมั่นใจ ยิ่งซื้อเพิ่ม ก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้น
ทำให้ผมกลับมาคิดในสิ่งที่ผมเคยคิดไว้คือ ผมเชื่อว่าเจ้าของบริษัทที่สามารถสร้างบริษัทได้เติบใหญ่ในระดับพอที่จะนำเข้าตลาดหุ้นได้ ก็คงจะต้องมีความสามารถพอสมควร หรือ MD ที่เป็นลูกจ้าง ซึ่งหากสามารถไต่เต้าจากการเป็นลูกจ้างมาเป็น MD ก็คงจะต้องมีความสามารถพอสมควร จึงไม่แปลกว่าเราจะรู้สึกว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะเก่งกันทั้งนั้น
และเรื่องการพูด การตอบคำถาม คงต้องยอมรับว่าหลายธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่ลูกค้าไม่ใช่ end user เจ้าของหรือ MD เป็นคนติดต่อลูกค้าเอง หรืออย่างน้อยก็เคยทำมาก่อน ดังนั้นทักษะการพูด การเจรจาของคนเหล่านี้ กินขาดครับ
ผมเชื่อว่าหากเราได้ไปคุยกับ MD ของบริษัทที่เรารู้สึกว่าไม่ดี หรือไม่น่าลงทุน หากเราไปโดยความรู้เกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ เป็น 0 อาจจะรู้สึกว่าเค้าเก่ง มีวิสัยทัศน์ และน่าลงทุนในหุ้นตัวนั้นๆ แต่จริงๆ แล้วบริษัทนั้นๆ ก็ไม่น่าลงทุนอยู่ดี
ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากศึกษาก็คือ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัทที่เรารู้สึกว่าเก่ง มีวิสัยทัศน์ มีความแตกต่างกันในระยะยาวๆ
ผู้บริหารหลายคนอาจจะเก่งกับการสร้างธุรกิจจากเล็กมากลาง ซึ่งเพียงพอที่จะเข้าตลาดฯ ได้ แต่พอจะสร้างจากกลางมาเป็นขนาดใหญ่ หรือทำให้เติบโตสม่ำเสมอ กลับพบปัญหามากมาย และก็ไม่สามารถทำได้ และผู้บริหารหลายคนอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
การนำเข้าหุ้นเข้าตลาดฯ ยังไงก็ทำให้เจ้าของกำไรอยู่แล้ว เพราะทุกบริษัทก็ IPO สูงกว่าราคาพาร์ และหลายบริษัทก็ปันผลออกไปเยอะมากแล้วก่อน IPO ทำให้เจ้าของบริษัทไม่มีต้นทุนเหลือแล้ว ดังนั้นเข้าตลาดฯ มาแล้วหุ้นจะลง เจ้าของก็กำไรอยู่ดี แต่เราในฐานะผู้ถือหุ้น เข้ามาทีหลัง เราก็ต้องหวังว่ากำไรของบริษัทนั้นๆ จะต้องดีขึ้นหลัง IPO เพื่อผลักดันให้ราคาหุ้นขึ้นจากราคาจองหรือราคาปิดวันแรกได้ ดังนั้นหากผู้บริหารคนนั้นเก่งในลักษณะสร้างธุรกิจจากเล็กมากลางได้ แต่ไม่สามารถสร้างจากกลางมาใหญ่ได้ หรือไม่สามารถรักษาสถานภาพไม่ให้ตกต่ำได้ ผู้ถือหุ้นก็จะขาดทุนจากการลงทุน
เหตุผลที่ผมเชื่อว่าเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เคยฟังมาก็คือ ผู้บริหารหรือเจ้าของบางคนทำงานแบบ one man show คือ ทำทุกอย่างที่สำคัญในองค์กรเองเกือบหมด ไม่มอบหมายงานสำคัญให้ลูกน้อง หรือเจ้าของขาดทักษะการบริหารคนในองค์กรที่ดีพอ หรือขาดการสร้างระบบงานภายในบริษัทที่จะช่วยรองรับการขยายตัวขององค์กรได้ หรือการละเลยความสำคัญของ back office ทำให้องค์กรเกิดคอขวด
ผมจึงอยากให้เพื่อนๆ ช่วยให้ความเห็นในหัวข้อนี้นะครับจากประสบการณ์ที่เพื่อนๆ ได้พบเจอมาครับ ว่าอะไรที่ทำให้ผู้บริหารที่เราไปฟัง ไปคุยแล้วรู้สึกว่าเค้าเก่งมากไม่ประสบความสำเร็จหลังการนำหุ้นเข้าตลาดเท่าทีควร ขอบคุณมากครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 2
หาบริษัทที่ทำง่ายๆ คือเอาคนธรรมดามาทำก็ทำได้ ไมต้องแข่งขันมาก ข้อสังเกตุ คือหาบริษัททีโปรโมชั่นน้อยๆ
แล้วก็ไม่ต้องฟัง MD มาก เอาผลงานย้อนหลังเป็นที่ตั้ง ว่าทำได้แค่ไหน
แล้วซื้อในราคาที่ คิดว่าคุ้มจริงๆที่ได้ซื้อราคานี้
ก็เท่านั้นครับ
แล้วก็ไม่ต้องฟัง MD มาก เอาผลงานย้อนหลังเป็นที่ตั้ง ว่าทำได้แค่ไหน
แล้วซื้อในราคาที่ คิดว่าคุ้มจริงๆที่ได้ซื้อราคานี้
ก็เท่านั้นครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 3
ผมว่าถ้า MD ไม่เก่งมาก เป็นที่รักของลูกน้อง ก็สามารถนำบริษัทไปได้
วิสัยทัศน์ ไอเดีย ความรู้ ในสมัยนี้ผมว่าหาได้ทั่วไป มีเงินอย่างปูนใหญ่ ปตท. ก็จ้างคนเก่งๆ จบ ดร. มาทำงานได้มากเท่าที่ต้องการ
ความศรัทธาต่อผู้นำต่างหากที่หายาก
MD เก่งๆ แต่ไม่มีลูกน้องเก่งๆ .. ผมว่าบริษัทเจริญยากนะ
วิสัยทัศน์ ไอเดีย ความรู้ ในสมัยนี้ผมว่าหาได้ทั่วไป มีเงินอย่างปูนใหญ่ ปตท. ก็จ้างคนเก่งๆ จบ ดร. มาทำงานได้มากเท่าที่ต้องการ
ความศรัทธาต่อผู้นำต่างหากที่หายาก
MD เก่งๆ แต่ไม่มีลูกน้องเก่งๆ .. ผมว่าบริษัทเจริญยากนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 4
การวัดฝีมือผู้บริหาร ต้องดูประวัติการทำงานย้อนหลังครับ
ในชีวิตผม เจอคน Present เก่งหลายคน แต่น้อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่จะ Present เก่งและทำงานได้ดีอย่างที่พูดไว้
ในชีวิตผม เจอคน Present เก่งหลายคน แต่น้อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่จะ Present เก่งและทำงานได้ดีอย่างที่พูดไว้
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 5
ผมใช้ลูกผสมสไตล์เท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
กับหุ้นฟาร์มเฮ้าส์และแจ็คเจีย
ฟังเอ็มดีพูดตามสื่อ หรือในที่ประชุม
แล้วก็ถามพนักงานระดับล่างสุด
ถ้าให้ปากคำตรงกัน ถือว่าใช้ได้ครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
กับหุ้นฟาร์มเฮ้าส์และแจ็คเจีย
ฟังเอ็มดีพูดตามสื่อ หรือในที่ประชุม
แล้วก็ถามพนักงานระดับล่างสุด
ถ้าให้ปากคำตรงกัน ถือว่าใช้ได้ครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 6
ผมว่าบ้านเราเริ่มจากผลิตเก่ง(อาจลอกเลียนมาหรือเคยเป็นลูกน้องเขามาก่อน) ขายเก่ง(ทำให้สินค้าไปถึงมือลูกค้า) แต่พอถึงเรื่องการแข่งขันหรือกลยุทธระยะยาวแล้วมักจะป้อแป้ เนื่องจากปัจจัยทั้งภายใน(การจัดการองค์กร การวิจัยพัฒนา ฯลฯ)และปัจจัยภายนอก(เครือข่ายทางการผลิตและการตลาด - คลัสเตอร์) เพื่อความอยู่รอดระยะยาวแล้วผู้บริหารต้องเหนื่อยมากกว่ารอบแรกโดยเฉพาะเมื่อเป็นการค้าเสรี บางทีก็ไฟเริ่มหมดหาทางหนีทีไล่ ที่พูดออกมาบางทีมันเพียงเคยเป็นความฝันในอดีต
การทำอะไรแบบเดิมๆเป็นเวลานานๆทำให้ชีวิตเสียหาย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 7
สำหรับผมแล้ว ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านการเงินมากๆ คบค้ากับพวกการเงินการลงทุนมากๆ ออกข่าวมากๆเกินความจำเป็น เป็นสิ่งที่ผมกลัวครับ
ผู้ที่เก่งมากๆ มักจะรู้ว่าควรจะทำอะไร ควรจะพูดอะไร เพื่อให้ตนเองและบริษัทดูดีเกินจริง
ผมชอบประเภทเก่งหรือเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของตัวเอง แต่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเงินมากนัก ชอบประเภท Low Prolife แต่ High Profit ครับ
เพราะราคาหุ้นคงจะมีราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานมากๆ
ผู้ที่เก่งมากๆ มักจะรู้ว่าควรจะทำอะไร ควรจะพูดอะไร เพื่อให้ตนเองและบริษัทดูดีเกินจริง
ผมชอบประเภทเก่งหรือเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของตัวเอง แต่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเงินมากนัก ชอบประเภท Low Prolife แต่ High Profit ครับ
เพราะราคาหุ้นคงจะมีราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานมากๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
MD หรือ เจ้าของ บ. จดทะเบียนเกือบทุก บ. เก่งทุกคนหรือไม่ครับ
โพสต์ที่ 8
ผมค่อนข้างสับสนครับว่า หน้าที่ของ MD จริง ๆ แล้วคืออะไร (แบบว่าไม่เคยเป็น MD อ่ะ) บริษัทต้องการ MD แบบไหนที่จะพาให้บริษัทรุ่งเรือง ควรจะเป็น MD แบบทำงานแหลก หรือแบบนั่งวางแหนสั่งการสบาย ๆ หรือแบบคอยออกข่าวให้นักลงทุนรู้ (หน้าที่ MD ด้วยหรือเปล่านี่ หรือหน้าที่ฝ่าย PR)
เพราะหน้าที่แต่ละแบบก็ต้องการ MD ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าแบบคุณ IH พูด ดูเหมือน MD จะเป็นสายเซลล์หรือการตลาดมากกว่านะ
เพราะหน้าที่แต่ละแบบก็ต้องการ MD ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าแบบคุณ IH พูด ดูเหมือน MD จะเป็นสายเซลล์หรือการตลาดมากกว่านะ